ตอนที่ 177 ก้าวออกมา (ฟรี)
ตอนที่ 177 ก้าวออกมา
เสียงของระฆังตัดทิวายังคงก้องอยู่ในท้องฟ้า ดังก้องไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน
หลังจากดังครบเก้าครั้ง ทุกคนก็ตกตะลึง และคิดว่าตนหูฝาดไป
“นี่...เก้าครั้ง ระฆังตัดทิวาดังถึงเก้าครั้งจริงๆ หรือ? เป็นไปได้ยังไง? เมื่อกี้ข้าหูฝาดไปหรือไม่!” ศิษย์คนหนึ่งสูดหายใจลึกแล้วพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เก้าเสียงระฆังตัดทิวา ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง เด็กหรือคนแก่ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ถอยหนี ตราบใดที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน พวกเขาจะต้องมารวมตัวกัน!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดกับตัวเองว่า สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหม่า ความกังวล และความไม่สบายใจ
แม้ว่าสำนักมารจะส่งผู้ฝึกยุทธ์มารบุกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ระฆังตัดทิวาก็ดังขึ้นเพียงหกครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ ระฆังตัดทิวากลับดังขึ้นถึงเก้าครั้ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ผู้อาวุโสบางคนที่ปิดด่านเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าก็ออกมาจากความสันโดษทีละคน
แม้แต่เด็กเล็กที่ยังคงพูดพล่ามอยู่ก็ยังถูกพ่อแม่อุ้ม และวิ่งไปที่จัตุรัสกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน
มีศิษย์มากมายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน อย่างน้อยก็มีมากกว่าหนึ่งแสนคน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้คนนับไม่ถ้วนก็มารวมตัวกัน แต่ละคนดูเคร่งขรึม และแม้แต่ลมหายใจก็ยังหนักหน่วง
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งหมดรู้สึกราวกับว่าพวกตนกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ในไม่ช้า ผู้อาวุโส และผู้พิทักษ์บางคนที่มีระดับพลังยุทธ์สูงก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคน ดึงดูดความสนใจของศิษย์หลายคนที่มาถึงก่อนแล้ว
“ผู้อาวุโสสิบเก้า ท่านรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าสำนักถึงเรียกเรามารวมตัวกัน?” ศิษย์หลักถามด้วยความกังวล ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลอย่างรุนแรง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนหลิงดำรงอยู่มานานหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ระฆังตัดทิวาส่งเสียงดังครบเก้าครั้ง!
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายชราส่ายหัวช้าๆ แล้วพูดออกมา
“ผู้พิทักษ์เย่เฉิง ท่านเป็นคนสนิทของเจ้าสำนัก เจ้าควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?” ดวงตาของศิษย์คนเดิมเป็นประกายเล็กน้อย และเขาก็ถามชายวัยกลางคนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และอาจเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์! มิฉะนั้น เจ้าสำนักคงจะไม่ใช้ระฆังตัดทิวา” เย่เฉิงกำหมัดแน่น แล้วกล่าวด้วยความร้อนใจเล็กน้อย
“ฮึ่ม พวกเจ้าจะคิดมากไปไย แม้ว่าสำนักมารจะหวนกลับมาอีกครั้ง เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว! เมื่อหลายพันปีก่อนเรายังสามารถเอาชนะพวกเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้!” ชายร่างกำยำกอดอกแล้วมองไปข้างหน้า หน้าอกของเขาพองขึ้นเล็กน้อย เขายกคางขึ้นแล้วพูดอย่างใจเย็น
หลายคนเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง มีเพียงเหล่าผู้อาวุโสเท่านั้นที่ค่อนข้างสงบ และไม่ยุ่งวุ่นวายเหมือนคนอื่นๆ แต่ใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล
สมแล้วที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนที่มีชื่อเสียงก้องโลก ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงทุกคนก็มารวมตัวกันจนครบ
การที่ผู้คนกว่า 100,000 คนมารวมตัวกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ไม่ถือว่าธรรมดาเลย
ลู่ซุนซึ่งหลับตา และล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วมองลงไป
จากนั้น ร่างของเขาก็ค่อยๆ ลดระดับลงเล็กน้อย แต่คงอยู่ลอยกลางอากาศ
แรงกดดันอันหนักหน่วง และน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งที่ดูเหมือนจะสามารถทำลายล้างโลกได้เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของลู่ซุน จากนั้นก็กวาดออกไปทั่ว
ทันใดนั้น สายลม และเมฆก็เปลี่ยนสี ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ก็ดับแสงลง
ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนรู้สึกหายใจไม่ออก และพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว และมองดูท้องฟ้า
ที่นั่น มีร่างที่สง่างามอย่างยิ่งลอยอยู่ ร่างของเขาอาจไม่สูงนัก แต่ออร่าที่แผ่ออกมาช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง ราวกับเทพเจ้าโบราณที่เพิ่งลืมตาตื่น
“เขาคือใครกัน? บรรพบุรุษของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เรางั้นรึ?” มีคนถามด้วยความสับสน
“ช่างเป็นออร่าที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ เขาอาจจะทรงพลังมากกว่าผู้อาวุโสโปเทียนด้วยซ้ำ!” ดวงตาของผู้อาวุโสบางคนหดตัวลงเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็พูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ข้า ลู่ซุนเป็นผู้ที่ได้เลือกตระกูลเย่ของเจ้า ซึ่งปัจจุบันคือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนเป็นตระกูลผู้พิทักษ์เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน” ลู่ซุนเอามือไพล่หลังพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ดังก้องอยู่ในใจของทุกคนอย่างชัดเจน
“บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้จักตัวตน และต้นกำเนิดของข้า และข้าก็ขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายให้พวกเจ้าฟัง คนที่ต่อต้านตระกูลลู่ในตอนนั้น และลูกหลานของพวกเขา จงก้าวออกมาเดี๋ยวนี้!” ลู่ซุนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ พูดย้ำคำ เขาสูดหายใจอย่างเย็นชา และแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขาก็หนักหน่วง และน่าสะพรึงมากยิ่งขึ้น
หลายๆ คนไม่สามารถทนรับต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ ร่างกายของพวกเขาทรุดลงกับพื้นทีละคน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว และความไม่สบายใจ
“ผู้อาวุโส ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ท่านต้องการบอกอะไรเรากันแน่” ดวงตาของชายชราคนหนึ่งฉายแววสับสน จากนั้นเขาก็รีบถาม
ผู้อาวุโสคนนี้อยู่มาตั้งแต่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนจริงๆ หรือ? และดูเหมือนว่าจะเป็นต้นกำเนิดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน นี่มันน่าตกใจมาก!
แต่มีคนที่อายุยืนขนาดนั้นอยู่จริงเหรอ? หรือเขาแค่โกหก?
“ตระกูลลู่ พวกเขาคือใครกัน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน! นอกจากนี้ เจ้ามาเสแสร้งอะไรอยู่ที่นี่ นี่คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งตงซวน ไม่ใช่ที่ๆ เจ้าจะมาอวดดีได้!” ชายร่างกำยำตะคอกด้วยความดูถูก เสียงของเขาดังกังวาน
ปัง!
วินาทีต่อมา ร่างของชายร่างกำยำที่พูดก็แตกสลายเป็นชิ้นๆ ในพริบตา และกลายเป็นหมอกเลือดที่สาดกระจายไประหว่างท้องฟ้า และพื้นโลก
หลายคนตกตะลึงกับภาพตรงหน้า พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าสังหารผู้พิทักษ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนภายใต้สายตาของทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
ไม่มีใครเห็นอย่างชัดเจนว่าลู่ซุนทำได้อย่างไร ดูเหมือนเขาจะขมวดคิ้วเล็กน้อย และชายร่างกำยำก็ตายโดยไม่มีแม้แต่จะได้ส่งเสียงกรีดร้อง
“เราไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร แต่ข้าขอแนะนำว่าท่านอย่าล้ำเส้นเกินไปนัก เจ้าสำนัก บรรพบุรุษ และผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง พวกเขาสามารถสังหารท่านได้อย่างง่ายดาย!” ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น พวกเขาจ้องมองไปที่ลู่ซุนด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“เย่ซวน เย่เหวิน เย่โปเทียน มานี่!” ลู่ซุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่ได้สังหารศิษย์ที่เพิ่งพูดขึ้น
ทันทีที่ลู่ซุนพูดจบ ร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
“คารวะเจ้าสำนัก!”
“คารวะผู้อาวุโสสูงสุด!”
“คารวะบรรพบุรุษ!”
เมื่อทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนเห็นการปรากฏตัวของทั้งสามคน ในที่สุดหัวใจที่หวาดกลัวของพวกเขาก็สงบลงอีกครั้งในที่สุด
ทั้งสามคนนี้ไม่ต่างจากเสาค้ำทะเลบูรพาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน แม้ว่ากวาดมองไปทั่วทั้งโลกปาหวงก็มีไม่กี่คนที่สามารถปะมือกับพวกเขาได้!
***เสาค้ำทะเลบูรพา หรือหลายคนจะรู้จักในชื่อกระบองทองสารพัดนึก อาวุธประจำกายของซุนหงอคง