Chapter 29: หนีจากความตาย
[ยิง: การโจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (พื้นฐาน*) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
[ยิง: การโจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
[กำจัดนายพลเจินหนิงแห่งกองกำลังกบฏ ความคืบหน้าของภารกิจหลักมีการเปลี่ยนแปลง ระดับประเมินของเกมเพิ่มขึ้นเป็น ยอดเยี่ยม ลดระยะเวลาภารกิจหลักลง 3 วัน]
[กำจัดพันตรีซาหลูข่าแห่งกองกำลังกบฏ ความคืบหน้าของภารกิจหลักมีการเปลี่ยนแปลง ระดับประเมินของเกมเพิ่มขึ้นเป็น ระดับสูง ลดระยะเวลาภารกิจหลักลง 1 วัน]
...
การแจ้งเตือนสีครั้งเด้งขึ้นมาในสายตาของฉินหรานโดยอัตโนมัติ สองอันหลังทำให้เขาตกใจ เขารีบเปิดหน้าต่างภารกิจดูและพบว่าภารกิจหลัก [มีชีวิตรอดนาน 7 วัน: 2/7] ได้เปลี่ยนเป็น [มีชีวิตรอดนาน 3 วัน: 2/3]
ฉินหรานคาดคิดไม่ถึง นี่ทำให้แผนการเดิมของเขาเละเทะ หลังจากจัดการกับเจินหนิงและซาหลูข่าแล้ว เขาตั้งใจจะเผ่นหนีไปในขณะที่พวกกบฏยังสู้กันอยู่และตามล่านายทหารที่มีสกิลระดับสูงกว่าตัวเองและสังหารพวกเขาซะเพื่อเพิ่มระดับสกิลของตัวเอง เขาเชื่อว่าต้องมีทหารที่มีสกิลสูงอยู่มากมายท่ามกลางทหารเหล่านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่คิดไว้พังไปหมดแล้ว
"ไม่นะ นี่ฉันเหลือเวลาแค่หมดวันนี้เองนี่นา!" เขารีบคว้า [Viper-M1] ของเขาขึ้นมาและมองหาเป้าหมาย เป็นเวลาเดียวกับที่เขาได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง
เขารู้ตัวอย่างรวดเร็ว มีคนอยู่ตรงนี้
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเข้ามาแทนที่สไนเปอร์คนก่อนที่จับจองจุดซุ่มยิงนี้อยู่ เขาได้ให้ความสนใจสภาพรอบด้านเป็นพิเศษ เขาอยากจะหลีกเลี่ยงชะตากรรมเดียวกันกับสไนเปอร์ที่เขาฆ่าไป เขาปรับ [Viper-M] แล้วเล็งตรงไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงทันที ด้านล่างมีเงาดำยืนอยู่ เขาไม่แทบไม่ต้องเล็งก่อนลั่นไก
ปัง!
สกิล [อาวุธปืน (ปืนกลเบา)] ระดับเริ่มต้นของเขาพิสูจน์ความมีประโยชน์และความแม่นยำของมันอีกครั้ง เขากับเป้าหมายอยู่ห่างกันแค่ 10 เมตร ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาได้เปรียบและสามารถบงการชะตาชีวิตผู้ชายคนนั้นได้
[ยิง: การโจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 150 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (เริ่มต้น) 75x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
...
[กำจัดศัตรูภายใต้การใช้สกิลอำพราง (เริ่มต้น) สำเร็จ...]
[สกิล: อำพราง (ระดับพื้นฐาน --> ระดับเริ่มต้น)]
[ชื่อ: อำพราง (เริ่มต้น)]
[ค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง: ความคล่องแคล่ว]
[ชนิดสกิล: สนับสนุน]
[ผลลัพธ์: ใช้เงามืดและหลบซ่อนได้ดีขึ้น ยากต่อการพบเห็น เพิ่มความสามารถในการซ่อนตัว 20%]
[เงื่อนไขการใช้งาน: กำลังกาย]
[เงื่อนไขการเรียนรู้: ความคล่องแคล่ว F]
[หมายเหตุ: คุณแค่ซ่อนตัวได้ดี ไม่ได้แปลว่าคุณล่องหนได้!]
...
[สกิลอำพรางเลื่อนระดับขึ้น ค่าสถานะที่เกี่ยวข้องได้รับการเลื่อนระดับ...]
[ความคล่องแคล่ว: F -> F+]
...
ความอบอุ่นที่เคยคุ้นแผ่กระจายไปทั่วร่างอีกครั้ง ความรู้ถูกถ่ายทอดสู่สมองโดยตรงในขณะที่เขากำลังปรับตัว
"เชี่ย ฉันโชคดีชะมัด!" ฉินหรานคิดกับตัวเอง
ขณะที่เขากำลังปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่สกิล [อำพราง] ระดับเริ่มต้นนำมารวมทั้งความรู้ที่เข้าสู่สมอง เขาตระหนักได้ว่าแม้จะให้ความสนใจเป็นเป็นพิเศษกับสภาพรอบตัว แต่ถ้าหากมีศัตรูปรากฏขึ้นอีกคนเขาก็จะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ การตกเป็นฝ่ายตั้งรับอาจจะนำมาซึ่งความตายของเขาได้
หลังจากคุ้นเคยสกิล [อำพราง] ระดับใหม่แล้ว เขาก็รู้ถึงความน่ากลัวของการตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มองไปที่ร่างไร้หัว เขายิ่งรู้สึกกลัว
คนที่ฉินหรานเพิ่งฆ่าไปน่าจะเป็นคนของฝ่ายซาหลูข่า เป็นเพราะการตายอย่างกะทันหันของซาหลูข่าทำให้ผู้ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและทำให้ฉินหรานรู้ตัว แต่ก่อนที่ฉินหรานจะทันได้พักหายใจก็ได้ยินเสียงจากด้านล่างอีกครั้ง
"สไนเปอร์ข้างบน!"
ศพไร้หัวนั่นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจึงตามมาด้วยเสียงฝีเท้ามากมาย หัวใจของฉินหรานเต้นผิดจังหวะไปจากเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขารีบสะพาย [Viper-M1] ทั้งของตัวเองและของสไนเปอร์คนแรกไว้และหยิบระเบิด [U-II] ออกมาแล้วขว้างลงไป
ตูม!
เมื่อระเบิดทำงาน ฉินหรานก็พุ่งตัวลงไปพร้อม [M1905] ของเขาอย่างไม่ลังเล เขาไม่กล้าอยู่ที่จุดเดิมต่อแล้วแม้ว่าจะเป็นจุดได้เปรียบที่สามารถมองเห็นทั่วทั้งไทมส์สแควร์ แต่มันไม่มีทางถอยให้เขาถ้าเกิดอะไรขึ้น
ตูม!
ตอนที่ฉินหรานหลบออกมาจากจุดนั้น จรวดลูกหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่ตำแหน่งที่เขาครอบครองก่อนหน้า คลื่นความร้อนจากการระเบิดกระแทกใส่ฉินหรานทำให้เขากลิ้งไปกับพื้น หลังจากม้วนตัวไปสองสามตลบเขาก็กระโจนตัวขึ้นขึ้นและออกวิ่งอีกครั้ง เขามองเห็นเลยว่ามีทหารสิบกว่าคนไล่ตามหลังมา
ปัง! ปัง! ปัง!
กลุ่มกระสุนปืนไรเฟิลจู่โจมโปรยปรายใส่ฉินหราน เขากลิ้งตัวหนีอย่างรวดเร็วและได้รับบาดเจ็บจากกระสุนที่พุ่งมาดักหน้า
ตูม!
เขาม้วนตัวไปหากลุ่มทหารที่ตามมาแล้วขว้างระเบิดอีกลูกออกไป ระเบิดลูกนั้นฆ่าทหารทั้งสิบกว่าคนนั่นแต่ก็ดึงดูดคนทหารอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ บริเวณยิ่งกว่าเดิม รถถังที่อยู่ใกล้ ๆ ปรับปากกระบอกปืนใหญ่เล็งมาทางฉินหราน เขาไม่มีเวลาคิดวางแผนอะไรแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คืออยู่ให้พ้นจากระยะยิงของรถถัง
เขาพุ่งตรงไปที่ซากปรักหักพังด้านหน้า
ตูม!
รถถังยิงกระสุนปืนใหญ่ออกมา แม้ว่าเขาจะหลบจากวิถีกระสุนได้ แต่แรงระเบิดมหาศาลก็ยังส่งให้ฉินหรานกลิ้งไปบนพื้นอีกครั้ง
"บ้าชะมัด!" ฉินหรานสบถเงียบ ๆ เขาจำเป็นต้องทิ้ง [Viper-M1] ที่หยิบมากับกระเป๋าหลัง เขารู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พวกมันเป็นได้แค่ภาระของเขา เขาไม่สามารถหลบพ้นวิถีกระสุนได้ถ้ายังแบกน้ำหนักพวกนี้เอาไว้ แต่ฉินหรานก็ไม่สามารถทิ้งมันไว้ให้พวกทหารเจอได้ เขาดึงสลักระเบิดอีกลูกและขว้างไปที่้กระเป๋าสะพายหลังที่เขาทิ้งเอาไว้
เมื่อมีแค่ [Viper-M1] กระบอกเดียว ความเร็วของฉินหรานก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงพลังของความเร็วในระดับ F+ ออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ ฉินหรานรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นนักยิมนาสติกบวกกับนักวิ่ง
การตอบสนองของเขาดีขึ้น ความเร็วของเขามากขึ้น
ตูม!
