บทที่ 29 มาส่งถึงที่
###
จางลี่กั๋วรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
เมื่อวานราคาถั่วเหลืองในตลาดอยู่ที่ 3.3 หยวนต่อกิโลกรัม เขากับจางเยว่ซื้อเพิ่มขึ้นอีกสองเหมา รวมค่าน้ำมันแล้วตกกิโลกรัมละประมาณ 3.6 หยวน
แต่ตอนนี้ราคากลับลดลงเหลือ 2.9 หยวนต่อกิโลกรัม ขาดทุนกิโลกรัมละ 0.7 หยวน
เขาซื้อถั่วเหลืองมา 30,000 กิโลกรัม เท่ากับขาดทุนไปสองหมื่นหยวนแล้ว
เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด
แต่จางเยว่กลับไม่ใส่ใจเลย: “แค่สองหมื่นเอง เรื่องเล็ก
พ่อรู้ไหม ในวงการหุ้นเขามีคำพูดอยู่คำนึงว่า ‘คนจริง ต้องเอาชนะความโลภและความกลัวได้’
การที่ราคาลดลงไม่กี่เหมาถึงหยวนเป็นเรื่องปกติ ใจเย็น ๆ ไว้!”
พูดจบเขาก็กลับไปนอนต่อ
จางลี่กั๋วมองลูกชายที่ขี้เกียจของเขาอย่างจนใจแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
เมื่อจางเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแบบง่าย ๆ แล้ว เขาก็เตรียมจะข้ามถนนไปดื่มหูหลาตัง แต่เห็นหลิวหยวนเจียงมาอีกแล้วที่ร้านข้าวกั๋วเยว่
หลิวกุ้ยจือที่ดูแลร้านอยู่หน้าบึ้งตึงทันที: “แกมาทำไม? ร้านของเราเอาไปจำนองกับธนาคารแล้ว ไม่มีทางขายให้แกหรอก”
แต่หลิวหยวนเจียงกลับไม่รู้สึกประหลาดใจเลย: “พี่สะใภ้ อย่ามองผมแบบมีอคติสิ!
ถึงยังไงเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน มองหน้ากันก็เจอแล้ว
และผมกับพี่ลี่กั๋วก็สู้กันมานานหลายปี แต่ไม่มีใครได้ประโยชน์เลยนอกจากทั้งคู่จะเจ็บไปพร้อมกัน
วันนี้ผมมาขอสงบศึก”
หลิวกุ้ยจือไม่ยอมเล่นตามน้ำของเขา: “มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม”
หลิวหยวนเจียงกระแอมเบา ๆ : “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะพูดตามตรง
ได้ยินว่าคุณรับซื้อถั่วเหลืองมา 16 ตันเมื่อวานนี้?”
“ใช่ ทำไมล่ะ?”
“ทำไมจะไม่ได้? แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว ร้านข้าวก็รับซื้อข้าวธัญพืชเป็นธรรมดา
คราวนี้ผมมาถามว่า พวกคุณยังจะซื้อถั่วเหลืองอยู่อีกไหม?
ในคลังสินค้าผมยังมีอีก 10 ตัน แค่คำเดียวจากคุณ ผมก็จะเอามาส่งให้”
พูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็มีแต่ความสะใจ
ในสองวันนี้เขาเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของพ่อลูกบ้านจางตลอด การที่ทั้งสองออกไปซื้อถั่วเหลืองจากหมู่บ้านก็คงไม่พ้นสายตาเขา
แต่เดิมเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะยังไงจางลี่กั๋วกลับมาแล้ว ซื้อธัญพืชมากักตุนไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
นอกจากหน้าร้านแล้ว บ้านจางยังมีคลังสินค้าอีกที่หนึ่ง ต่อให้ขายหน้าร้านไปแล้ว พวกเขาก็ยังอาศัยคลังสินค้าขายธัญพืชแบบขายส่งได้อยู่ดี
แต่ใครจะคิดว่า เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาแล้วได้ยินว่าราคาถั่วเหลืองลดลงมากกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาดีใจแทบจะกระโดดตัวลอย
นี่มันคือการช่วยเหลือจากฟ้าชัด ๆ!
ยิ่งราคาถั่วเหลืองลดมากเท่าไหร่ จางลี่กั๋วก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น เขาก็ยิ่งมีโอกาสจะซื้อร้านข้าวกั๋วเยว่ในราคาถูกได้มากขึ้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กลับมาที่ร้านข้าวกั๋วเยว่
จุดประสงค์ก็ชัดเจนมาก ใช้เรื่องราคาถั่วเหลืองมากระตุ้นจางลี่กั๋วอีกครั้ง ให้เขาเกิดความกังวล
พอคนสติแตก ก็จะทำเรื่องผิดพลาดได้ง่าย
หลิวหยวนเจียงพูดจบ จางเยว่ก็พูดขึ้นทันทีว่า: “จริงเหรอที่คุณมีถั่วเหลืองตั้งสิบตัน?”
หลิวหยวนเจียงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะ: “เดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายหรอกนะ แต่ถ้านายอยากจะซื้อจริง ๆ ฉันขายให้ก็ได้”
“งั้นตกลง เดี๋ยวฉันจะหาคนไปขนของเอง”
หลิวหยวนเจียงไม่คิดว่าจางเยว่จะตอบรับเร็วขนาดนี้ เขาเลยลังเลขึ้นมาทันที: “นายจะซื้อเท่าไหร่?”
“มีเท่าไหร่ก็ซื้อเท่านั้น”
“นี่มัน…”
“เฮอะ!” จางเยว่พูดอย่างดูถูก “ถ้าคุณไม่กล้าขายก็ไม่ต้องมาเห่าอยู่หน้าร้านของฉัน
พวกเราเปิดร้านทำธุรกิจ ไม่ได้อยากฟังหมาเห่า”
ถ้าเป็นจางลี่กั๋ว เขาอาจจะต้องรักษาหน้าตาด้วยการพูดคุยแบบใจเย็น ๆ แต่จางเยว่ไม่คิดจะใจดีด้วย
“แก…ก็ได้ ขายก็ขาย คิดว่าฉันไม่กล้าหรือไง? แต่ถั่วเหลืองต้องกิโลกรัมละ 3.0 หยวน และฉันต้องการเงินสดเท่านั้น”
“ได้เลย!” จางเยว่หัวเราะร่า
สำหรับพวกที่ซ้ำเติมคนล้มอย่างหลิวหยวนเจียง เขาตั้งใจจะไปหาเรื่องหลังจากนี้สักหน่อย
ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยกหัวมาให้เขาถึงที่
จึงไม่ได้กินหูหลาตังที่อยากกินแต่แรก แต่ไปตามหาคนงานมาช่วยขนของไปที่คลังสินค้าของหลิวหยวนเจียงแทน
คลังสินค้าของหลิวหยวนเจียงอยู่ไม่ไกลจากคลังสินค้าของบ้านจาง การขนย้ายจึงสะดวกมาก
จางเยว่เข้าไปเช็กสินค้าดูรอบหนึ่ง พบว่าจริง ๆ แล้วมีถั่วเหลืองอยู่ 12 ตัน
ด้านหนึ่งเรียกคนงานมาขนของ อีกด้านหนึ่งจางเยว่ก็ไปจ่ายเงิน
ถั่วเหลือง 12 ตัน 36,000 หยวน น้อยกว่าที่ไปซื้อถึงหมู่บ้านเมื่อวานถึง 6,000 หยวน
เท่ากับได้มาฟรี ๆ
จางเยว่หยิบบัตรเครดิตธนาคารเจียโอขึ้นมา: “รูดได้เลย!”
หลิวหยวนเจียงถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกในทันที
เขาเชื่อในใจว่าจางเยว่แกล้งทำเป็นรวย
แม้ว่าเขาเองก็มักจะใช้บัตรเครดิตซื้อธัญพืชเป็นบางครั้ง แต่จะทำในเวลาที่กักตุนสินค้าเป็นจำนวนมากเท่านั้น
แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ธัญพืชถูกปล่อยออกมาสู่ตลาดแล้ว เงินทุนก็มีพร้อมที่สุด
ถ้าในช่วงนี้ยังต้องยืมเงินซื้อของ ก็แสดงว่าบ้านจางล้มละลายแล้วจริง ๆ
เมื่อรูดบัตรและออกใบเสร็จ
จางเยว่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยและตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าถูกขนออกไปทั้งหมดแล้ว ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตอนนี้ต่อให้หลิวหยวนเจียงอยากจะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว
เมื่อกลับมาถึงร้าน จางลี่กั๋วก็อยู่ในร้าน
จางเยว่กำลังจะทักทาย แต่จางลี่กั๋วกลับลุกขึ้นยืน สีหน้ามืดมน: “แกไปซื้อถั่วเหลืองจากบ้านหลิวหยวนเจียงมาหรือ?”
จางเยว่พยักหน้า: “ทำไมล่ะ?”
“แล้วแกเอาเงินมาจากไหน?”
