ตอนที่ 7 [เนตรหยั่งรู้] !
ตอนที่ 7 [เนตรหยั่งรู้] !
อู๋ซิงหาน ผู้ดูแลหอปลุกพลัง ตัดสินพรสวรรค์ [เนตรหยั่งรู้] ระดับตำนานของไป๋จื่ออันผิดพลาด คิดว่ามันเป็นแค่พรสวรรค์ระดับ S [สัญชาตญาณขั้นสูง]
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกจนใจ
แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะแก้ต่างอะไร
เพราะในใจยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่
ทำไมพรสวรรค์ระดับตำนานถึงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพรสวรรค์ทั่วๆ ไป?
เรื่องนี้มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า?
ไป๋จื่ออันมีลางสังหรณ์
ถ้าหากเขาพูดออกไป อาจจะนำปัญหามาสู่ตัวเองก็เป็นได้
นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยจาก [เนตรหยั่งรู้] พรสวรรค์ระดับตำนานของเขา เชื่อถือได้แน่นอน
ดังนั้น ไป๋จื่ออันจึงต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูด เก็บเรื่องนี้เป็นความลับก็แล้วกัน
ยังไงซะ แค่พรสวรรค์ระดับ S เขาก็เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเมืองไป๋หลินแล้ว
ยิ่งบวกกับฐานะหลานชายเจ้าเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรต่างๆ เขาจะมีทุกอย่างที่ต้องการอย่างแน่นอน
ไป๋จื่ออันจึงไม่คิดที่จะพูดอะไรอีก
เรื่องนี้จึงจบลงแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม การที่ไป๋จื่ออันปลุก "พรสวรรค์ระดับ S" ได้สร้างความฮือฮาอย่างมาก
เรื่องนี้ค่อยๆ แพร่สะพัดออกไป
เพื่อนร่วมชั้นพากันมุ่งล้อมไป๋จื่ออัน พวกเขามองมาที่เขาด้วยแววตาตกตะลึง
“นายน้อยไป๋ เรื่องจริงงั้นเหรอ? นายปลุกพลังพรสวรรค์ระดับ S ได้จริงๆ เหรอ?”
"ยินดีด้วยนะ นายน้อยไป๋ ในที่สุดนายก็ทำสำเร็จแล้ว!”
“พรสวรรค์ระดับ S ในตำนาน… ยอดเยี่ยมไปเลย!”
“คุณปู่ของนายก็เป็นถึงผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเพชร บวกกับพรสวรรค์ระดับ S ของนายแล้ว… นี่มัน… ลูกหลานสวรรค์ชัดๆ”
“ไป๋เส้า ถึงนายจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมพวกเราก็แล้วกันนะ”
การที่ไป๋จื่ออันปลุก "พรสวรรค์ระดับ S" ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
ไป๋จื่ออันได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขาไม่รู้จะรับมือกับทุกคนยังไงแล้ว
โชคดีที่พิธียังไม่จบ
นักเรียนชุดต่อไปยังคงยืนต่อแถวรออยู่
ผู้คุมสอบจึงไล่ไป๋จื่ออันและเพื่อนๆ ออกมาจากหอ พวกเขากำลังต้อนรับนักเรียนชุดต่อไป
เมื่อทุกคนเดินออกมาจากหอ ก็พบกับไป๋จิ้งฉงที่ยืนรออยู่ด้านนอก
ไป๋จื่ออันรีบฉวยโอกาสนี้หลบจากวงล้อมของเพื่อนๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาปู่ทันที
"เสี่ยวอัน รู้สึกยังไงบ้าง? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?"
ไป๋จิ้งฉงรีบถาม เขาอยากรู้ว่าหลานชายเป็นยังไงบ้าง
“ไม่เป็นไรครับคุณปู่ แต่เสียดายที่ผมไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ”
ไป๋จื่ออันพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเขาไม่เป็นไร
แต่ก็อดเสียดายไม่ได้
จริงๆ แล้ว สาเหตุหลักที่เขาเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะใช้พลังงานจากศิลาปลุกพลัง ไม่สิ พลังงานจากเมล็ดพันธุ์แห่งมหาพฤกษาชีวิต ในการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ
เขาไม่คิดเลยว่า พรสวรรค์การต่อสู้ของตัวเองจะกลายพันธุ์ จนทำให้เขาไม่มีเวลาสร้างมิติสัตว์วิญญาณ
“ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็กน้อย”
ไป๋จิ้งฉงทำสีหน้าเฉยเมย
เพราะการสร้างมิติสัตว์วิญญาณด้วยพลังงานจากศิลา เทียบไม่ได้เลยกับการที่พรสวรรค์กลายพันธุ์
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยทรัพยากรของจวนเจ้าเมือง การสร้างมิติสัตว์วิญญาณไม่ใช่เรื่องยาก เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนั้นก็ได้
ทรัพยากรที่เสียไป เทียบไม่ได้เลยกับพรสวรรค์ที่หลานชายได้รับมา
ดังนั้น ไป๋จิ้งฉงจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
แต่เขาก็กังวลเรื่องพรสวรรค์ที่กลายพันธุ์อยู่บ้าง
ไป๋จิ้งฉงจึงถือโอกาสนี้ตรวจสอบร่างกายของหลานชาย
เมื่อเห็นว่าทั้งร่างกายและจิตใจของไป๋จื่ออันยังคงปกติดี เขาก็เบาใจ
ไป๋จื่ออันไม่ได้กลับบ้านทันที เขายังคงอยู่กับไป๋จิ้งฉง เขาอยากจะใช้เวลาทำความเข้าใจและศึกษาความสามารถของ [เนตรหยั่งรู้] ให้มากกว่านี้
อย่างแรกคือการหยั่งรู้
[เนตรหยั่งรู้] สามารถมองเห็นข้อมูลของศัตรูได้
ดูเหมือนว่า ความสามารถนี้จะไม่ได้ถูกจำกัดด้วยระดับพลัง
เพราะแม้แต่ข้อมูลของเมล็ดพันธุ์แห่งมหาพฤกษาชีวิต เขาก็ยังสามารถมองเห็นได้
ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นผู้ใช้สัตว์วิญญาณด้วยซ้ำ
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ไป๋จื่ออันมั่นใจว่า แม้แต่ไป๋จิ้งฉงก็คงไม่สามารถมองทะลุตัวตนที่แท้จริงของเมล็ดพันธุ์แห่งมหาพฤกษาชีวิตได้
แต่ด้วย [เนตรหยั่งรู้] ที่มี มันทำให้เขากลับเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
มองเห็นทุกอย่าง!
ไม่มีคำโกหกหรือการอำพรางใดๆ ที่รอดพ้นจากสายตาของเขาได้!
นี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขาในอนาคต
ประการที่สอง [เนตรหยั่งรู้] สามารถใช้ตามหาสมบัติได้
[ติ๊ง! ตรวจพบสัตว์วิญญาณเพลิง “สุนัขเพลิง” ห่างออกไป 10 เมตร ด้านซ้าย]
อ้อ นั่นมันสัตว์วิญญาณของเจ้าหน้าที่หอปลุกพลังนี่ พวกเขากำลังลาดตระเวนรอบๆ หอ ป้องกันเพื่อไม่ให้ศัตรูแอบเข้าไป
หน้าที่ของมันก็คงจะคล้ายๆ กับสุนัขตำรวจในโลกเดิมของเขา
แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ความสามารถของ [เนตรหยั่งรู้] ต่างหาก
นี่คือความสามารถที่สองของมัน การค้นหาสัตว์วิญญาณและสมบัติต่างๆ ภายในรัศมีหนึ่ง
นี่มัน… ทักษะโกงชัดๆ!
ตราบใดที่สมบัติปรากฏขึ้นใกล้ๆ เขา มันก็จะไม่มีวันรอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้
แบบนี้ ต่อไป การตามหาสมบัติก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของ [เนตรหยั่งรู้] ยังทำให้เขานึกถึงนิยายที่เขาเคยอ่านในชาติที่แล้ว
นั่นก็คือ “เสียงเตือนของระบบ” !
ในนิยายหลายๆ เรื่อง พระเอกมักจะได้รับความช่วยเหลือจากเสียงเตือนของระบบ มันทำให้สามารถตามหาสมบัติล้ำค่าได้มากมาย
และ [เนตรหยั่งรู้] ก็มีความสามารถคล้ายๆ กันแบบนี้
เพียงแต่ว่า นี่ไม่ใช่ระบบ แต่มันคือพรสวรรค์ของเขา!
มองเห็นข้อมูลศัตรู!
ค้นหาตำแหน่งสมบัติ!
นี่เป็นเพียงความสามารถพื้นฐานของ [เนตรหยั่งรู้] เท่านั้น มันแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลย
ความสามารถทั้งสองอย่างนี้จะเป็นประโยชน์กับไป๋จื่ออันอย่างมากในอนาคต
พรสวรรค์ระดับตำนานนี่มัน… สุดยอดจริงๆ!
ไป๋จื่ออันพอใจกับมันมาก
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ ดูเหมือนว่ารัศมีการรับรู้ของ [เนตรหยั่งรู้] จะมีข้อจำกัด
ตอนนี้ เขาสามารถรับรู้ได้แค่ในรัศมี 10 เมตร รอบๆ ตัวเองเท่านั้น
นี่อาจจะเป็นข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของ [เนตรหยั่งรู้]
แต่นี่ก็น่าจะเป็นเพราะพลังของเขายังอ่อนแอเกินไป
เมื่อไหร่ที่เขาแข็งแกร่งขึ้น รัศมีการรับรู้ก็จะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ เขาก็อาจจะสามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็เป็นได้
เมื่อถึงตอนนั้น จะไม่มีความลับใดๆ ในโลกใบนี้สามารถรอดพ้นจากการรับรู้ของเขาไปได้!
เขาจะเป็นดั่งเทพแห่งการหยั่งรู้!
นี่คือพลังที่แท้จริงของ [เนตรหยั่งรู้] พรสวรรค์ระดับตำนาน พลังที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจจะขวางกั้นได้!