ตอนที่เขาหลบเข้าเงามืดอีกครั้งและเรียกใช้สกิล [อำพราง] ระเบิดที่เขาขว้างไปก็ทำงาน แรงระเบิดทำให้ระเบิดลูกอื่นในกระเป๋าสะพายหลังของเขาระเบิดขึ้นมาพร้อมกัน แรงระเบิดคราวนี้ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่พวกทหาร
ในที่สุดเขาก็หนีพวกมันพ้น
เป็นครั้งแรกที่ฉินหรานได้สัมผัสความน่ากลัวของกลยุทธ์ทะเลมนุษย์ ถ้าเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวเขาเชื่อว่าจะสามารถจัดการทหารได้ทีละคนหรืออาจจะคราวละสองถึงสามคน แต่เมื่อจำนวนเพิ่มขึ้นมาเป็นสิบเท่าแบบนี้ เขาไม่สามารถคิดกลยุทธ์อื่นได้นอกจากวิ่งหนีและหวังว่าเขาจะวิ่งได้เร็วพอ
หลังจากหนีพ้นความตายจากทั้งจรวดและปืนใหญ่รถถังได้อย่างฉิวเฉียด เขาก็รู้สึกเหมือนเพิ่งถอยออกมาจากปากนรก แต่เขาก็ยังปวดใจทุกครั้งที่นึกถึงว่าได้ทิ้งของของตัวเองไป แต่ถ้าให้ตัดสินใจอีกครั้งเขาก็จะยังคงทำแบบเดิมอยู่ดี ของหาใหม่ได้ แต่ชีวิตของเขาหาใหม่ไม่ได้
เขาหลบหนีโดยอาศัยในเงาได้รวดเร็วโดยไม่มีความตั้งใจที่จะกลับเข้าสู่สนามรบอีก แม้ว่าทหารที่ไล่ตามเขามาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้วแต่สิ่งที่เขาทำไปก็ยังคงดึงดูดความสนใจมามากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะยังมีทหารออกตามล่าเขามากขึ้น การหันกลับไปอาจจะเป็นการฆ่าตัวตายได้
เขายังมีอีกที่ที่อยากจะไป และนั่นก็คือฐานที่มั่นของซาหลูข่า
แผนเดิมของเขาพังไปเพราะสถานการณ์อันไม่คาดคิด เขาจึงคิดแผนใหม่มาชดเชย เขาต้องการอาวุธและเสบียงใหม่ และฐานที่มั่นที่แทบจะร้างของซาหลูข่าก็ผ่านเข้ามาในหัวเขา
เขาชอบที่นั่นตั้งแต่ได้เห็น
นอกจากทหารสามทีมแล้ว ค่ายนี้ก็แทบเรียกว่าร้าง ถ้าเขาระมัดระวังตัวสุดความสามารถและใช้สกิล [อำพราง] ที่เพิ่งเลื่อนระดับขึ้นมา เขาน่าจะสามารถแทรกซึมเข้าไปในฐานที่มั่นได้โดยไม่ถูกพบเห็น อาวุธและอุปกรณ์ด้านในฐานนั้นคงเอามาเทียบกับของที่เขาทิ้งไปไม่ได้ แค่คิดเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาวิ่งตรงไปยังจุดหมายโดยไม่หยุดพัก
...
แสงจากไฟหอสังเกตการณ์ทอดลงบนทางเดินและกำบังที่หน้าฐานที่มั่น แท่นกำบังจากกระสอบกับปืนกลหนักสองกระบอกข่มขู่ผู้บุกรุกให้กระเจิงหนี แต่ฉินหรานกลับตั้งใจบุกเข้ามาที่ด่านหน้าของฐานที่มั่น กำแพงสูงประมาณสิบเมตรและมีทหารถือปืนกลเบาประจำอยู่ ถ้าทหารพบเห็นสิ่งผิดปกติก็สามารถสาดกระสุนลงมาใส่ผู้บุกรุกได้ และยังมีปืนกลหนักอีกสองกระบอกไว้กำจัดสิ่งใดก็ตามที่พยายามปีนกำแพงขึ้นมา การโจมตีทางเดียวที่ทำได้คือปืนยิงจรวดหรือขับรถถังพังกำแพงเข้าไป
แต่ฉินหรานไม่มีปืนยิงจรวด ไม่รู้วิธีขับรถถัง แต่เขามีสกิล [อำพราง] ระดับเริ่มต้นที่ทำให้เขาแอบเข้าไปในฐานที่มั่นได้ง่ายกว่า เขาอ้อมซากปรักหักพังไปที่ด้านข้างของฐานที่มั่น ใช้เงามืดเป็นเกราะกำบังปีนขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ที่ถูกทิ้งร้าง และมองเข้าไปด้านในฐานที่มั่นอย่างระมัดระวัง
มีเต้นท์หลายหลังกางเรียงรายเป็นระเบียบ
ทีมทหารทีมละสามคนห้าทีมเดินลาดตระเวน ใครที่เข้ามาในฐานจะถูกพบทันที
"ที่นี่น่าจะเคยเป็นโรงเรียนมาก่อนเกิดสงคราม"ฉินหรานเดาขณะที่สายตาขยับจากพวกทหารที่เดินลาดตระเวนไปที่ตึกด้านหลังกำแพง ในตอนนี้เองที่เขามองเห็นสนามว่าง ๆ ระหว่างเขาและกำแพง
มันเป็นสนามเปล่า ๆ ที่ดูไม่ปกติ
"อาจจะเป็นกับระเบิด!" เขาเดา