ตอนที่แล้วตอนที่ 7 [เนตรหยั่งรู้] !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 ความสามารถใหม่ของ [เนตรหยั่งรู้] สร้างมิติสัตว์วิญญาณระดับตำนานที่สมบูรณ์แบบ!

ตอนที่ 8 พรสวรรค์ระดับ S [เปลวอัคคี] !


ตอนที่ 8 พรสวรรค์ระดับ S [เปลวอัคคี] !

“[เนตรหยั่งรู้] ทักษะระดับตำนานนี่มันสุดยอดจริงๆ ช่วยฉันได้มาก”

ยิ่งได้ศึกษา [เนตรหยั่งรู้] มากเท่าไหร่ ไป๋จื่ออันก็ยิ่งดีใจมากขึ้นเท่านั้น

เพราะพลังของมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก มันจะต้องช่วยเหลือเขาในเส้นทางการเป็นผู้ใช้สัตว์วิญญาณได้แน่

เพราะแบบนั้น ไป๋จื่ออันจึงไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาทุ่มเทให้กับการศึกษา [เนตรหยั่งรู้] อย่างเต็มที่

ทว่า ทันใดนั้น ภายในหอปลุกพลังก็มีเสียงร้องของหงส์ไฟดังกึกก้อง

ขณะเดียวกัน หงส์ไฟที่ก่อตัวขึ้นจากเปลวเพลิงก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

สัตว์ปีกและสัตว์วิญญาณต่างๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างพากันหวาดกลัว พวกมันหมอบลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทา ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว

“เสียงร้องของหงส์ เปลวเพลิงรูปร่างหงส์ไฟ นี่มัน… นิมิตพรสวรรค์ของ [เปลวอัคคี] พรสวรรค์ระดับ S ดูเหมือนว่าคนของตระกูลเฟิ่งรุ่นนี้จะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”

ไป๋จิ้งฉงพูดพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาเป็นประกาย

“พรสวรรค์ระดับ S [เปลวอัคคี] นั่นมันพรสวรรค์ของยัยนกย่างงั้นเหรอ? ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของปู่ ไป๋จื่ออันก็คาดเดาได้ทันที

ต้องเป็นเฟิ่งเชียนหวี่อย่างแน่นอน

เพราะครั้งนี้ เธอเป็นเพียงคนเดียวจากตระกูลเฟิ่งที่เข้าร่วมพิธี

พูดง่ายๆ ก็คือ เฟิ่งเชียนหวี่ปลุกพรสวรรค์การต่อสู้ระดับ S ได้สำเร็จ

เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเรียกเฟิ่งเชียนหวี่ว่า “ยัยนกย่าง” และมักจะหาเรื่องแกล้งเธออยู่บ่อยๆ แต่เขาก็รู้ว่า เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา เธอมั่นใจในตัวเองมากราวกับว่าตัวเองเป็นหงส์ที่อยู่เหนือกว่าใครๆ

และตอนนี้ เฟิ่งเชียนหวี่ก็กลายเป็นหงส์จริงๆ เธอปลุกพลังพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับหงส์ไฟได้สำเร็จแล้ว!

แบบนี้ ต่อไปเขาคงแกล้งเธอไม่ได้อีกแล้ว

ไป๋จื่ออันไม่ได้ลืมเรื่องพนันที่เคยตกลงกันไว้

นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขายังอยู่ที่จัตุรัสปลุกพลังจนถึงตอนนี้

ตอนแรก เขาตั้งใจที่จะ “อวด” ให้เฟิ่งเชียนหวี่เห็น เขาอยากเห็นสีหน้าตกตะลึงของเธอ

แต่ตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็ “ปลุก” พรสวรรค์ระดับ S ได้สำเร็จ การเดิมพันครั้งนี้จึงถือว่าเสมอกัน

แน่นอนว่าถ้าหากเขาเปิดเผยพรสวรรค์ที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

แต่เพื่อที่จะชนะพนันแค่นี้ เขาต้องถึงกับเปิดเผยพรสวรรค์ระดับตำนานเชียวเหรอ?

ไป๋จื่ออันไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นหรอกนะ

“ไม่สนุกเลยคุณปู่ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ”

ไป๋จื่ออันหันไปบอกกับไป๋จิ้งฉง

ในเมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อ

แน่นอน ถ้าหากเขาอยู่ต่อ เขาย่อมต้องได้รับผลประโยชน์มากมายแน่

อย่างเช่น การที่ครูใหญ่ให้รางวัลกับตัวเขา

เพราะไป๋จื่ออันเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ระดับ S เขาได้สร้างสถิติใหม่ให้กับโรงเรียน

แต่สำหรับไป๋จื่ออัน เขาไม่ได้สนใจรางวัลจากครูใหญ่สักเท่าไหร่

เพราะครูใหญ่เป็นแค่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงิน สมบัติของเขาก็คงไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนัก

ถ้าพูดถึงสมบัติ สมบัติในจวนเจ้าเมืองย่อมต้องมีค่ามากกว่าที่ใครๆ มีอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่คือความแตกต่างระหว่าง ลูกหลานผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเพชร กับผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงิน!