“รูดบัตรเครดิต”
“แก...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!” จางลี่กั๋วโกรธลูกชายจนแทบระเบิด
แค่เรื่องที่ราคาถั่วเหลืองลดลงก็ทำให้เขาปวดหัวจะแย่แล้ว แต่แค่เขาออกไปจัดการธุระข้างนอกแป๊บเดียว ลูกชายก็ไปก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกจนได้
ใช่แล้ว ในสายตาของเขา ตอนนี้ถั่วเหลืองเป็นเหมือนมันฝรั่งร้อน ๆ
แค่อยากให้มันเหลือน้อยที่สุด ใครจะคิดว่ามันไม่ลดแต่กลับมากขึ้นอีก
จางเยว่หัวเราะ: “อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ผมบอกแล้วไงว่าราคาถั่วเหลืองต้องขึ้นแน่ ๆ
ตอนนี้ราคามันลดลงเร็วก็จริง แต่มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงปกติของตลาด เดี๋ยวมันก็กลับขึ้นไป”
เขาพูดด้วยความมั่นใจ
เพราะจากกราฟราคาในดวงตาของเขาเองก็แสดงว่าราคาวันนี้จะลดลง
แต่ถึงแม้จะรู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ จึงได้แต่ปลอบใจไปก่อน
จางลี่กั๋วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจนใจ เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
หนึ่งวันผ่านไป สมาชิกครอบครัวจางทั้งสามคนก็อยู่กันอย่างกระวนกระวายในแบบที่แตกต่างกันไป
วันที่สาม ราคาถั่วเหลืองยังคงอยู่ที่ 2.9 หยวน
มีช่วงหนึ่งที่ราคาลดลงไปที่ 2.8 หยวน แต่ไม่นานก็กลับขึ้นมา
เช้าวันที่สี่ จางเยว่ก็ถูกจางลี่กั๋วปลุกจากเตียงอีกครั้ง
“ราคาถั่วเหลืองลดลงเหลือ 2.6 หยวนแล้ว” ใบหน้าของจางลี่กั๋วเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อวานถั่วเหลือง 18 ตันจากตัวจังหวัดก็มาส่งถึงที่แล้ว เท่ากับว่าคลังสินค้าของบ้านจางตอนนี้มีถั่วเหลืองกองอยู่ 44 ตัน
และเงินกว่าหมื่นหยวนก็หายไปอีกแล้ว
จางเยว่ทุบขาตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วสบถเป็นภาษาถิ่นว่า: “ไอ้บ้าเอ๊ย จริง ๆ แล้วมันลดเหลือสองหยวนหกซะงั้น”
จางลี่กั๋ว: “รู้สึกเสียใจแล้วหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ รู้แบบนี้ซื้อถั่วเหลือง 12 ตันจากหลิวหยวนเจียงวันนี้ก็ดีสิ ดันไปซื้อก่อนเสียเงินไปตั้ง 3,600 ฟรี ๆ”
จางลี่กั๋วพูดไม่ออกทันที
สถานการณ์มาถึงขนาดนี้แล้ว แต่สิ่งที่แกยังสนใจก็คือเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?
สองคนกำลังคุยกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงหวานใสกังวานดังมาจากหน้าประตูร้าน: “คุณป้า จางเยว่ล่ะคะ?”
จางเยว่ชะงัก เมื่อเขาเดินออกไปดู ก็เห็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเยาว์วัยยืนอยู่ตรงประตูร้าน
โดยเฉพาะใบหน้าขาวเนียนกับผมยาวเคลียไหล่ ทำให้ดูราวกับออกมาจากภาพวาด
เธอคือเยี่ยนจื่อฮุ่ยที่เขาเจอโดยบังเอิญเมื่อสองวันก่อน
จางเยว่: “เธอมาทำไม?”
เยี่ยนจื่อฮุ่ยกระพริบตาสวย ๆ แล้วตอบว่า: “ฉันมาหานายไม่ได้หรือ? นายบอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉันไง”
“จริงด้วยสิ ไป ๆ เดี๋ยวเลี้ยงหูหลาตัง กับซาลาเปาละกัน”
เยี่ยนจื่อฮุ่ยหัวเราะ: “ไม่ต้องหรอก ฉันกินข้าวเช้ามาแล้ว
ครั้งก่อนที่ฉันบอกว่าจะช่วยนายซื้อถั่วเหลืองไง ตอนนี้คลังสินค้าฉันเกือบเต็มแล้ว นายจะมาเอาเมื่อไหร่ดี?”
จางเยว่ถึงกับอึ้งไป เขาคิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่น ๆ ก็เลยลืมไปแล้ว
ใครจะคิดว่าเธอจะจริงจังขนาดนี้
“เธอซื้อถั่วเหลืองมาเท่าไหร่?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ประมาณ 80 ตันได้มั้ง!”
พลั่ก!
จางลี่กั๋วนั่งลงกับพื้นอย่างแรง รู้สึกเหมือนสมองหยุดทำงานไปเลย