ก้าวข้ามความว่างเปล่า (3)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 47>
6. ก้าวข้ามความว่างเปล่า (3)
*****
ดินแดนเนลม์ไฮมฟ์ ที่ซึ่งมนุษย์มีชีวิตเพื่อถูกกินเป็นอาหาร
แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ
เด็กชายเกิดในสถานที่เช่นนั้น
ในป่าลึก
ดินแดนห่างไกลที่ไม่มีใครมาเยือน
ที่นั่น มนุษย์รวมตัวกันสร้างหมู่บ้าน
ไม่มีขุนนางปีศาจขาว
ไม่มีใครถูกจับกิน ไม่มีใครถูกทารุณ
แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่ชาวบ้านก็ถือว่าเพื่อนบ้านเป็นเหมือนครอบครัว
เสียงหัวเราะและรอยยิ้มไม่เคยหยุด
ชาวบ้านดูแลและห่วงใยซึ่งกันและกัน
เมื่อเทียบกับโลกภายนอกที่ผู้คนมีชีวิตอยู่เพื่อรอความตาย ที่นี่ก็เหมือนสวรรค์
เด็กชายคนนั้นอาศัยอยู่ในนั้น
คนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กชายคือแม่ของเขา
เด็กชายไม่หัวเราะ
"เป็นอะไรไป?"
ไม่ว่าจะปลอบหรือโอ๋ยังไงเขาก็ไม่หัวเราะ
ไม่ร้องไห้ด้วย
แค่มองทุกอย่างด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์
เด็กชายแตกต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
"ลูกป่วยตรงไหนหรือเปล่า?"
เด็กชายส่ายหัว
"ผมไม่เป็นไรครับ"
"ทำไมไม่ออกไปเล่นข้างนอกล่ะ?"
“ไม่เป็นไรครับ”
ไม่เป็นไร
ทำอะไรก็ไม่เป็นไร
วัยเด็กที่มักจะตื่นเต้นกับสิ่งเร้าเล็กๆ น้อยๆ
แต่เด็กชายใช้ชีวิตช่วงเวลานั้นด้วยความแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาขี้ผึ้ง
"......"
เด็กชายอาจจะรู้ว่าแม่เป็นห่วง
ใบหน้าของเด็กชายเริ่มมีสีหน้าที่เเปลกไป
ยิ้ม
ร้องไห้
กล้ามเนื้อใบหน้าบิดเบี้ยวดูไม่เป็นธรรมชาติราวกับถูกบังคับ
ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
หลายปีผ่านไป ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กชายอีก
"ถ้ามีความสุข ก็ยิ้มสิ"
ทำไมต้องยิ้มล่ะ?
"ถ้าเสียใจ ก็ร้องไห้สิ"
ทำไมต้องร้องไห้ล่ะ?
เด็กชายหัวเราะและร้องไห้โดยไม่รู้เหตุผล
ในสถานการณ์ที่ต้องหัวเราะ ก็ต้องหัวเราะ
เวลาที่ต้องร้องไห้ ก็ต้องร้องไห้
"เพราะนั่นแหละ คือมนุษย์"
ถ้าอย่างนั้น
เด็กชายไม่ใช่มนุษย์เหรอ?
หรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่เลียนแบบมนุษย์ได้?
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ภัยพิบัติมาเยือนหมู่บ้านที่เด็กชายอาศัยอยู่
ข่าวลือเรื่องการล่มสลายกำลังกลายเป็นจริง
ท้องฟ้าที่เคยส่องแสงดาวกำลังลุกไหม้
ป่าที่เคยปกป้องพวกเขาหายไปเพราะถูกเผาไหม้เป็นสีดำ
ถึงกระนั้น ชาวบ้านก็ไม่หนีไปไหน
"ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมานะ"
พวกเขาทักทายกันและขอบคุณสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
คนที่หมู่บ้านตัดสินใจแล้ว
จะไม่ไปไหน
พวกเขาจะตายไปด้วยกันที่บ้านเกิด
"ขอโทษนะลูก"
แม่ร้องไห้ขณะกอดเด็กชาย
"ขอบคุณนะลูก"
"......"
"ขอบคุณที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้"
ขอบคุณงั้นเหรอ?
แต่แม่กำลังร้องไห้ไม่ใช่เหรอ
น้ำตาใสๆ ของแมไหลลงมาไม่หยุด
เด็กชายเอียงหัว
"ทำไมร้องไห้ล่ะครับ?"
คำว่าขอบคุณควรจะเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่ต้องพูดไปพร้อมกับรอยยิ้มไม่ใช่เหรอ?
แต่แม่ก็ยังร้องไห้
"มันคือความรู้สึกเสียดายไงลูก"
แม่ของเด็กชายยิ้มทั้งน้ำตา
"แม่ขอบคุณที่ได้อยู่กับลูก และเสียใจที่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้อีกต่อไป นั่นคือความรู้สึกเสียดาย"
"เสียดาย"
"ใช่แล้วลูก มันคือความรู้สึกเสียดาย"
เสียดายคืออะไร
มันเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่เด็กชายไม่สามารถเข้าใจได้ เป็นได้ทั้งความสุขและความเศร้าในเวลาเดียวกัน
ความคิดของเด็กชายหยุดชะงัก
หายนะได้ปกคลุมป่าและหมู่บ้าน
ทันทีหลังจากนั้น เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ที่นั่นถูกเรียกว่าห้องรอ
เด็กชายถูกบังคับให้ต่อสู้และเผชิญหน้ากับความตายโดยที่ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์
ต้องต่อสู้
เพื่อเอาชีวิตรอด
เด็กชายหยิบหอกขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
'ความเสียดายคืออะไรนะ?'
ความทรงจำเกี่ยวกับการล่มสลายอาจเลือนหายไป แต่คำถามยังคงอยู่
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาเห็นคนที่กำลังจะตาย
ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็ตาย
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า 'นายท่าน' ที่ควบคุมห้องรอ ได้ส่งเหล่าฮีโร่ไปสู่สนามรบอย่างไร้ความปราณี
"ช่วย…ด้วย ช่วยด้วย"
"ได้โปรด ได้โปรด!"
เสียงกรีดร้องและเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
พวกเขารู้สึกเสียดายหรือเปล่า?
'ไม่ นั่นคือความกลัว'
อารมณ์มีความหลากหลายสถานะและระดับ
เด็กชายสามารถ 'เรียนรู้' และ 'เลียนแบบ' อารมณ์ของมนุษย์ได้อย่าง 'ละเอียด'
ในทางทฤษฎีแล้วมันเป็นเช่นนั้น
เด็กชายมีชีวิตรอดมาได้
แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะไม่เพียงพอ แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ได้ในทุกสถานการณ์
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้ตาย เขาก็ไม่ตื่นตระหนก
นายท่านที่ชื่อโลกิ ดูเหมือนจะชอบเด็กชาย จึงดูแลเขาเป็นพิเศษ
และเมื่อเวลาผ่านไป
สถานการณ์ในห้องรอผ่านไป
มีการอัญเชิญฮีโร่มาที่ห้องรอมาเป็นจำนวนมาก และฮีโร่จำนวนมากก็ตายไปอีกครั้ง
ห้องรอที่เคยทรุดโทรม ตอนนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพิ่มชั้น และมีกฎระเบียบและระบบต่างๆ
ในตอนนั้น เด็กชายถูกคัดออกจากตำแหน่งนักสู้
เด็กชายไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้
ถ้าเขาไม่สงบสติอารมณ์ เขาคงตายไปแล้วสิบครั้ง
เด็กชายทำงานขนส่งวัสดุและทำงานอื่นๆ ในดันเจี้ยนประจำวันอย่างไม่หยุดหย่อน และนายท่านก็ให้ความหมายแก่ชีวิตของเขา
"......"
เขาเหลือบไปเห็น
ลานฝึกที่ฮีโร่กำลังฝึกฝนอย่างหนัก
ในหมู่พวกเขามีผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนของเด็กชาย
เด็กชายเข้าไปหาเขา
"นายกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?"
"ฉันกำลังฝึกอยู่"
"เพื่อเอาชีวิตรอดเหรอ?"
"ไม่ใช่"
ชายคนนั้นปฏิเสธ
"เพื่อไม่ให้เป็นเหมือนนาย"
"ห่ะ?"
"ไม่อยากถูกไล่ออกจากปาร์ตี้"
"ไม่อยากเป็นเหมือนฉันเหรอ?"
ชายคนนั้นพูด
เขาไม่อยากถูกไล่
เขาอยากรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้
"ทำไมล่ะ?"
"อะไรนะ?"
"ถ้าต่อสู้ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะตายได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ขนส่งวัสดุเหมือนฉันน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่านะ"
"นาย... ไม่รู้เหรอ?"
"ไม่รู้? ฉัน?"
"มันจมีสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรียังไงล่ะ…"
ศักดิ์ศรีเหรอ
ความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับสินะ
ผู้ชายคนนี้อยากได้รับการยอมรับจากโลกิสินะ
เหงื่อไหลออกมาจากทั่วร่างของชายคนนั้นเหมือนเม็ดฝน
การกัดฟันของเขาดูเจ็บปวดมาก
แต่ผลลัพธ์ก็ทรยศเขา
ชายคนนั้นถูกคัดออกจากตำแหน่งนักสู้ ไม่ได้ทำอะไร นั่งเหม่อลอยไปวันๆ แล้วก็ถูกสังเคราหะ์และหายไปตลอดกาล
'...'
ภาพของชายคนนั้นที่นั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้และมองท้องฟ้า
'นั่นคือความรู้สึกเสียดายหรือเปล่านะ?'
เด็กชายต้องการที่จะรู้
ความเสียดายนั้นคืออะไร?
เด็กชายจับหอกที่เคยวางมันทิ้งไว้ขึ้นมาอีกครั้ง
เขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนทั้งวัน
เขาอยากรู้ว่าความรู้สึกเสียดายเป็นอย่างไร
เขาอยากจะรู้สึกบางอย่างในหัวใจที่ว่างเปล่านี้