บทที่ 672: โจมตีพวกเดียวกันเอง
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
บทที่ 672: โจมตีพวกเดียวกันเอง
"พี่แมนเดรลล์ ทำแบบนี้จำเป็นเหรอ? เอาแค่สัตว์ทะเลสองตัวมาแถวนี้ก็พอแล้วมั้ง?"
ระหว่างที่สองพี่น้องออกไปสอดแนม ลูกน้องที่อยู่ข้างแมนเดรลล์ก็ไม่ค่อยเข้าใจแผนดำเนินการสักเท่าไหร่
"สัตว์ทะเลเหรอ? นายคิดว่าที่ไหนจะมีสัตว์ทะเลเยอะกว่ารอบเกาะเงือกอีก นั่นมันทะเลลึกตั้งหมื่นเมตรนะ จะใช้แค่สัตว์ทะเลมาขู่พวกนั้นไม่ได้หรอก แถมสัตว์ทะเลมันก็ไม่ฟังใครบังคับด้วย นายอยากให้พวกเงือกโดนถล่มยับเยินกันเองหรือไง?"
สัตว์ทะเลมันไม่ได้โจมตีแค่เรือโจรสลัดที่มันไม่ชอบ พวกเงือกกับมนุษย์เงือกก็เป็นเป้าหมายของมันเหมือนกัน นอกจากเจ้าทะเลกับมานาฟี่แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่ควบคุมสัตว์ทะเลได้เลย
กว่าชิราโฮชิจะปลุกพลังราชาแห่งท้องทะเลได้ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ส่วนมานาฟี่ จะให้เขามาผูกติดอยู่กับเกาะเพราะเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี เขาแค่เกลี้ยกล่อมสัตว์ทะเลให้เห็นแก่หน้าเขาได้เท่านั้น
ถ้าวันไหนเขาไม่อยู่ สัตว์ทะเลจะเห็นแก่หน้าเงือกหรือมนุษย์เงือกคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่แน่ แถมผลประโยชน์จากพวกมนุษย์เงือกมันมหาศาลมาก ทะเลลึกหมื่นเมตรก็หยุดพวกนั้นไม่ได้หรอก ถ้าอยากจะจัดการปัญหาพวกนี้ ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้ภายในวันสองวันแน่
"เอาเถอะ เรื่องที่เบื้องบนตัดสินใจแล้วนายก็ไม่ต้องคิดมากหรอก เอาพวกนัคคราเข้าไปในห้องโดยสารได้แล้ว ถ้าตกลงไปในทะเลจะยุ่งนะ"
มดคีมใหญ่ว่ายน้ำไม่เป็น สัญชาตญาณของมันบอกว่าอีกเดี๋ยวอาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น ตอนนี้แค่เตรียมป้องกันไว้ก่อนก็เท่านั้น
แอนจัดการลูกน้องให้เตรียมพร้อมรบ เธอคอยสังเกตสถานการณ์ของอุลติกับเพจวันด้วย ถึงพวกนั้นจะยังเด็ก แต่ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดคือพวกนั้นบินได้ พวกที่บินได้ตามหลักแล้วไม่น่าจะเจออันตราย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว เพจวันก็ดิ่งลงมากระทันหัน เขาเพิ่งจะคิดจะขยับ โรตอมที่ตัวเขาก็บินออกมาแล้ว เริ่มโหมดสนทนาบังคับ
นี่ก็เป็นความสามารถของโรตอมมือถือเวอร์ชั่นเต็ม คนที่มีสิทธิ์สูงกว่าสามารถบังคับเชื่อมต่อกับโรตอมของคนที่มีสิทธิ์ต่ำกว่าได้ โรตอมที่อยู่ในมือถือจะวิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อม เพื่อตัดสินใจว่าจะรายงานข่าวทันทีหรือไม่
แมนเดรลล์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นโรตอมของตัวเองบินออกมา
"ฮัลโหล ใครน่ะ? ฉันกำลังยุ่งอยู่ มีอะไรก็รีบพูดมา"
"ฉันเอง แมนเดรลล์ นายนี่ได้ใจใหญ่แล้วสินะ กล้าส่งคนไประเบิดเรือฉันเรอะ?!"
"พี่โอลกะเหรอ? ผมไม่ได้ทำนะ ตอนนี้ผมก็ใกล้จะถึงเกาะเงือกแล้ว...เพจวัน?! เดี๋ยวก่อน นั่นเรือพี่เหรอ?!"
ฝั่งตรงข้าม โอลกะปรับมุมกล้อง เผยให้เห็นเพจวันและอุลติที่อยู่ด้านหลัง ในที่สุดแมนเดรลล์ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่มีทางที่โรตอมจะเกิดอุบัติเหตุ และในสายตาของเขา เรือโจรสลัดปริศนานั้นก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นเรือจิ้งจอกรัตติกาล
"ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"
"เอ่อ... พี่โอลกะ รอสักครู่นะครับ ผมจะเข้าไปใกล้ๆ ยกเลิกการเตรียมพร้อม! เป็นพวกเรา!"
สัญชาตญาณของเขาไม่ผิด เรือลำนั้นมีปัญหาจริงๆ แต่ปัญหาไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด แต่เป็นปัญหาประหลาดอีกอย่างหนึ่ง
กิจวัตรประจำวันของโอลกะคือการออกล่าพวกค้าทาสที่น่ารังเกียจรอบๆหมู่เกาะชาบอนดี้ตั้งแต่แรก เธอปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเธอ มักจะปลอมตัวเป็นกลุ่มโจรสลัดอื่นเพื่อล่าพวกค้าทาส
ทุกครั้งที่งานประมูลชาบอนดี้เริ่มขึ้น พวกค้าทาสก็จะเริ่มออกอาละวาด และนั่นก็เป็นเวลาล่าของเธอ
แม้ว่าพวกค้าทาสจะมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนในทะเลแกรนด์ไลน์ แต่โอลกะไม่เคยกังวลเรื่องนี้
แม้ว่าทาสบางคนที่ถูกจับอีกครั้งจะเปิดเผยข้อมูลของเธอ ก็ไม่มีใครหาเธอเจอ เพราะทุกครั้งที่เธอลงมือ เธอจะใช้ใบหน้า เพศ อายุ และรูปร่างที่แตกต่างกัน ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอเป็นปริศนา
ยกเว้นลูกเรือที่ร่วมเดินทาง แม้แต่คนในกลุ่มโจรสลัดเดียวกัน ก็ไม่รู้ว่าโอลกะใช้ตัวตนแบบไหน
เธอจำเรือของแมนเดรลล์ได้ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน เพราะบริเวณนี้มีเป้าหมายที่เธอกำลังจับตามอง เธอไม่อยากเปิดเผยตัวตน ตามหลักแล้ว แมนเดรลล์จะไม่โจมตีเรือลำอื่นอย่างไร้เหตุผล
ก่อนหน้านี้ แมนเดรลล์รู้สึกว่าเส้นทางของเรือจิ้งจอกรัตติกาลมันดูแปลกๆ ก็เป็นเพราะนักเดินเรือของเรือจิ้งจอกรัตติกาลถามโอลกะว่าจะเข้าไปใกล้ไหม ทำให้เกิดการหยุดชะงักชั่วครู่
เรือทั้งสองลำไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก ในไม่ช้าก็เข้ามาใกล้ บรรยากาศก็ช่างน่าอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง
"พี่โอลกะ..."
"สองคนนี้บอกว่านายส่งพวกเขามา"
"ก็ถูกนะ ผมพาพวกเขาออกมาฝึกฝน แต่ผมแค่ให้พวกเขาไปสอดแนมสถานการณ์... พวกนายสองคน ใครช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยซิ"
แมนเดเฟิร์ชมองไปที่พี่น้องทั้งสอง อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"พี่แมนเดรลล์ครับ อันที่จริงมันเป็นอุบัติเหตุ..."
เพจวันอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เขาพาอุลติเข้าใกล้เรือลำนี้
ขอบเขตของภาพลวงตาของโอลกะกว้างมาก แต่ตอนนั้นเธอขี้เกียจไปหน่อย เห็นว่าบริเวณใกล้ๆไม่มีเป้าหมาย ก็เลยลดจำนวน NPC ลง ดังนั้นในมุมมองของคนภายนอก เรือลำนี้ก็เหมือนเรือผีสิง ไม่มีใครอยู่บนดาดฟ้าเลย
ปกติแล้ว พวกเขาแค่กลับไปรายงานก็พอ เรื่องราวก็จะกระจ่างเอง แต่ อุลติ เลือกใช้วิธีที่รุนแรงเกินเหตุ
เมื่อมีปัญหา เธอก็จะระเบิดมันทิ้งซะ เลยพ่นลมหายใจมังกรใส่ดาดฟ้าเรือ
ภาพลวงตาที่ใช้พรางตัวกับภาพลวงตาที่ใช้หลอกความคิดนั้นต่างกัน ตอนนี้โอลกะใช้ภาพลวงตาแบบธรรมดา โดนโจมตีก็จะเผยร่างจริง แต่เธอยังไม่ถึงขั้นรับมือการโจมตีของเด็กสองคนไม่ได้
หลังจากสกัดลมหายใจมังกรของอุลติได้ เธอก็จับเด็กสองคนลงมา แล้วติดต่อไปหาแมนเดรลล์ จนเป็นเหตุการณ์อย่างที่เห็น
สรุป อุลติ ในภารกิจแรกของเธอ ประสบความสำเร็จในการโจมตีพวกเดียวกันที่ปลอมตัวมา เป็นวีรกรรมที่น่าจดจำ
"พี่โอลกะ ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรใช่มั้ยครับ?"
"ไม่มีหรอก แต่นิสัยใจร้อนแบบนี้ไม่ได้นะ ขอยืมตัวเธอหน่อยละกัน ฉันจะสั่งสอนเธอเล็กน้อย"
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เด็กก็ยังเป็นเด็ก แต่เธอต้องให้เด็กคนนี้รู้ว่า การทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังนั้นต้องชดใช้
ที่นี่ โอลกะมีตำแหน่งสูงสุด แมนเดรลล์เองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้โอลกะพาอุลติไป เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากความวู่วามของอุลติ
จากนั้น อุลติ ก็ถูกโอลกะจับเปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงน่ารักราวกับตุ๊กตา
"อืม ดี ไม่เลว น่ารักดี ทำตัวเป็นเหยื่อล่อให้ฉันหน่อยแล้วกัน เรื่องครั้งนี้จะถือว่ายกโทษให้"
ภาพลวงตาแม้จะสมจริงแค่ไหน ก็สู้เหยื่อล่อเป็นๆไม่ได้ อุลติ แต่งตัวแล้วสวยมาก เด็กผู้หญิงวัยนี้เป็นที่หมายปองของพวกค้ามนุษย์ จากนั้นเธอกับเพจวันก็ถูกจับใส่เรือเล็ก ปล่อยออกไปเหมือนเป็นเรือชูชีพ
เธอจะใช้สองพี่น้องนี้เป็นเหยื่อล่อ...