ตอนที่แล้วChapter 29: หนีจากความตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 31: ค่ำคืนแห่งการนองเลือด

Chapter 30: ความชอบส่วนตัว


ฉินหรานไม่รู้ว่าเป็นไอ้คนไหนที่ติดตั้งการป้องกันค่ายพัก อาจจะเป็นซาหลูข่าหรือคนอื่น แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร คนคนนั้นทำหน้าที่ได้ดีมาก ยืนยันได้จากปืนกล สิ่งกีดขวาง และหน่วยลาดตระเวน แม้ว่าฐานจะขาดกำลังคน แต่ทุกจุดก็มีคนคอยเฝ้าเอาไว้

ทุกจุดยกเว้นสนามโล่ง ๆ ตรงหน้าฉินหราน

เขาไม่อยากเชื่อว่าเมื่อจุดอื่น ๆ จะมีการเฝ้าระวังเป็นอย่างดีแล้วจุดนี้จะเป็นข้อยกเว้นไปได้ คำอธิบายเดียวที่มีเป็นไปได้ก็คือ นี่เป็นทุ่งกับระเบิด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุ่งกับระเบิดเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ มันสามารถก่อความเสียหายสูงสุดและยังเป็นสัญญาณเตือนให้แก่ทหารที่อยู่ด้านในฐาน

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ฉินหรานคิดถึงบางอย่างตอนที่มองไปที่สนามโล่งว่าง

"หวังว่าจะได้ผล!"

เขาเดินไปข้างหน้าและเปิดใช้งานสกิล [ตามรอย] ทันใดนั้น โลกรอบตัวของเขาก็เปลี่ยนไป การมองเห็นของเขาแบ่งเป็นสามสี ขาว แดง และดำ รอยเท้าสีขาวเป็นทางปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา รอยเท้าดูตื้น เหมือนเศษฝุ่นลอยลมมากองทับเป็นชั้น ๆ ฉินหรานรู้ว่าเป็นเพราะรอยพวกนี้อยู่มานานแล้ว

มันน่ากลัวมากที่กาลเวลาสามารถล้างบางอย่างที่ลึกล้ำถาวรออกไปและทำให้ผู้คนลืมเลือนไปได้

โชคดี ฉินหรานมาที่นี่ทันเวลาได้เห็นร่องรอยพวกนี้ อีกไม่กี่วันร่องรอยพวกนี้คงจะหายไปหมดแล้ว และที่ดีไปกว่านั้น ฉินหรานพบเส้นทางที่ปลอดภัย เขาข้ามทุ่งกับระเบิดไปตามรอยเท้าที่มองเห็น เขาเดินตามรอยเท้าผ่านกับระเบิดไปอย่างระมัดระวัง

ตอนที่เขาข้ามทุ่งกับระเบิดมาถึงอีกด้านของกำแพงได้เหงื่อก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก การเดินข้ามทุ่งกับระเบิดเป็นการทดสอบจิตใจระดับสูงสำหรับฉินหราน เขาต้องสะกดกลั้นความกลัวที่จะถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ เขาไม่สามารถทำพลาดได้แม้แต่ก้าวเดียว

และงานนี้ใช้ [กำลังกาย] ของเขาไปมหาศาล ระยะแค่สิบเมตรแต่ใช้ [กำลังกาย] ของฉินหรานที่มีอยู่ 150 ไปเกินครึ่ง

"ทักษะเรียกใช้นี่ทำเอาเหนื่อยเลย!" เขามอง [กำลังกาย] ที่เหลืออยู่ครึ่งเดียวไปพลางพยายามหายใจให้ทัน

เมื่อ [กำลังกาย] ของเขาฟื้นฟูเต็มที่แล้ว เขาก็ย่อตัวลงก่อนจะกระโดดขึ้นคว้าขอบกำแพงเอาไว้ด้วยสองมือและจะดึงตัวข้ามกำแพงไป เขาเหวี่ยงตัวข้ามกำแพงอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบแล้วม้วนตัวอีกครั้งเข้าไปยังเงามืด เขาทำทั้งหมดนั่นในชั่วอึดใจเดียว

มันเป็นยืนยันว่าการเพิ่มค่าสถานะทางกายกับทักษะ [อำพราง] นั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มระดับแค่จาก F เป็น F+ เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงที่การเพิ่มระดับนำมาให้

เขาแข็งแกร่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีความทรหดมากขึ้น

ถ้าเขายังมีสภาพร่างกายเหมือนตอนที่เข้าเกมมาครั้งแรก เขายังเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้แต่ไม่ใช่ในชั่วอึดใจเดียวแน่ ๆ คงจะเป็นไปไม่ได้ด้วยสภาพร่างกายแบบเดิม เขารู้สึกดีใจกับตัวเองที่สามารถข้ามสิ่งกีดขวางนี้ได้อย่างง่ายดาย

"ระดับ F+ เป็นอย่างนี้ แล้วถ้าระดับสูงขึ้นกว่านี้จะเป็นยังไง?" เขาสงสัย ในใจรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาก็ควรเดินตามเส้นทางนี้สู่การมีค่าสถานะสูงได้

จากนั้นเขาก็รู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหนและบังคับตัวเองให้สงบใจลงและจัดการกับปัญหาเบื้องหน้าก่อน

เขาซ่อนตัวอยู่ในเงาและรอให้ความตื่นเต้นของตัวเองลดลงก่อนที่จะดำเนินการตามแผนต่อและมุ่งตรงไปที่ตึกสูงสามชั้น ตึกนี้เดิมคงเคยเป็นตึกสำนักงานของโรงเรียนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นกองบัญชาการของค่ายและห้องเก็บเสบียง

ไฟค้นหากำลังสูงจากด่านชั้นนอกยังคงส่องมาทางทุ่งกับระเบิดเป็นระยะทำให้ความคืบหน้าสู่เป้าหมายของฉินหรานช้าลง หลังจากเดินไปได้สองสามก้าวเขาก็ต้องหยุด และรอให้แสงไฟกวาดผ่านไปถึงจะเดินไปต่อได้

เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกดีใจที่บุกเข้ามาในฐานที่มั่นตอนที่กำลังพลไม่เพียงพอ

ที่นี่มีไฟค้นหานี่ทั้งหมด 3 จุด แต่มีการเปิดใช้เพียง 2 จุดในตอนนี้ ถ้ามีมากกว่านี้ เขาคงจะไม่มีโอกาสแอบเข้ามาได้โดยไม่ถูกพบตัวแบบนี้ แน่นอนว่ายังมีหน่วยลาดตระเวนเดินตรวจพื้นที่ตลอด แม้ว่าจะขาดกำลังคนแต่ทหารก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ หน่วยลาดตระเวนเป็นความกังวลหลักของฉินหรานเลย

ทหารเป็นมนุษย์ ไม่เพียงแต่มองเห็น ยังสามารถได้กลิ่นและได้ยินเสียงเขา

แม้ว่าเงามืดจะซ่อนร่างฉินหรานไว้ แต่ไม่ได้เก็บเสียงที่ฉินหรานอาจจะทำขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้ ฉินหรานเคลื่อนที่ไปอย่างระวัง พยายามสุดความสามารถที่จะไม่สร้างเสียงใด ๆ เขาใช้เวลาไปเกือบสิบนาทีในการเดินข้ามจากกำแพงมาที่ทางเข้าตึก ทางเข้ามีทหารยามยืนอยู่สองคน

เขาเลือกจุดที่จะเข้าไปเรียบร้อยแล้ว หน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้นสอง

เขาเลือกตรงนี้เพราะว่ามันใกล้เขามากกว่า และทหารยามมองไม่เห็นเขา อีกอย่าง กระจกหน้าต่างก็แตกอยู่แล้ว ทำให้เข้าไปได้ง่ายขึ้น

ราวกับกระต่ายกระโจนหนีก่อนถูกเหยี่ยวโฉบลงมาจับได้ เขากระโดดขึ้นไปบนขอบของหน้าต่างชั้นแรก และไต่ไปตามขื่อคานที่เชื่อมระหว่างชั้นแรกและชั้นสอง เขาเอื้อมมือไปที่หน้าต่างบานนั้นและปีนเข้าตึกไปอย่างเงียบ ๆ

ชั้นแรกและชั้นสองล้วนว่างเปล่า

แม้ว่าฉินหรานจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่เขาไม่ต้องเปิดใช้สกิล [ตามรอย] ก็เห็นว่ามีคราบเลือดบนพื้น เขาเริ่มคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนแรกเลือดคงนองเป็นแอ่ง ก่อนที่จะแผ่ขยายออกไปกว้างขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป นี่หมายความว่าน่าจะไม่ใช่เลือดของคนคนเดียว น่าจะเป็นเลือดของคนเป็นสิบคนถึงเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นได้ขนาดนี้

"ไอ้พวกกบฏระยำ!" ดวงตาของฉินหรานเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ผู้คนถูกฆ่าตายระหว่างสงคราม ฉินหรานไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาโกรธมาก เมื่อมองไปที่เก้าอี้และโต๊ะตัวเล็ก ๆ เขาก็อดคิดภาพของเด็ก ๆ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารโดยพวกกบฏ พวกเด็ก ๆ คงจะรู้สึกไร้ที่พึ่งและหวาดกลัวมาก หูของเขาราวกับจะได้ยินเสียงคร่ำครวญ ดวงตาของเขาก็ราวกับจะมองเห็นชีวิตเล็ก ๆ ถูกพร่าไป เด็กพวกนั้นก็คล้ายกับเขา มีความหวัง มีความฝัน แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะรู้ถึงความหวังความฝันเหล่านั้นก็ถูกฆ่าราวกับเป็นแพะเป็นแกะ

พวกเด็ก ๆ ไม่มีโอกาสเลยสักนิด

ฉินหรานรู้สึกเจ็บปวดในอกจนเหมือนกับจะหายใจไม่ออก เขารู้สึกว่าความโกรธแค้นที่เขาพยายามกดข่มไว้มานานกำลังจะระเบิดออก ความโกรธแค้นของคนใจเย็นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างกับความโมโหนี้ และเขารู้ว่ามีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้

