(ฟรี) บทที่ 645 องค์หญิงทั้งสองผู้วิตกกังวล
เสียงเรียกหาดังขึ้นหลายครั้งก่อนที่เซิงจื่อเซี่ยจะค่อยๆกลับคืนสู่สติ
เมื่อมองขึ้นไป นางก็เห็นเซิงอันอวี่ผู้สวมชุดหรูหรายืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าเหม่อลอยด้วยเรื่องอันใด? ข้าเรียกตั้งหลายครั้ง แต่เจ้ากลับไม่ตอบสนอง” เซิงอันอวี่ถามอย่างสงสัย
“มันจะเป็นสิ่งใดได้อีก? แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำนิกายเหลิง...” เซิงจื่อเซี่ยพูดเช่นนั้นและหยุดชะงักอย่างกะทันหัน
เซิงอันอวี่ถอนหายใจ ในความคิดของพวกนาง พระราชวังควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม เหลิงอู่เหยียนได้ทำลายสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด นางไม่เพียงแค่เอาชนะเซิงเย่และเซิงเชียนอย่างง่ายดาย แต่ยังผ่าพระราชวังออกเป็นสองส่วน
ดาบเหล่านั้นยังคงทิ้งเงาแห่งความกลัวไว้ในจิตใจพวกเขา และเมื่อไม่กี่วันก่อน ข่าวเกี่ยวกับพระราชวังเต๋าสูงสุดถูกบุกรุกก็แพร่กระจายออกมา
“พี่สาว ท่านคิดว่าโลกจะตกอยู่ในความวุ่นวายจริงๆหรือเปล่า?” เซิงจื่อเซี่ยเอ่ยถามอย่างกังวล
เซิงอันอวี่ถอนหายใจและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเกรงว่ามันจะอยู่ในความวุ่นวายแล้ว แม้แต่พระราชวังก็ถูกผ่าครึ่ง เรายังจะพูดถึงความสงบอันใดอีก?”
เซิงจื่อเซี่ยกัดริมฝีปาก นางไม่สนใจเกี่ยวกับตัวตนขององค์หญิงหรือสิ่งที่เรียกว่าราชวงศ์ นางแค่ไม่อยากเห็นประชาชนต้องทนทุกข์ทรมาน
“แต่...” เซิงอันอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าแรงจูงใจของผู้นำนิกายเหลิงไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น”
“พี่สาว ท่านหมายถึงอะไร?” เซิงจื่อเซี่ยรีบเอ่ยถาม
เซิงอันอวี่อธิบาย “หากเป้าหมายของนางคือการโค่นล้มอำนาจของจักรพรรดิจริงๆ เหตุใดนางถึงละเว้นท่านพ่อไว้? แม้แต่ค่ายกลของพระราชวังก็พังทลายแล้ว จะดีกว่าไหมถ้าเข้ามายึดอำนาจโดยตรง?”
“นั่นสมเหตุสมผล” เซิงจื่อเซี่ยก็พบว่ามันแปลกเช่นกัน
หลังจากวันนั้นที่เหลิงอู่เหยียนลงมือก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวตามมาใดๆ ราวกับว่าเป็นเพียงการระบายความโกรธเท่านั้น
และในตอนนี้พระราชวังเต๋าสูงสุดก็ถูกบุกรุกไปด้วย มันทำให้ผู้คนสัมผัสได้ว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
“โอ้ ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง” เซิงจื่อเซี่ยพูดอย่างหมดหนทาง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เซิงเย่ก็เก็บตัวเพื่อพักฟื้นและไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลยจนถึงตอนนี้ ทั้งสองจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลเล็กน้อย
ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนึ่งดังมาจากด้านนอกตำหนัก
สาวใช้ในวังเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าองค์หญิงทั้งสองก่อนจะกล่าว “ทูลองค์หญิง ผู้น้อยมีเรื่องจะกราบเรียนเจ้าค่ะ”
เซิงจื่อเซี่ยพยักหน้า “พูดมา”
สาวใช้กล่าวต่อ “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้เชิญท่านทั้งสองไปที่พระราชวังเฉียนหยวนเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอะไร?”
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว?!”
สาวใช้พยักหน้า “ฝ่าบาททรงกลับมาแล้วจริงๆเจ้าค่ะ และเพลานี้เขากำลังรอท่านทั้งสองอยู่ในพระราชวังเฉียนหยวน”
องค์หญิงทั้งสองมองหน้ากัน ประกายแห่งความสุขฉายชัดในดวงตา
ท่านพ่อปลอดภัยดี!
......
พระราชวังเฉียนหยวน
เซิงจื่อเซี่ยและเซิงอันอวี่ก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ มองเห็นร่างอันสง่างามที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ทั้งสองโค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพ “บุตรคารวะพระบิดา ขอให้ท่านทรงมีพลานามัยแข็งแรงและอายุยืนยิ่งๆขึ้นไป!”
เซิงเย่พยักหน้า “พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระคุณพระบิดา”
ทั้งสองลุกขึ้นยืนตัวตรง
เมื่อมองดูเซิงเย่ในชุดคลุมมังกรคู่บารมี เซิงจื่อเซี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “พระบิดา ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะหายดีแล้ว?”
คิ้วของเซิงเย่กระตุก และมือขวาของเขาก็สั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ “อะแฮ่ม... ข้าใกล้จะหายดีแล้ว”
“ขอแสดงความยินดีกับพระบิดาด้วย” ทั้งสองกล่าวพร้อมแสดงรอยยิ้มสดใส
ร่องรอยของความขมขื่นวาบผ่านดวงตาของเซิงเย่ เขาตระหนักดีถึงสภาพของตน
เหลิงอู่เหยียนบังคับให้เขารับดาบสามเล่ม แต่เพียงดาบที่สองก็เกือบจะคร่าชีวิตเขาไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิสูงสุดเซิงเชียนใช้ศิลปะศักดิ์สิทธิ์ไท่อี่เบี่ยงเบนหยินและหยาง เขาคงกลายเป็นวิญญาณภายใต้ดาบสีดำเล่มนั้นแล้ว!
แต่ถึงกระนั้น ด้วยความพยายามทั้งหมดนี้ มือขวาของเขาก็ยังถูกฟันขาด
สำหรับตัวตนระดับจักรพรรดิ การสูญเสียมือไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด มันสามารถฟื้นคืนได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือมือนี้ถูกตัดโดยเหลิงอู่เหยียน เต๋าของอีกฝ่ายนั้นแปลกประหลาดมาก ราวกับมีความสามารถในการทำลายล้างทุกสิ่ง จนถึงตอนนี้มันยังคงกัดกร่อนบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากดินแดนบรรพบุรุษ การฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้
“พระบิดา ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่มีรับสั่งอันใดหรือเปล่า?” เซิงอันอวี่เอ่ยถาม
“อะแฮ่ม” เซิงเย่กระแอมในลำคอก่อนจะกล่าวว่า “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่”
“ตระกูลหลี่?” องค์หญิงทั้งสองตกตะลึงเมื่อได้ยิน
เซิงอันอวี่ถามอย่างระมัดระวัง “พระบิดา ท่านไม่ได้จะแก้แค้นตระกูลหลี่ใช่ไหม?”
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิหารโหยวหลัวมาก...
“แก้แค้น?” เซิงเย่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ
ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้าทำอย่างนั้น!
ด้วยการโบกแขนเสื้อ จดหมายหยกก็ค่อยๆลอยไปอยู่ตรงหน้าทั้งสอง
“นำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้กับตระกูลหลี่ จำไว้ว่าต้องมอบมันให้กับหลี่อู๋เซียงด้วยตนเอง”
“หากยังหาเขาไม่พบ เจ้าต้องอยู่ที่ตระกูลหลี่ต่อไป”
เซิงอันอวี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่แม้ว่านางจะไม่เข้าใจเจตนาของเซิงเย่ นางก็ยังเอื้อมมือออกไปรับจดหมาย “ข้าเข้าใจแล้วพระบิดา”
เซิงเย่โบกมือ “ไปได้แล้ว”
“เช่นนั้นบุตรต้องขอตัวก่อน” ทั้งสองโค้งคำนับและจากไป
ห้องโถงกลับคืนสู่ความเงียบสงบ
มิติรอบกายเซิงเย่บิดเบี้ยว และชายชราผมขาวยืนไพล่หลังก็ปรากฏออกมา
“เจ้าตัดสินใจแล้วหรือ? เจ้าอยากจะลุยเข้าไปในน้ำโคลนนี้จริงๆ?” เซิงเชียนเอ่ยถาม
เซิงเย่ถอนหายใจ “ข้ายังมีทางเลือกอื่นอีก?”
เดิมทีความคิดของเซิงเชียนคือการร่วมมือกับเฉินหยุนเต๋าและใช้อำนาจเบื้องหลังพระราชวังเต๋าสูงสุดเพื่อจัดการกับเหลิงอู่เหยียน แต่ตอนนี้ พระราชวังเต๋าสูงสุดทั้งหมดถูกทำลาย และเฉินหยุนเต๋ามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ไม่อาจทราบได้
นิกายวิถีธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยทรงพลังหายไปในพริบตา
“เรื่องน่าหัวร่อที่สุดก็คือข้าพยายามอย่างหนักในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าสมดุลเพื่อความมั่นคงของอาณาจักร”
“แต่เมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งอันเบ็ดเสร็จ สมดุลจะมีประโยชน์อันใด?”
สีหน้าของเซิงเย่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เหลิงอู่เหยียนแข็งแกร่งเกินไป นั่นคือพลังที่เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ทั้งหมด กลอุบายใดๆก็ไร้ประโยชน์ต่อหน้านาง
เมื่อรวมกับอวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวน...
สตรีสามนางนั้นร่วมมือกัน ไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์เซิง แม้ว่าโลกจะพลิกกลับหัวกลับหางก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ!
“แต่ผู้คนจากอาณาจักรเบื้องบนก็ไม่ง่ายที่จะจัดการเช่นกัน” เซิงเชียนกล่าว
เซิ่งเย่ส่ายหัว “หากสิ่งที่เหลิงอู่เหยียนพูดเป็นความจริง การต่อสู้ครั้งใหญ่ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ และดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งหมดจะเข้าไปข้องเกี่ยว ถึงตอนนั้นข้าจะอยู่รอดตามลำพังได้อย่างไร?”
“นอกจากนี้ แม้แต่คนที่เรียกตนว่าทูตแห่งอาณาจักรเบื้องบนก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลิงอู่เหยียนใช่ไหม?”
เซิงเชียนตกอยู่ในความเงียบเมื่อได้ยิน
พลังของเหลิงอู่เหยียนนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ และไม่มีใครรู้ว่าขีดจำกัดของนางอยู่ที่ใด
เซิงเย่ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง จ้องมองเมืองหลวงอันพลุกพล่านในระยะไกล ดวงตาของเขาดูเหม่อลอยเล็กน้อย
เขาเคยคิดว่าเพื่อราชวงศ์เซิง ไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจสละได้ แม้แต่บุตรสาวของตนก็ตาม
เพื่อประโยชน์ของปราณมังกรแท้จริง เขายังขอให้พวกนางเขียนจดหมายรักถึงหลี่หรานด้วยซ้ำ
เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ มันช่างดูไร้สาระจริงๆ
“ระดับการบ่มเพาะของข้าหยุดนิ่งมาเป็นเวลานานแล้ว”
“เหลิงอู่เหยียนพูดถูก การลุ่มหลงอยู่ในอำนาจมีแต่จะทำให้ทุกอย่างเสื่อมถอย”
“เพื่อรักษาตำแหน่งผู้ปกครองแห่งอาณาจักร มีเพียงมือและเท้าของเราเท่านั้นที่เชื่อถือได้ หาใช่กลอุบายจอมปลอม”
เซิงเย่หายใจเข้าลึก ทันใดนั้นภาพของชายหนุ่มที่เผชิญหน้ากับเขาในราชรถมังกรก็ปรากฏขึ้นในใจ
“หากพวกนางทั้งคู่ได้อยู่กับหลี่หราน บางทีมันอาจจะเป็นบ้านที่ดีของพวกนางก็ได้”
/////