ตอนที่แล้วChapter 282 : เข้าสู่โบราณสถานคุนหลุน – สตรีแปลกประหลาด (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 284 : นักสู้ชาวอินเดียโจมตีคุนหลุน – จี้รู่เยว่ลงมือ (1)

Chapter 283 : เข้าสู่โบราณสถานคุนหลุน - สตรีแปลกประหลาด (3) (ฟรี)


อย่างไรก็ตามเธอกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นักและออกค้นหาหินรูนหายากต่างๆต่อไป

...

ภายในราชวังเหนือยอดของภูเขา

หลินเซวียนและจี้รู่เยว่จ้องกันตาเขม็ง

“ข้าถามว่าเจ้าไปเรียนวิชาร่างจุติกับห้าสัมผัสเชื่อมสวรรค์มาจากที่ใด...แต่เจ้ากลับบอกว่าหามันมาเองงั้รึ?”

จี้รู่เยว่ฉงนยิ่งนัก “ต่อให้คิดจะโกหกก็จงอย่าได้ใช้เหตุผลเช่นนี้เลย”

หลินเซวียนตอบด้วยท่าทีอับจน “ผมไมได้โกหก”

“เช่นนั้นแล้วเจ้าสิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดแดนลับที่เจ้าเอ่ยถึงคือสิ่งใด? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?” จี้รู่เยว่เอ่ยถาม

“มันมีชื่อเรียกว่าต้นกำเนิดแดนลับ ผมแค่เห็นชื่อของมันผ่านสกิลตรวจสอบขั้นสูงก็แค่นั้นเอง”

“อะไรคือสกิลตรวจสอบขั้นสูง? เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นวิชาตรวจสอบปราณ”

หลินเซวียนยิ่งปวดหัวขึ้นอีก

เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับตัวละครจากนิยายกำลังภายในก็ไม่ปาน

หลังจากสื่อสารกันอยู่ครึ่งค่อนวันคนทั้งสองถึงได้คุยกันรู้เรื่องในที่สุด “เข้าใจแล้ว..สตรีแซ่เย่ผู้ที่มาที่นี่เมื่อสิบปีก่อนคือเจ้าสำนักกองพลก่อสร้างที่เจ้าสังกัดสินะ?”

“ไม่ใช่เจ้าสำนักแต่เป็นผู้นำ”

“อ่าจริงสินะ..ผู้นำลำดับ1สินะ” จี้รู่เยว่ทำท่าคิดหนัก

“เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับวิหารมังกรสวรรค์แต่บอกว่าเคยเข้าร่วมบททดสอบของวิหารมังกรสวรรค์นิกายเซนมาก่อนสินะ”

“ข้าขอบอกเจ้าเลยแล้วกันว่าวิหารมังกรสวรรค์นิกายเซนนั้นคือพื้นที่หลักของวิหารมังกรสวรรค์และมีเพียงศิษย์มากพรสวรรค์ที่สุดเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมรับการทดสอบได้”

“ห้าสัมผัสเชื่อมสวรรค์ก็คือรางวัลจากการผ่านบททดสอบนั้น”

หลินเซวียนประหลาดใจยิ่งนัก

สกิลที่เขามีกลับกลายเป็นวิชาลับของราชวังคุนหลุนและวิหารมังกรสวรรค์ไปเสียได้

ทำไมจู่ๆเขาถึงรู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวเองก็ไม่รู้..เป็นความรู้สึกที่แปลกยิ่งนัก

เมื่อตอนที่เขาข้ามมิติมาที่โลกใบนี้เขาคิดว่าโลกใบนี้คือโลกหลังยุคล่มสลายที่มีแต่อสูรเตร็ดไปเตร่มาเสียอีก!

หลินเซวียนถามขึ้น “ถ้างั้นบอกผมทีสิว่าอาจารย์ที่คุณพูดถึงคือใครกัน?”

จี้รู่เยว่ถอนหายใจ “ย่อมได้...ข้าเองก็ไม่มีใครให้คุยเรื่องนี้มากว่าร้อยปีแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็พบเจอคนน่าสนใจเช่นนั้นก็นั่งลงเถิดข้าจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างช้าๆ”

หลินเซวียนหยิบเนื้อแท่งออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและกินไปฟังไปเช่นเดียวกับจี้รู่เยว่ที่ทานไปเล่าไปเช่นเดียวกัน

“ราชวังคุนหลุนกับวิหารมังกรสวรรค์นั้นคือสำนักระดับสุดยอดของทวีปเรา นอกจากพวกเราแล้วก็ยังมีอาณาจักรของพวกมนุษย์ที่เรียกกันว่าแดนต้นกกอยู่ด้วย”

“ท่านอาจารย์ได้บอกกับข้าว่าไกลสุดกู่ทางตะวันตกนั้นมีแดนอุดมสมบูรณ์อยู่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นมีเมืองตั้งอยู่และเป็นเมืองที่ใหญ่โตและทรงพลังที่สุดซึ่งถูกเรียกขานกันว่าเมืองสุริยัน”

ดวงตาของหลินเซวียนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

แดนต้นกก!

เมืองสุริยัน!

ทั้งหมดทั้งมวลเชื่อมถึงกัน

“ถ้างั้นท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เขาถาม

ดวงตาของจี้รู่เยว่ฉายประกายเย็นเยียบ “ปิศาจแห่งหายนะ”

“ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกพวกมันว่าเช่นไร ปิศาจสวรรค์ต่างภพ? ปิศาจร่างมนุษย์? อสูรปิศาจ? เผ่าปิศาจ? ยังไงก็ตามท่านอาจารย์และอาจารย์ลุงเรียกพวกมันว่าปิศาจแห่งหายนะ”

“ปิศาจเหล่านั้นทรงพลังยิ่ง พวกมันสามารถบดขยี้ภูเขาและถมลำธารได้ด้วยหนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือ ราชวังคุนหลุน วิหารมังกรสวรรค์และสำนักขนาดเล็กและขนาดกลางมากมายร่วมมือกันต่อสู้กับพวกมันหากแต่ก็ไม่อาจบีบให้พวกมันล่าถอยกลับไปได้แถมยังสูญเสียกันอย่างมากมาย”

“ซากโบราณสถานคุนหลุนที่พวกเจ้าเห็นก็คือราชวังคุนหลุนที่ถูกทำลายไปนั่นแหละ”

“สุดท้ายแล้วท่านอาจารย์ของข้าและคนอื่นๆจึงตัดสินใจใช้อายุขัยที่เหลือของพวกท่านเป็นแหล่งพลังงานเพื่อให้ข้าฝืนใช้ค่ายกลจักรวาลเพื่อเคลื่อนย้ายสำนักออกมาได้”

“ค่ายกลจักรวาลนั้นถูกทิ้งเอาไว้โดยท่านบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ท่านเอ่ยว่ามันมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายผ่านดวงดาราและข้ามผ่านห้วงจักรวาลจนทำให้สำนักทั้งสำนักนั้นถูกตัดขาดจากแผ่นดินหลักและปรากฏในอีกสถานที่แห่งหนึ่งแล้วหลังจากนั้น...”

หลินเซวียนรับรู้ได้ทันที “แล้วจากนั้นคุณกับราชวังคุนหลุนก็มาโผล่ที่นี่?”

“ถูกต้อง นอกจากนั้นข้ายังเป็นเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสำนัก ลูกศิษย์คนอื่นนั้นดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย” สีหน้าของจี้รู่เยว่ดูเศร้าหมองยิ่งนัก

หลังจากหลินเซวียนได้ยินคำอธิบายจากปากของจี้รู่เยว่เขาก็พลันรู้สึกราวกับได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่

มิติแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่โลกใบเล็กๆเพียงใบเดียวแต่ยังมีโลกอื่นๆอีกมากมายนอกจากโลกอยู่อีก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด