ตอนที่แล้วตอนที่ 25 : ก้มหัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 : คำตอบ

ตอนที่ 26 : คุณพร้อมจะตอบคำถามของผมหรือยัง?


.

หลังจากที่เฉียนฝานพูดจบ เขาก็จากไป

.

เฉินหลิงยืนอยู่ตรงนั้น ย้อนนึกถึงภาพที่อู๋โหยวตงคอตกเมื่อสักครู่โดยไม่รู้ตัว เขากำหมัดแน่นเล็กน้อย...

อู๋โหยวตงยอมจำนน

แล้วเขาล่ะ?

ถ้าเป็นชาติก่อน เฉินหลิงอาจไม่ต่างจากอู๋โหยวตง เพียงแค่ก้มหัวจำนนต่อโชคชะตาเท่านั้น ถึงจะสามารถหาทางออกในสังคมได้ แต่คราวนี้...

เฉินหลิงค่อยๆ หันศีรษะมองไปที่ครึ่งหนึ่งของผู้รอดชีวิตบนถนนปิงฉวนด้วยสายตาเย็นชาจนถึงกระดูก

อยากให้ฉันก้มหัวเหรอ?

ฮ่าฮ่า...

.

......

.

เขตสาม

.

ชั้นใต้ดิน

.

ลมเย็นยะเยือกพัดมาจากความว่างเปล่า ส่งเสียงหวีดหวิวปะทะกับฉู่มู่อวิ๋น!

ตะเกียงน้ำมันก๊าดบนพื้นสั่นไหวอย่างรุนแรงและในที่สุดดับลง ชั่วพริบตาเดียวห้องใต้ดินทั้งหมดตกอยู่ในความมืดมิด ฉู่มู่อวิ๋นโอดครวญก่อนจะล้มลงบนพื้นอย่างแรง!

เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ!

ตอนนี้ ในขณะที่เขาเปิดใช้งาน [ดวงตาย้อนกลับ] ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นดวงตาสีแดงสดคู่หนึ่ง จ้องมองมาจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด...

แต่การมองดูครั้งนี้ มันทำให้เส้นทางสู่เทพเจ้าของเขาสั่นสะเทือนจริงๆ!

“นี่ นี่…”

ฉู่มู่อวิ๋นตกตกตะลึงอยู่นาน ก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติ

เขาลุกขึ้นจากพื้นทันที รีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างบ้าคลั่ง และกลับไปที่เคาน์เตอร์!

"คุณเป็นอะไรไป [ 7 โพดำ ]?”

เมื่อเห็นฉู่มู่อวิ๋นวิ่งขึ้นมาด้วยความรีบร้อน ทั้งมีสีหน้าดูตื่นตระหนก ผู้หญิงคนนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

"...ผมเห็นแล้ว"

"อะไร?"

"ทำลายล้างโลก"

ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

“เจ้าคนคนนั้นคือภัยพิบัติที่ 'ทำลายล้างโลก'!” ฉู่มู่อวิ๋นพูดด้วยความหนักแน่น

“นี่เป็นไปไม่ได้” หญิงสาวส่ายหัวทันที “ไม่มีใครสามารถหลอมรวมกับระดับ 'ทำลายล้างโลก' ได้ แม้แต่ผู้นำคนปัจจุบันของนิกายหลอมรวม...คุณมองผิดแล้ว”

“ผมไม่ได้มองผิด! การจ้องมองของมันทำให้แม้แต่เส้นทางสู่เทพเจ้าของผมหวาดกลัว!!”

"นี่..."

"ต้องแจ้งราชาสีแดงกับราชาสีเทา"

ฉู่มู่อวิ๋นเดินไปที่เคาน์เตอร์ หยิบปากกาและกระดาษออกมา เริ่มเขียนอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเป็นเรื่องจริง...เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต” หญิงสาวตระหนักได้ทันทีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ “แม้ว่าราชาสีแดงกับราชาสีเทาจะร่วมมือกัน อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหานี่ได้ เว้นแต่ว่าผู้นำแห่งออโรร่าจะมาร่วมมือกับเราด้วย…”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่มู่อวิ๋นก็หยุดขยับนิ้วมือที่เขียนชั่วคราว

“มีอะไรผิดปกติเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นถาม

“ภัยพิบัติระดับ 'ทำลายล้างโลก' ต้องมีพลังกวาดล้างมนุษยชาติได้” ฉู่มู่อวิ๋นค่อยๆ หันศีรษะไปมองเธอ ในดวงตาของเขามีแต่ความบ้าคลั่ง

“ถ้าเราฆ่าเขา เราก็สามารถหยุดยั้งโลกจากการทำลายล้าง...นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องใช้แผนนั้นใช่มั้ย?”

ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง

“นั่นคือระดับ 'ทำลายล้างโลก'! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?!” ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวกลางประโยค "ฉันเกือบลืมไปแล้วจริงๆ สมาชิกอย่างเป็นทางการของพวกคุณ ทุกคนล้วนเป็นคนบ้า..."

"ผมแค่พูดไปอย่างนั้นเอง" ฉู่มู่อวิ๋นดันแว่นตาของเขาขึ้น อารมณ์เขาสงบลง แล้วก็พูดอย่างใจเย็น "ยังไงก็ต้องขอคำแนะนำจากราชาสีเทากับราชาสีแดงก่อน..."

ฉู่มู่อวิ๋นเขียนจดหมายเสร็จแล้วส่งให้ผู้หญิงคนนั้น ฝ่ายหญิงสาวมองเขาแล้วพูดว่า

"ใช่แล้ว คุณจะไม่ประเมินระดับของเขาเหรอ? ยังดำเนินการไม่เสร็จเหรอ?"

"...เรียบร้อยแล้ว"

"แล้วในฐานะผู้รับรอง คุณให้คะแนนเขาเท่าไร...?"

"S+" สีหน้าฉู่มู่อวิ๋นดูเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

"อันตรายถึงที่สุด"

.

........

.

ก๊อก ก๊อก ก๊อก -

.

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ผู้คุมกฎเขตสองหลายคนกำลังดื่มชาอย่างสบาย ๆ พลันตกตะลึง หันหน้าไปด้วยความสับสน

“ใครมันมาในเวลานี้?”

“ฉันไม่รู้…”

เฉียนฝานพูดขณะที่เขาเปิดประตูร้านน้ำชา

เฉินหลิงยืนเงียบๆ อยู่นอกประตู เมื่อเห็นประตูเปิด เขาก็ยิ้มและโบกมือให้พวกผู้คุมกฎที่อยู่ในห้อง

คนเหล่านี้คือผู้คุมกฎที่ควรดูแลถนนปิงฉวนในเขตสอง แต่ตอนนี้พวกเขามารวมตัวกันที่นี่เพื่อดื่มชา และทิ้งทุกอย่างไว้ให้เฉินหลิงกับอู๋โหยวตง  สิ่งนี้อธิบายปัญหาบางอย่างได้อย่างชัดเจน...ดูเหมือนว่าตอนนี้ สิ่งที่อู๋โหยวตงพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

ผู้คุมกฎกลุ่มนี้ต่างสมรู้ร่วมคิดกับคนบนถนนปิงฉวน พวกเขาไม่ได้ไปตรวจตราเอง แต่ส่งเด็กใหม่ไปที่นั่นเพียงสองคน เพื่อทำภารกิจช่วยชีวิตคน

ด้วยวิธีนี้ หากสำนักงานใหญ่ของเมืองออโรร่าสอบถาม พวกเขาก็สามารถพูดได้ว่าพวกเขามีกำลังคนไม่เพียงพอ เรื่องบนถนนปิงฉวนจะได้รับการจัดการโดยเฉินหลิง เป็นการโยนขี้ให้เฉินหลิง ในเวลาเดียวกันสามารถรักษาผลประโยชน์อันดีกับคนบนถนนปิงฉวนได้  ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เมื่อเห็นเฉินหลิงมา ผู้คุมกฎทุกคนก็ก้มหน้าก้มตาดื่มชาด้วยความสนใจทันที พวกเขาตั้งใจที่จะเมินเฉยต่อเฉินหลิง

“นายเองเหรอ? ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?” เฉียนฝานถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินหลิง

“เกี่ยวกับงานของผมน่ะ มีบางอย่างที่หัวต้องชี้แจงให้ชัดเจน”

"มันคืออะไร?”

“หน้าที่ของผมคือ การสอบถามผู้รอดชีวิตจากถนนปิงฉวน ว่าพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติมั้ย ใช่มั้ยครับ?”

"ใช่ "

"แล้วถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือล่ะ?"

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เฉียนฝานก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่ก็ยังตอบอย่างอดทน

"ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือ แค่หาวิธีทำให้พวกเขาร่วมมือสิ...เราเป็นผู้คุมกฎ มีอำนาจในเรื่องนี้"

"ดังนั้น ผมใช้กำลังได้ใช่มั้ย?"

"แน่นอน"

เมื่อได้ยินเฉินหลิงพูดแบบนั้น ผู้คุมกฎคนอื่นๆ ในห้องก็อดไม่ได้ที่ยิ้มเยาะ

“ถ้าอย่างนั้นผมก็เข้าใจแล้ว” เฉินหลิงพยักหน้า “ถ้าพวกเขาไม่ร่วมมือ ผมจะลากพวกเขามาที่นี่ แล้วหัวหน้าจัดการมัน”

“เข้าใจแล้วก็รีบๆ ไปเถอะ การประเมินของนายจะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ วันนี้ ภารกิจจะต้องเสร็จสมบูรณ์”

ขณะที่เฉินหลิงจากไป หลังเฉียนฝานปิดประตูลงก็มีเสียงหัวเราะตามมา เสียงดังลั่นอย่างไม่คิดปกปิด

“เด็กคนนี้หัวแข็งจริงๆ…”

“เขาโง่ยิ่งกว่าอู๋โหยวตงเสียอีก”

“นายได้ยินมั้ย เขาบอกว่าเขาจะใช้กำลัง…เขารู้จริงๆ เหรอว่าถนนปิงฉวนอยู่ที่ไหน?”

“เฮ้อ เขามาจากสถานที่ยากจน จะมีช่องทางข้อมูลมากมายได้ยังไง? หยุดล้อเลียนคนอื่น...ดื่มชาต่อเถอะ”

เสียงหัวเราะแผ่วเบาผ่านเข้าไปในรอยแตกของประตู  เข้าหูของเฉินหลิง แต่เขากลับไม่ได้สนใจ

ในขณะนี้ ความสนใจของเขามุ่งไปที่แสงกะพริบอย่างกะทันหัน ที่มีอยู่ตรงหน้าเขา

.

[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +1...+1...+1]

.

.

.......

.

"กฎการกำกับ 13 ข้อ"

.

"เมื่อความขัดแย้งมีความชัดเจน ในกรณีนี้สามารถเพิ่มจุดระเบิดทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ดึงอารมณ์ของผู้ชม เพิ่มความรู้สึกเพลิดเพลิน เมื่อความขัดแย้งเดิมปะทุขึ้นก็เพิ่มความขัดแย้งหลังเพื่อสร้างฉากน่าตื่นเต้น"

แน่นอนว่าเฉินหลิง สามารถไปที่ถนนปิงฉวนโดยตรงเพื่อสร้างฉากฉากหนึ่งได้ แต่ด้วยวิธีนี้ความขัดแย้งจะค่อนข้างเรียบง่ายเกินไปและ [ความคาดหวังของผู้ชม] จะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก...

ดังนั้นเขาจึงเลือกนำผู้คุมกฎเข้ามาในฉากด้วย

เฉินหลิงเดินผ่านซากปรักหักพังครึ่งแรกของถนนปิงฉวน มาถึงสถานที่ที่มีผู้รอดชีวิตมากที่สุด...ร้านเหล้าเฮยฝู

โดยปกติแล้วที่นี่เป็นสถานที่ทำกิจกรรม คนถนนปิงฉวนมักแวะเวียนมาบ่อยครั้ง ตอนนี้ครึ่งหนึ่งของถนนถูกลดขนาดลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง และยังเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวสำหรับบางคนด้วยซ้ำ ที่นี่เป็นที่ที่อู๋โหยวตงถูกดูถูกและเหยียดหยาม

แต่เฉินหลิง ไม่ใช่เขา...

มือข้างหนึ่งถือแบบฟอร์มการสำรวจ อีกข้างผลักประตูร้านเหล้าเข้าไปเขามาพร้อมกับเสียงเอี๊ยดของประตู คนทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบงัน

ดวงตาที่ทั้งดุร้ายเย็นชานับไม่ถ้วนจ้องคนที่ประตู ความสนใจตกไปที่เฉินหลิง

"สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินหลิง เป็นผู้คุมกฎ..."

"คุณพร้อมที่จะตอบคำถามของผมหรือยัง?"

.

.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด