บทที่ 38 ขยับเกล็ดมังกร
บทที่ 38 ขยับเกล็ดมังกร
หลู่เฉาเฉาถูกสวี่ซื่อกอดแน่นในอ้อมอก
เด็กน้อยเงอะงะยกมือขึ้นลูบผมของแม่เบาๆ “ไม่...ไม่กลัว...เย็นๆ ไม่...กลัว”
สวี่ซื่อยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“คุณผู้หญิง โหวเย่*อยู่ที่หน้าประตู” เติงจือพูดเสียงเบา
สวี่ซื่อกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “บอกเขาให้ไสหัวไป! ออกไปซะ!”
ในแววตาของสวี่ซื่อมีประกายความเกลียดชัง เดิมทีเธอเคยรักเขามากแค่ไหน ตอนนี้ก็เกลียดเขามากแค่นั้น
เขากล้าดียังไง...กล้าดียังไงถึงทำร้ายเฉาเฉาได้!
นอกประตู หลู่หยวนเจ๋อได้ยินเสียงของสวี่ซื่อก็รู้สึกไม่พอใจนัก
สวี่ซื่อไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ ช่วงนี้เขาคงตามใจเธอมากเกินไปจนเธอมองไม่เห็นสถานะของตัวเอง!
เจียวเจียวช่างอ่อนโยนและใจดีเพียงใด จิ่งเหยาช่างฉลาดและเอาใจใส่เพียงใด
หลู่หยวนเจ๋ออดกลั้นความโกรธ “หยุนเหนียง* การเกิดไฟไหม้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะย้ายกลับไปที่จวนโหวสักระยะ จะดูแลเจ้ากับลูกสาวให้ดี”
แปลกจริง เห็นว่าตกลงจะเผาหอถิงเฟิง ไหงมิเหอหยวนเกิดไฟไหม้ได้?
พูดจบก็ออกจากสวนเล็กๆ ไป
เมื่อคืนจับตัวคนวางเพลิงได้แล้ว
เป็นเด็กรับใช้ในครัวของเรือนใน อ้างว่าสวี่ซื่อลงโทษเขาจึงเก็บความแค้นเอาไว้
【เหอะ ลูกพี่ลูกน้องของภรรยาของเด็กรับใช้นั่นเป็นคนรับใช้ของหลู่จิ่งหวย】
【ถ้าพี่ใหญ่ถูกเผาตาย การลอกเลียนแบบของเขาก็จะไร้หลักฐาน】
ดวงตาของสวี่ซื่อมีแสงสว่างวาบขึ้น
“เฉาเฉา เมื่อคืนพี่ใหญ่ปกป้องเจ้าใช่ไหม?”
หลู่เฉาเฉายิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้าอย่างแรง
“พี่ใหญ่...ไป...ไป!” เธอชี้ไปทางของพี่ชาย
หมิงเต๋อหยวนถูกเผา เมื่อคืนเขาก็ย้ายไปอยู่ที่ถิงเฟิงหยวน
หลู่เฉาเฉามองพี่ชายด้วยความปวดใจ พี่ใหญ่พยายามพยุงตัวขึ้นเดินสองสามก้าวเมื่อคืนนี้ มือทั้งสองข้างโดนลวกจนเป็นตุ่มพอง
“เหยียนซู* เขายอมปกป้องเจ้า” สวี่ซื่อทั้งดีใจและเสียใจที่ลูกชายต้องทนทุกข์
ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลู่เหยียนซูเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนเย็นชาและหงุดหงิดง่าย ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
เธออุ้มเฉาเฉาและไปที่ห้องข้างๆ
ที่นั่นเต็มไปด้วยข้าวของที่นำมาจากหมิงเต๋อหยวน
ของเล่นม้ากลไม้และของใช้สำหรับเด็กวางอยู่ทั่วไป
“นี่เอามาจากหมิงเต๋อหยวนทั้งหมดหรือ?” สวี่ซื่อพูดด้วยความประหลาดใจ
สาวใช้พยักหน้า “ส่วนใหญ่เป็นของคุณหนูเล็กค่ะ”
สวี่ซื่อประหลาดใจยิ่งขึ้น “เฉาเฉา เจ้าชอบไปหาพี่ใหญ่บ่อยๆ หรือ?”