ที่สำคัญ ไป๋จื่ออันไม่ชอบเข้าสังคม

พอพิธีจบ ข่าวเรื่องที่เขา “ปลุก” พรสวรรค์ระดับ S ก็คงจะแพร่สะพัดไปทั่ว

เมื่อถึงเวลานั้น เพื่อนร่วมชั้น ครู อาจารย์ รวมไปถึงเหล่าขุนนางและผู้มีอำนาจ ทุกคนต้องแห่กันมาหาเขาแน่ๆ

งานเลี้ยงแบบนั้น คงน่ารำคาญน่าดู

ดังนั้น เขาควรจะรีบกลับไป แล้วตั้งใจศึกษา [เนตรหยั่งรู้] ให้มากกว่านี้ดีกว่า

“อืม กลับไปก็ตั้งใจฝึกฝนล่ะ”

“รับนี่ไป นี่ก็คือกุญแจห้องสมบัติ เจ้าจงไปที่นั่นแล้วเลือกเอาผลึกหลิงปี้มาสักหน่อย มันน่าจะมีประโยชน์ต่อการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ”

“แล้วก็ พาไป๋จือกับไป๋เส้าไปด้วยล่ะ อย่าออกไปคนเดียวเชียว”

ไป๋จิ้งฉงพยักหน้าเล็กน้อย เขากำชับหลานชาย

“ขอบคุณครับคุณปู่”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ไป๋จื่ออันก็ดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบกล่าวขอบคุณไป๋จิ้งฉง

ผลึกหลิงปี้!

นี่คือสมบัติล้ำค่า ภายในผลึกอัดแน่นไปด้วยพลังของกำแพงมิติ มันเป็นพลังที่มีประโยชน์ต่อการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ

โดยปกติ ผู้ใช้สัตว์วิญญาณจะใช้ผลึกลิงปี้ก็ต่อเมื่อต้องการทะลวงขีดจำกัด เพื่อยกระดับพลังของตนเองเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสรรพคุณอันน่าทึ่งที่มี ราคาของผลึกลิงปี้ในท้องตลาดจึงสูงมาก อย่างต่ำๆ ก็ต้องมีมูลค่าถึงหนึ่งล้านเหรียญ

ไม่เพียงเท่านั้น สมบัติล้ำค่าแบบนี้มักจะต้องแลกมาด้วยชีวิต

นี่แสดงให้เห็นว่าผลึกลิงปี้นั้นมีค่ามากเพียงใด

แม้แต่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับสูงก็ยังหาผลึกลิงปี้ได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอามันมาสร้างมิติสัตว์วิญญาณ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

การทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่มันคือการสิ้นเปลือง!

แต่ตอนนี้ ไป๋จิ้งฉงกลับอนุญาตให้เขาใช้ผลึกลิงปี้ ก็เพื่อประหยัดเวลาในการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ

เรื่องแบบนี้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนสำหรับผู้ใช้สัตว์วิญญาณทั่วไป!

ส่วนไป๋จือกับไป๋เส้าที่ไป๋จิ้งฉงพูดถึง ก็คือองครักษ์ประจำตระกูลไป๋ ทั้งคู่เป็นผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับทอง แข็งแกร่งมาก และยังเป็นมือขวาของไป๋จิ้งฉงอีกด้วย

แต่ตอนนี้ ไป๋จิ้งฉงกลับให้คนของเขามาคอยคุ้มกันหลานชาย

ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อตอนนี้ ไป๋จื่ออัน “ปลุก” พรสวรรค์ระดับ S สำเร็จแล้ว เขาได้กลายเป็นอัจฉริยะที่ส่องสว่างที่สุดในมิติลับหมื่นรังไหมไปเรียบร้อยแล้ว

อาจจะมีคนคิดไม่ดีกับเขา แอบซุ่มโจมตีเขาอยู่ก็เป็นได้

แต่ในเมื่อไป๋จือและไป๋เส้าคอยคุ้มกัน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาอีกต่อไป

ทั้งทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝน และการคุ้มกัน ไป๋จิ้งฉงก็จัดการให้ทุกอย่างแล้ว

ไป๋จื่ออันไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เขาแค่ตั้งใจฝึกฝนก็พอ

นี่แหละ คือข้อดีของการมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง!

เพราะแบบนั้น ไป๋จื่ออันถึงได้ดีใจนัก

หลังจากนั้น ไป๋จื่ออันก็กล่าวลาไป๋จิ้งฉง ภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ เขาจึงเดินทางกลับไปยังจวนเจ้าเมือง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด