ก้าวข้ามความว่างเปล่า (4)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 47>
6. ก้าวข้ามความว่างเปล่า (4)
*****
ในตอนเช้า เขาขนของต่างๆเข้าไปเก็บในห้องเก็บพัสดุ และในช่วงบ่าย เขาก็ตั้งใจฝึกกับหอกอย่างเอาเป็นเอาตาย
พยายามอย่างหนักจนเลือดออกและเป็นแผลพุพอง แต่ทักษะการใช้หอกของเด็กชายก็ไม่ดีขึ้นมากนัก
"หยุดเถอะ"
มีคนพูดขึ้นมา
"ทำไม?"
"นายไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ มันเปล่าประโยชน์ ลองทำอย่างอื่นดูสิ นายขยันทำอะไรก็ได้"
"มันน่าเสียดายไหม?"
"ว่าไงนะ?"
"ฉันที่ทุ่มเทให้กับสิ่งที่ไร้ความหมาย มันน่าเสียดายไหม?"
"พูดอะไรของนาย?"
เขาจากไปด้วยสีหน้าจริงจัง
แต่เด็กชายไม่หยุด
ในไม่ช้า เขาก็กลายเป็นบุคคลพิเศษของเนลม์ไฮมฟ์
คนโง่ที่ไม่มีพรสวรรค์ที่เอาแต่ฝึกฝนเพียงอย่างเดียว
บางคนหัวเราะเยาะเขา
บางคนสงสารเขา และบางคน...
รู้สึกเสียดาย
"......"
ไม่ว่าจะฝึกฝนเท่าไหร่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่คืน กำแพงก็ไม่แตกสักที
ทักษะการใช้หอกที่แย่ก็ยังเหมือนเดิม
รุ่นน้องมากมายแซงหน้าเด็กชายไป
'นี้มันเรียกว่าน่าเสียดายหรือเปล่า?'
ที่พยายามแล้วแต่ไม่สามารถก้าวหน้าได้
กำแพงแห่งพรสวรรค์
แต่เด็กชายก็ยังควไม่เป็นไร
เนลม์ไฮมฟ์ของนายท่านโลกิค่อยๆ เจริญรุ่งเรือง
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เคยทรุดโทรมขยายใหญ่ขึ้นและสวยงามขึ้น ฮีโร่ที่มีความสามารถ เรือเหาะ และสิ่งต่างๆ เข้ามา ห้องพักรอเต็มไปด้วยผู้คน
แต่เด็กชายยังคงติดอยู่ในชั้นล่าง
แม้จะเป็นฮีโร่รุ่นแรกๆ แต่สถานการณ์ของเด็กชายก็ไม่ดีขึ้น
เนลม์ไฮมฟ์ที่มีความมั่นคงในระดับหนึ่งเริ่มขยายตัวออกไปภายนอก
ขยายดินแดน สร้างพันธมิตร และเพิ่มอาณานิคม
แต่เด็กชายยังคงเหมือนเดิม
ชื่อของโลกิเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการเข้าร่วมกิจกรรมขนาดใหญ่
เนลม์ไฮมฟ์แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในกิจกรรมและกวาดรางวัลไป
และในระหว่างนั้น สถานที่หนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นบั๊กก็เกิดขึ้น
มิติลัวนาน
มิติที่ถูกทิ้งไว้หลังจากกิจกรรมจบลงโดยไม่มีใครสนใจ
โลกิสังเกตเห็นความผิดปกติของมิตินั้น
เวลาในลัวนานผ่านไปอย่างช้าๆ
เราอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ได้
โลกิส่งฮีโร่ที่กลายมาเป็นอาชญากรบางคนเข้าไปในนั้นเพื่อทดลอง
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้
ขณะที่โลกิกำลังครุ่นคิดอะไรหลายๆอย่าง เขาก็นึกถึงเด็กชายคนหนึ่ง
ฮีโร่รุ่นแรกๆ ที่ขาดพรสวรรค์
แต่ก็ยังไม่หยุดความพยายาม ฮีโร่ที่ใช้หอกคนนั้น
เพราะอย่างนั้นเอง
เด็กชายถูกส่งไปยังลัวนาน
"......"
มีการจัดหาวัสดุบางอย่างเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
ไม่มีการสนับสนุนอื่นใดที่ไม่จำเป็น
เพราะโลกิได้เข้าใจลักษณะบางอย่างของมิติแล้ว
ไม่จำเป็นต้องกิน
ไม่จำเป็นต้องนอน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
'ดูสิว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน'
เด็กชายยิ้ม
เพราะเขาเรียนรู้มาว่าต้องยิ้มในสถานการณ์แบบนี้
ตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ
มีโอกาสปฏิเสธการส่งตัวไปหลายครั้งระหว่างทาง
โลกิคงรู้อยู่แล้วสินะ
'ถ้าฝึกต่อไปที่นี่...'
เด็กชายจะเข้าใจหรือเปล่า
ความหมายที่แท้จริงของ 'ความรู้สึกเสียดาย'
เด็กชายหลับตา
"ทำไม ทำไม..."
"ทำไมต้องเป็นฉัน..."
"โอ๊ย แม่งเอ๊ย โว้ยยย!"
รุ่งสางที่ค่ายฝึก
เมื่อหลับตาลง เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเขา
เหล่าฮีโร่ผู้ที่พยายามอย่างหนักแต่กลับผิดหวังกับกำแพงแห่งพรสวรรค์
พวกเขาสาปแช่งพรสวรรค์ของตัวเอง
"......"
แต่เด็กชายไม่เป็นไร
แม้ว่าผลลัพธ์จากความพยายามอย่างหนักจะไม่ปรากฏที่ไหน แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไร
เขาเกิดมาแบบนั้น
เด็กชายไม่ใช่มนุษย์
ตึง!!
เด็กชายสร้างลานฝึกด้วยวัสดุที่ได้รับการสนับสนุน
และการฝึกฝนที่ไม่สิ้นสุดก็เริ่มต้นขึ้น
ไม่จำเป็นต้องนอน
ไม่จำเป็นต้องกิน
เขาใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็มที่ในการฝึกฝน
เวลาผ่านไป
ผ่านไป นานจนนับไม่ได้ มันผ่านไป และผ่านไปอีก
โลกิปล่อยเด็กชายทิ้งไว้ในลัวานโดยไม่ได้สนใจอะไร
'ทำไม?'
เด็กชายคิด
ไม่รู้สึกเสียดายเหรอ?
เขากำลังใช้เวลาอย่างไร้ความหมายแบบนี้
หัวใจของเขาไม่ตอบสนองอะไรเลยงั้นเหรอ?
'ทำไม'
ทำไมเขาถึงไม่สามารถรู้สึกเสียดายได้เหมือนคนอื่นๆ
เขาทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนร่างกายสึกหรอ
แต่ก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้แม้แต่นิดเดียว
'ความรู้สึกเสียดายคือ...'
คืออะไร?
'การเป็นมนุษย์คือ...'
คืออะไร?
'หัวใจคือ...'
คืออะไร?
ความรู้สึกที่ไม่สามารถเข้าใจได้นี้ ความรู้สึกเสียดายหรือเปล่า?
เด็กชายเองก็ไม่รู้
เขาแค่รู้สึกว่างเปล่า
ไม่ว่าจะแทงหอกหรือฟาดฟันเท่าไหร่ ก็ไม่เกิดแรงกระเพื่อมในใจ
มันเงียบสงบเหมือนแม่น้ำที่เหือดแห้ง
แล้วในช่วงเวลาหนึ่ง
วู้มมม!
เงาของเด็กชายเริ่มสั่นไหว
พลังที่ไม่รู้จัก
ระบบตัดสินว่านั่นคือ 'การเพิ่มเลเวล'
เด็กชายเรียนรู้การเพิ่มเลเวลและใช้เวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้ง จนเด็กชายตัดสินใจเรียกมันว่าพลังแห่งกรรม
'การเพิ่มเลเวล' ไม่ใช่ความพยายาม
ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ได้จากความพยายาม
เขาต้องใช้เวลาอีกเกือบจะนิรันดร์เพื่อที่จะเข้าใจตัวตนและวิธีควบคุมมัน
และแล้ว
โลกิก็พาเด็กชายออกจากลัวนาน
เด็กชายแข็งแกร่งขึ้นมาก
เขาแข็งแกร่งขึ้นจนคนที่เคยรู้จักเขาแทบจะจินตนาการไม่ออกว่าแข็งแกร่งขนาดไหน
ด้วยพลังแห่งกรรมนั้น ทุกอย่างเป็นไปได้
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็กลายเป็นก้อนเนื้อและหายไปในพริบตา
ไม่ว่าจะเร็วและว่องไวแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลบเงาที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินได้
"ยอดเยี่ยม นี่คือชัยชนะของมนุษย์ที่แท้จริง!"
ชัยชนะของมนุษย์
"ยินดีด้วย! ความพยายามของนายได้ผลแล้ว!"
ผลลัพธ์ของความพยายาม?
"ความพยายามจะได้รับผลตอบแทนเสมอ!"
ได้รับผลตอบแทน?
'นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ'
เขาแค่อยากรู้
นี่คือการได้รับผลตอบแทนเหรอ
'...'
เด็กชายเอียงหัว
สิ่งที่เขาต้องการจะได้ เขาก็ยังไม่ได้มันมา
นี่คือความรู้สึกเสียดายหรือเปล่า?
เขาไม่รู้
ไม่ว่าจะยังไง สถานการณ์ของเด็กชายก็เปลี่ยนไปในทันที
จากคนที่เอาเเต่พยายามอย่างเดียว กลายเป็นฮีโร่ผู้ใช้หอกที่สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้
โลกิให้ความสำคัญกับเด็กชายและทำให้เขาเป็นศูนย์กลางของปาร์ตี้
"ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของนายมาบ้างแล้ว"
มีคนยื่นมือมาหาเด็กชาย
"ฉันเซริส อาเจนไฮม์ ฝากตัวด้วย"
"อืม"
"ฉันอยากได้ยินจากนายว่านายก้าวข้ามกำแพงนั้นมาได้อย่างไร?"
เขามีเพื่อนใหม่แล้ว
"ฉันยูเน็ต ซีด"
"ฉันรีเจียน"
ตำแหน่งที่ว่างในปาร์ตี้เกิดจากการต่อสู้ในด่านบอส
ฮีโร่หลายคนตายไป
"......"
เซริสมองไปข้างหลัง
ราวกับว่าเขากำลังมองดูที่นั่งว่างของเพื่อนร่วมทีม
"รู้สึกเสียดายหรือเปล่า?"
"อะไรนะ?"
“การตายของเพื่อนร่วมทีม”
“ใช่….”
เซริสตอบ
“หากฉันฉลาดกว่านี้อีกสักหน่อย ถ้าเพียงแต่ฉันจะตัดสินเร็วกว่านี้ พวกเขาคงจะมีชีวิตอยู่”
“เซริส ไม่ใช่ความผิดของคุณนะคะ”
"ผู้นำคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ คำพูดของเธอไม่ถูกนะ"
เซริสยิ้มอย่างขมขื่น
"เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปก็ขอฝาก..."
"ถ้าไม่มีใครตาย"
"หืม?"
"ถ้าไม่มีใครตายอีกต่อไป ก็คงไม่มีเรื่องน่าเสียดายแล้วสินะ?"
เซริสกระพริบตาเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กชายพูด
แล้วก็ตอบพร้อมกับก้มหน้าลง
"คงจะเป็นอย่างนั้น"
"อ่า งั้นเหรอ"
เด็กชายจับมือเซริสตอบ
"ฉันชื่อมูเด็น ไนเดลค์ ยังไงก็ช่วยกันทำให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดายอีก"
"ฝากด้วยนะ"
ช่วงเวลาแห่งมิตรภาพกับเพื่อนร่วมทีมดำเนินต่อไป….