เฉาเฉาพยักหน้า
เมื่อได้เห็นหลู่เหยียนซู สวี่ซื่อก็ตกใจมากขึ้นไปอีก
เดิมทีลูกชายคนโตที่ผอมจนเห็นกระดูก ตอนนี้กลับดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ว่ายังนั่งอยู่บนรถเข็น ก็ไม่มีทางดูเหมือนคนป่วยเลยสักนิด
“กอด...พี่ใหญ่...กอด” สวี่ซื่อยังไม่ทันยืนมั่นคง หลู่เฉาเฉาก็พุ่งเข้าหาพี่ชายแล้ว
“อ๊ะ!” สวี่ซื่อตกใจ
ลูกชายของเธอเป็นอัมพาตทั้งตัว ขยับไม่ได้ เหยียนซูจะอุ้มเธอได้ยังไง!
สวี่ซื่อตกใจมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงยิ่งกว่าคือ...
ลูกชายที่บรรดาหมอหลวงนับไม่ถ้วนเคยวินิจฉัยว่าเป็นอัมพาต กลับยกมือขึ้นรับน้องสาวตัวน้อยได้
เด็กน้อยขดตัวในอ้อมแขนของพี่ชายที่เธอคุ้นเคย สวี่ซื่อ...
ตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“เป็น...ไปได้ยังไง...เหยียนซู เหยียนซู เจ้าดีขึ้นแล้วใช่ไหม?!” น้ำตาของสวี่ซื่อไหลพราก เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ลูกชาย
เธอไม่ได้เข้าใกล้ลูกชายมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ตั้งแต่หลู่เหยียนซูเป็นอัมพาต เขาไม่ยอมให้ใครเข้าพบ รวมถึงไม่ต้องการเห็นความสิ้นหวังและความเจ็บปวดในแววตาของญาติสนิท
เธอไม่ได้เห็นลูกชายที่สงบสุขเช่นนี้มานานมากแล้ว
“ท่านแม่ ท่านลำบากมาก” หลู่เหยียนซูพูดด้วยเสียงนุ่มนวล มองแม่ด้วยดวงตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตา
คิดมาตลอดว่าพ่อกับแม่มีความสุขกันดี แต่ไม่คาดคิดว่า...
แม่กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในความหลอกลวง เขาจะทนให้แม่เผชิญกับสิ่งนี้ตามลำพังได้ยังไง!
เขายกมือขึ้น มือที่ถูกลวกเมื่อคืนยังพันด้วยผ้าพันแผลอยู่
เขาลองยกขาขึ้นเบาๆ ตอนนี้เริ่มมีแรงขึ้นบ้างแล้ว
แต่กว่าจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม คงต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี
เมื่อคืน หลู่หยวนเซียว*แอบดื่มเหล้าข้าวจนเมาหลับไปจนถึงเช้า ตอนนี้ยื่นหน้าเข้ามาอุ้มน้องสาวไปให้แม่กับพี่ชายได้พูดคุยกัน
“ต่อไปจะไม่ดื่มอีกแล้ว” ฮือๆ เกือบทำให้น้องสาวถูกไฟคลอกตาย
หลู่เหยียนซูกับสวี่ซื่อปิดประตูสนทนากัน ในห้องมีเสียงสะอื้นของสวี่ซื่อดังเป็นระยะ
“อืมมม...” หลู่เฉาเฉาชี้ไปที่ประตู
【แอบฟัง แอบฟัง แอบฟัง!】
หลู่หยวนเซียวส่ายหัว “ลูกผู้ชายต้องไม่ทำเรื่องแอบฟัง!”
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็อุ้มน้องสาวแนบหูเข้ากับประตู
ในห้อง เสียงของพี่ชายดังมาให้ได้ยินแผ่วเบา
“ท่านแม่ เขายิ่งสนใจสิ่งใด เราก็ต้องทำลายสิ่งนั้น!”
“ไม่เพียงแค่นั้น พวกเราต้องถอนตัวออกมาอย่างปลอดภัย”
“ขอให้ท่านแม่ปิดบังเรื่องที่เหยียนซูอาการดีขึ้น คนพิการ ในสายตาเขาไม่มีค่าใช้ประโยชน์อะไร พวกเราถึงจะถอนตัวได้!”
“เขาไม่ควรทำร้ายเฉาเฉาอย่างเด็ดขาด! พวกเขาคิดจะเผาเฉาเฉาให้ตาย ทำให้ท่านแม่เสียใจจนสุดซึ้ง แล้วเอาหลู่จิ่งเหยาเข้ามาแทนที่!” หลู่เหยียนซูพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“สำหรับเรื่องที่ได้ยิน พวกเราต้องปิดปากให้สนิทและปกป้องเธอให้ดี” หลู่เหยียนซูมีสีหน้าจริงจัง เขาเพิ่งพบว่าเขากับแม่สามารถได้ยินเสียงในใจของเฉาเฉาได้ด้วย!
【โอ้โห พี่ใหญ่กับแม่รู้ได้ยังไงว่าพ่อเลี้ยงเมียน้อย?】
【พี่ใหญ่กับแม่ฉลาดจริงๆ...】
【พี่ใหญ่เก่ง พี่ใหญ่เท่ ฉันยอมรับในตัวพี่ใหญ่...โอ้ย...】สวี่ซื่อเปิดประตูอย่างแรง เด็กสองคนก็ล้มหน้าทิ่มพื้นไปคนละทิศละทาง
【แย่แล้ว ถูกจับได้ว่าแอบฟัง】เฉาเฉายกหน้าขึ้นอย่างไร้เดียงสา ชี้ไปที่พี่สาม
พี่สามเป็นคนอุ้มข้ามาทำเอง...
หลู่หยวนเซียวบ่นในใจ เฉาเฉาน้องสาวจอมทรยศ!
【แล้วพวกเขาบอกว่าได้ยิน...ได้ยินอะไรนะ? ปกป้องอะไรนะ? เล่าเรื่องให้ฟังให้หมดสิ!】หลู่เฉาเฉาแสดงสีหน้าหม่นหมอง
สวี่ซื่อกับหลู่เหยียนซูสบตากัน แล้วมองไปที่หลู่หยวนเซียว คาดว่าเขาก็อาจได้ยินด้วยเช่นกัน
และแล้ว หลังอาหารค่ำ หลู่เหยียนซูเรียกหลู่หยวนเซียวเข้าไปในห้อง
อีกครั้งที่หลู่เหยียนซูสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขาเผยความลับเรื่องที่ได้ยินในใจของเฉาเฉา เรื่องในครอบครัวถึงจะสงบลงได้
วันต่อมา
สวี่ซื่อไม่ได้แจ้งจวนโหว แต่ไปแจ้งความที่ที่ว่าการอำเภอคนเดียว
สวี่ซื่อมีตำแหน่งเหว่ยหมิงซานผิน* เจ้าเมืองจึงให้ความสำคัญมาก ถึงกับรับเธอด้วยตนเอง
ตอนเที่ยง ขณะที่กำลังอยู่ในมื้ออาหาร กลางวงนักเรียนของสถาบันจิงหงก็มีการจับกุมตัวคนรับใช้ของหลู่จิ่งหวย
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนและเป็นที่ชื่นชมยิ้มพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านขุนนาง นี่หมายความว่าอย่างไร? คนรับใช้ของข้าได้ทำอะไรผิดไว้หรือ?” เขาในตอนนี้ได้เป็นซิ่วไฉแล้ว พบเจอขุนนางไม่ต้องคุกเข่า
เขาเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เจ้าหน้าที่จึงให้ความเคารพเขามาก
เวลานั้นเป็นช่วงอาหารกลางวัน ที่หน้าประตูมีคนเดินผ่านไปมา
“จวนโหวจงยงมาแจ้งความว่า คนรับใช้ของท่านซิ่วไฉ หลู่จิ่งหวยเป็นผู้สั่งการให้วางเพลิง เผาทำลายคุณชายใหญ่ของจวนโหว พวกเราจะพาเขาไปสอบสวน” พูดจบเจ้าหน้าที่ก็หยุดไปครู่หนึ่ง
“เมื่อถึงเวลา อาจต้องเชิญท่านซิ่วไฉหลู่ไปสอบปากคำ หวังว่าท่านซิ่วไฉหลู่จะให้ความร่วมมือ”
หลู่จิ่งหวยกำหมัดแน่นเล็กน้อย “มีเรื่องเช่นนี้หรือ?”
“เช่นนั้น หลู่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” สีหน้าของหลู่จิ่งหวยไม่แสดงอะไร แต่เพื่อนนักเรียนที่อยู่ข้างๆ กลับพูดขึ้นมา
“คุณชายใหญ่แห่งจวนโหวจงยงหรือ? ก็คนที่เคยเป็นอัจฉริยะของตระกูลหลู่เมื่อแปดปีก่อนใช่ไหม?”
“ว่าแต่ พวกเจ้าต่างก็มีแซ่หลู่ และสำนวนการเขียนของพวกเจ้าก็คล้ายกันมาก ตอนนั้นเจ้าถึงได้ฉายาว่าคุณชายหลู่ตัวน้อย ไม่แน่อาจมีความเกี่ยวข้องกันทางเครือญาติก็ได้นะ?” คุณชายโจว*พูดแซวอย่างขบขัน
ใครจะรู้ว่าหลู่จิ่งหวยจะหันกลับไปและเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง