ตอนที่ 4 ความผันแปรของพรสวรรค์ โอกาสที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 4 ความผันแปรของพรสวรรค์ โอกาสที่ไม่คาดคิด
ตูม!
ในขณะที่ไป๋จื่ออันกำลังดูดซับพลังงานเพื่อสร้างมิติสัตว์วิญญาณ
จู่ๆ พลังงานที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาก็เริ่มอาละวาด
พลังงานอันมหาศาลไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ราวกับม้าป่าที่ควบคุมไม่ได้
พลังงานกำลังควบคุมไม่ได้!
ไป๋จื่ออันรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่น่ากลัวที่สุดคือ พลังงานที่ควบคุมไม่ได้กำลังไหลตรงไปยังสมองของเขา
ไป๋จื่ออันตกใจสุดขีด
เพราะสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด ถ้าหากสมองของเขาถูกพลังงานทำลาย เขาอาจจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
มันอันตรายเกินไปแล้ว!
ไป๋จื่ออันตัดสินใจที่จะออกจากภวังค์
ถึงแม้ว่าจะต้องหยุดพิธีปลุกพลังกลางคัน เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้พลังงานอาละวาดต่อไป
เพราะการสร้างมิติสัตว์วิญญาณนั้นสำคัญก็จริง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความปลอดภัยของเขา
ทว่า ในตอนนั้นเอง ลางสังหรณ์กะทันหันก็ปรากฏขึ้นในหัวของไป๋จื่ออัน
[บางที นี่อาจไม่ใช่เรื่องร้าย แต่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ก็ได้นะ?]
ลางสังหรณ์นี้ผุดขึ้นมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เมื่อไป๋จื่ออันลองตั้งสติ
เขาก็นึกขึ้นได้ว่า นี่คือพรสวรรค์ [สัญชาตญาณ] พรสวรรค์ของเขากำลังเตือนเขาอยู่นั่นเอง
สัญชาตญาณบอกเขาว่า นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ ไม่ใช่หายนะ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันจึงสงบสติอารมณ์ลง เขาไม่ขัดขืนพลังงานที่ไหลเข้ามาอีกต่อไป เขาปล่อยให้มันไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
ในชั่วพริบตา พลังงานมหาศาลก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขา
ขณะเดียวกัน เมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของพลังงาน พรสวรรค์ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
"พรสวรรค์ของเรากำลังเปลี่ยนไป? นี่มัน... นี่มันการกลายพันธุ์! พรสวรรค์การต่อสู้ของเรากำลังกลายพันธุ์งั้นเหรอ?!"
ไป๋จื่ออันนึกอะไรบางอย่างออก
ในโลกแห่งสัตว์วิญญาณ มักจะมีสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ที่มีความสามารถหรือรูปร่างพิเศษปรากฏขึ้นมาให้เห็น
และในเมื่อมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิต พวกเขาก็ย่อมมีโอกาสกลายพันธุ์ได้เช่นกัน
พลังของมนุษย์คือพรสวรรค์การต่อสู้ ดังนั้น เมื่อมนุษย์เกิดการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์นั้นย่อมส่งผลต่อพรสวรรค์การต่อสู้
สถานการณ์ปัจจุบันของไป๋จื่ออันก็คือ พรสวรรค์การต่อสู้ของเขากำลังกลายพันธุ์อยู่นั่นเอง
ด้วยพลังงานมหาศาลจากศิลาปลุกพลัง ไป๋จื่ออันซึ่งเคยปลุกพลังพรสวรรค์สำเร็จแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ไป๋จื่ออันรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องร้ายสำหรับเขา
เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันจึงปล่อยวางทุกอย่าง เขาเริ่มดูดซับพลังงานอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้ บรรยากาศภายในหอเริ่มผิดปกติ
เพราะไป๋จื่ออันกำลังดูดซับพลังงานอย่างบ้าคลั่ง พลังงานจากบริเวณรอบๆ จึงถูกดูดเข้าไปในร่างของเขา จนเกิดเป็นวังวนพลังงานโดยมีไป๋จื่ออันเป็นศูนย์กลาง
ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนท้องฟ้าเหนือหัวของเขาจะมีดวงตาสีม่วงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
นิมิตพรสวรรค์!
นี่คือปรากฏการณ์พิเศษที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพรสวรรค์ของบุคคลนั้นๆ อยู่ในระดับ S หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น
แล้วแบบนี้หมายความว่ายังไง? มันหมายความว่า พรสวรรค์ของไป๋จื่ออันที่กลายพันธุ์นั้นอยู่เหนือระดับ A ไปแล้ว อย่างน้อยๆ มันจะต้องอยู่ในระดับ S!
แต่คนทั่วไปไม่เคยเห็นนิมิตพรสวรรค์ระดับ S มาก่อน
เพราะแบบนั้น นิมิตพรสวรรค์อันน่าทึ่งนี้จึงทำให้ผู้คุมสอบต้องตกตะลึง
แต่เนื่องจากภูมิหลังของไป๋จื่ออันไม่ธรรมดา ผู้คุมสอบจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง และแน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ
เพราะไป๋จื่ออันเป็นถึงหลานชายของท่านเจ้าเมืองไป๋หลิน
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ก็คงไม่มีใครรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ
ดังนั้น ผู้คุมสอบจึงรีบรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้บังคับบัญชา
ไม่นาน ชายชราสองคนที่มีออร่าแข็งแกร่งก็รีบมาถึงยังห้องสอบ
ชายชราด้านซ้ายคือไป๋จิ้งฉง ปู่ของไป๋จื่ออัน ส่วนชายชราร่างท้วมผมสีดอกเลี้ยงผึ้งคือ อู๋ซิงหาน ผู้ดูแลหอปลุกพลังแห่งนี้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงบอกว่าเสี่ยวอันมีปัญหา?”
ไป๋จิ้งฉงถามผู้คุมสอบด้วยสีหน้ากังวล
เมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องกับหลานชาย ไป๋จิ้งฉงก็ทิ้งงานทุกอย่างแล้วรีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันที
ผู้คุมสอบไม่กล้าปกปิด เขาจึงรีบรายงานเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไป๋จื่ออัน
"นิมิตพรสวรรค์เหรอ? เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเสี่ยวอันก็ปลุกพลังพรสวรรค์ไปแล้ว”
"หรือว่า… พรสวรรค์ [สัญชาตญาณ] ของเสี่ยวอันจะกลายพันธุ์จนกลายเป็นระดับ S? ถ้าเป็นแบบนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดี”
ไป๋จิ้งฉงครุ่นคิด ราวกับเพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาของเขาเป็นประกาย
ไป๋จิ้งฉงเป็นถึงผู้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เขาแข็งแกร่งและมีความรู้เหนือกว่าผู้ใช้สัตว์วิญญาณทั่วไป
ดังนั้น เมื่อเห็นสภาพของหลานชาย เขาจึงพอจะเดาอะไรบางได้
พรสวรรค์การต่อสู้ของไป๋จื่ออันกำลังกลายพันธุ์!
ไป๋จิ้งฉงดีใจมาก
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก
เท่าที่เขาจำได้ ตลอดประวัติศาสตร์แห่งการฝึกฝนสัตว์วิญญาณ มีผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่พรสวรรค์กลายพันธุ์เพียงหยิบมือเท่านั้น
และผู้ใช้สัตว์วิญญาณเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่กลายเป็นบุคคลในตำนาน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการยกย่องไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
แบบนี้ไป๋จิ้งฉงจะไม่ดีใจได้ยังไง?
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเห็นนิมิตดวงตาสีม่วงของหลานชาย เขากลับรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับว่าดวงตานั้นเป็นดวงตาของสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันคืออำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จิ้งฉงอดเป็นห่วงไม่ได้ เขาอยากจะเข้าไปในห้องสอบ เข้าไปหาหลานชาย เข้าไปเพื่อดูอาการของไป๋จืออันด้วยตัวเอง
“ท่านอู๋ ให้ข้าเข้าไปข้างในหน่อยเถิด”
ไป๋จิ้งฉงหันไปขอร้องชายชราข้างๆ
"ท่านไป๋ ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย ท่านเองก็รู้ว่า ท่านไม่สามารถเข้าไปในหอปลุกพลังได้"
ชายชราผมสีดอกเลี้ยงผึ้งพูดอย่างจนใจ
หอปลุกพลังแห่งนี้ ขึ้นตรงกับสหพันธ์จิ่วโจว ไม่ได้ขึ้นตรงกับเจ้าเมือง
ดังนั้น ทางสหพันธ์จึงได้ส่งผู้ดูแลมาประจำการ เพื่อควบคุมดูแลการปลุกพลังและบันทึกพรสวรรค์ของนักเรียน
เรื่องพวกนี้ แม้แต่เจ้าเมืองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว
นี่เป็นกฎของสหพันธ์จิ่วโจว เพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ด้วยเหตุนี้ อู๋ซิงหาน ผู้ดูแลหอปลุกพลัง และสหายเก่าของไป๋จิ้งฉง จึงรู้สึกปวดหัวมาก เมื่อได้ยินว่าไป๋จิ้งฉงต้องการเข้าไปในหอปลุกพลัง
ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงทำได้เพียงเผชิญมองตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"ใจเย็นๆ ท่านไป๋ หลานชายของท่านไม่เป็นไรหรอก”
“ท่านเองก็เดาออกไม่ใช่หรือไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋จื่ออัน?”
“นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ถ้าท่านเข้าไปตอนนี้ ท่านอาจจะไปรบกวนเขาก็ได้”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้หลานชายของท่านเป็นอะไรหรอก”
อู๋ซิงหานพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
แต่ไป๋จิ้งฉงกลับไม่ยอมไปไหน เขาได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก มองดูหลานชายอยู่ห่างๆ