ความลำเค็ญในช่วงวัยเยาว์ของฉินหรานโมยความใจดีและเมตตาไปจากตัวเขาเอง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เขากลายเป็นปิศาจไร้เมตตาเช่นกัน เขาเคยได้รับความช่วยเหลือมาก่อน และมันก็ทำให้เขายังศรัทธาในตัวเอง ดังนั้น เขาก็ยินดีช่วยเหลือผู้อื่นตามความสามารถของเขาเช่นกัน

แค่เฉพาะที่เขาสามารถทำได้

เขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรัง และจากนั้นก็รีบหมุนตัวกลับออกจากห้องไป เขาเปิดประตูและออกไปดูเพื่อยืนยันจุดหมายของเขา มันเป็นจุดที่มองเห็นได้ง่ายเพราะว่ามีทหารยืนเฝ้ายามอยู่ตรงทางออก ทหารยามผู้นั้นเป็นทหารเพียงคนเดียวในตึกนี้

เห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังเฝ้าบางอย่างที่สำคัญ

ฉินหรานกำกริชไว้ ค่อย ๆ เข้าหาเป้าหมายอย่างเงียบ ๆ

ทางเดินแคบและมีแสงไฟสลัวเพียงแค่ดวงเดียว แต่ว่านั่นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขามาก ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ สกิล [อำพราง] ร่วมกับสกิล [ อาวุธมีคม (กริช)] ของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

ราวกับสิงโตกำลังตามรอยเหยื่อของมัน เขากระโจนเข้าใส่ทหารยาม ผลักทหารล้มลงไปก่อนที่จะทันรู้ตัว จากนั้นเขาก็ยกมือปิดปากทหารยามแน่นและใช้มีดกรีดไปที่ลำคอ

[แทง: จู่โจมถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]

หลังจากยืนยันการตายของทหารยามแล้ว ฉินหรานก็สังเกตเห็นล็อกบนประตูที่ทหารยืนเฝ้า เขารีบค้นตัวทหารยามเพื่อหาลูกกุญแจ

เขาเจอมันแล้ว ลูกกุญแจพวงหนึ่งแขวนอยู่ที่เอวของทหาร

[ชื่อ: กุญแจห้องเก็บของ]

[ชนิด: ลูกกุญแจ]

[คุณภาพ: ปกติ]

[การเสริมสถานะ: ไม่มี]

[ผลลัพธ์พิเศษ: ไม่มี]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ไม่ได้]

[หมายเหตุ: ถ้าคุณรู้จักวิธีสะเดาะกุญแจ คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอ่ะ!]

พอเขาวนมาถึงลูกกุญแจถูกดอก แม่กุญแจอันใหญ่ก็หลุดออก ฉินหรานผลักประตูเปิดออกและเห็นหีบมากมายวางอยู่ ฉินหรานห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาพุ่งไปหาหีบใบหนึ่ง งัดล็อกเปิดออกด้วยกริชของเขาและเปิดฝาหีบขึ้น ใต้แสงสลัวจากทางเดิน เขาเห็นแล้วว่าด้านในเป็นอะไร

มันคือเครื่องยิงจรวด

[ชื่อ: Tekken-II]

[ชนิด: เครื่องยิงจรวด]

[คุณภาพ: ปกติ]

[ระดับการโจมตี: รุนแรงมาก]

[จำนวนกระสุน: 1]

[การเสริมสถานะ: ไม่มี]

[ผลลัพธ์พิเศษ: ไม่มี]

[เงื่อนไขการใช้งาน: อาวุธปืน (ปืนกลหนัก) (พื้นฐาน)]

[การนำออกจากดันจี้ยน: ได้]

[หมายเหตุ: มันสามารถเจาะเกราะได้ แต่ก็ต้องใช้กระสุนระเบิดให้ถูกด้วยน่ะนะ!]

...

ฉินหรานแตะเครื่องยิงจรวดแล้วหน้าต่างข้อมูลก็เด้งขึ้นมา น่าเสียดายที่ฉินหรานไม่มีสกิล [อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (พื้นฐาน)] แม้ว่าจะรู้อานุภาพของอาวุธแต่เขาก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อย่างที่ต้องการ เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหมุนตัวไปเปิดหีบอื่น ๆ

[ชื่อ: HK-20]

[ชนิด: อาวุธปืน]

[คุณภาพ: ปกติ]

[ระดับการโจมตี: รุนแรง]

[จำนวนกระสุนต่อแม็กกาซีน: 100 นัด]

[การเสริมสถานะ: ไม่มี]

[ผลลัพธ์พิเศษ: ไม่มี]

[เงื่อนไขการใช้งาน: อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (พื้นฐาน)]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]

[หมายเหตุ: คุณต้องใช้กระสุนขนาด 5.56 มิลลิเมตรจำนวนมาก]

...

ดวงตาของฉินหรานเป็นประกายขึ้นมา เขาใช้ปืนนี่ได้ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดเปิดดูหีบใบอื่น แค่นี้มันไม่พอ เขาต้องการมากกว่านี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด