บทที่ 461: สิ่งที่ขายคือวากิวปลอมจริง ๆ! กลับไปไม่ได้แล้ว!
ยานางิยามะยาชิโระไม่เพียงแต่พบว่านี่คือลูกวากิวเท่านั้น แต่หลังจากเข้าไปตรวจสอบและดูจากประสบการณ์ของตน เจ้าตัวสามารถระบุได้อย่างง่ายดายว่าลูกวากิวตัวนั้นมีคุณภาพสูงมาก
ตอนนี้ต้องตื่นตระหนกแล้วล่ะ
กลายเป็นว่าฟาร์มชิงหลินมีวากิวอยู่จริง ๆ แล้วพอมองไปในโรงเลี้ยงที่มีลูกวากิวตัวอื่น ๆ ก็เห็นพวกมันสบตากลับมา
จากประสบการณ์อันโชกโชนแล้วไอ้พวกตรงนั้นก็เป็นลูกวากิวด้วยเช่นกัน
บรรดาเจ้าของฟาร์มเองก็เข้าไปตรวจสอบลูกวากิวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอุทานกันยกใหญ่
“เป็นวากิวจริง ๆ ด้วย!”
“ฟาร์มชิงหลินโคตรสุดยอด เพาะพันธุ์วากิวได้แล้วจริง ๆ”
“แถมเจ้าพวกนี้ยังสภาพโคตรดีอีก!”
“...”
สีหน้าของพวกที่ยานางิยามะยาชิโระพามาล้วนแต่แสดงออกว่าประหลาดใจ
เพราะที่อุตส่าห์แก่กันมาก็เพื่อจะมาเปิดโปงความปลอมของฟาร์มชิงหลิน แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องที่ไม่ใช่ขึ้นมาซะงั้น
หลังจากที่ยืนยันว่าฟาร์มฟาร์มชิงหลินมีวากิวแล้วบรรดาเถ้าแก่ฟาร์มวัวต่างก็ต้องทึ่ง
เจ้าของฟาร์มคนหนึ่งพูดว่า “อาจารย์ทั้งสาม ไม่ทราบว่าตอนนี้วากิวพ่อพันธุ์อยู่ไหนเหรอครับ”
“นั่นสิ ๆ คุณให้พวกเราดูได้ใช่มั้ย” เจ้าของฟาร์มอีกคนก็ถามต่อ
“ไม่ต้องห่วงครับ หากอยากเห็นแล้วล่ะก็เดี๋ยวเราจะไปพาตัวพ่อพันธุ์ทั้งคู่มาให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” วากิวบรีดเดอร์ทั้งสามได้ต้อนลูกวากิวกลับเข้าคอกไป
จากนั้นก็พากันไปต้อนเอาพ่อพันธุ์วากิวขนเหลือง 2 ตัวมาจากอีกด้านหนึ่ง
บรรดาเถ้าแก่ฟาร์มวัวต่างก็หันคอไปดูทันทีที่พวกมันปรากฏตัว
อย่างที่รู้ว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เลี้ยงวัว ซึ่งทั้งหมดบอกได้เลยว่าวัวคู่นี้คือดีมาก ๆ ซึ่งไม่ต้องรอให้พวกมันเดินมาหา พวกเถ้าแก่ฟาร์มวัวต่างเดินเข้าไปหามันเองโดยไม่รู้ตัว
ทางด้านยานางิยามะยาชิโระเมื่อเห็นวัวทั้งสองตัวเดินออกมาหัวใจก็หล่นลงตาตุ่ม
เพราะสามารถบอกได้ทันทีที่เห็นเลยว่าพวกมันทั้งคู่เป็นวากิวพ่อพันธุ์คุณภาพสูงแน่นอน
นี่คือฝีมือที่เจ้าตัวมี
ไม่งั้นก็คงไม่ได้เป็นนายกสมาคมวากิว
แล้วไหนไอ้ฟาร์มยามากิมันบอกว่าขายวัวปลอมให้บ้านไร่ชิงหลินล่ะวะ!
แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นวัวจริงได้!
หลังจากได้ตรวจสอบดูพ่อพันธุ์วากิวทั้งคู่แล้วบรรดาเจ้าของฟาร์มวัวทั้งหลายก็พูดกันอื้ออึง
“อย่างสวย พ่อพันธุ์วากิวคู่นี้นี่สวยสุด ๆ ไปเลย!”
“ผมเคยไปดูงานที่ฟุโซมาก่อน บอกได้เลยว่าในบรรดาวากิวบรีดเดอร์ของที่นั่นมีคนที่ทำได้ระดับนี้น้อยมาก”
“ก็สมกับเป็นสมบัติชาติของฟุโซนั่นล่ะนะ”
“ไอ้พวกสมาคมฟุโซวากิวเอาไอ้นี่มาเล่นแล้วเป็นไงล่ะ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าฟาร์มชิงหลินมีวากิวระดับนี้อยู่ด้วย”
“...”
‘สัดเอ๊ย...’ ยานางิยามะยาชิโระสบถในใจด้วยความโมโห
ปรากฎว่าไอ้ฟาร์มยามากิเป็นคนทรยศ
ไม่แค่นั้น มันยังขายชาติอีกด้วย
กล้าเอาพ่อพันธุ์วากิวระดับนี้มาที่ประเทศนี้ไม่พอ ยังขายให้กับไอ้ฟาร์มเชี่ยนี่จนพวกมันเอามาทำให้วากิวของตัวเองต้องอับอายอีก!
กลับมาที่ตอนนี้
เจ้าของฟาร์มต่างถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด
“อาจารย์ ฟาร์ชิงหลินของพวกคุณเต็มใจให้เราผสมมันจริงๆ เหรอ”
“นั่นสิ นี่มันวากิวระดับพรีเมียมเลยนะ!”
“...”
แม้ว่าเจ้าของฟาร์มเหล่านี้จะมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้เท่านั้นอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นวากิวของฟาร์มชิงหลินแล้วก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้จริงรึเปล่าจึงต้องถามเพื่อเช็กให้ชัวร์ก่อน
วากิวบรีดเดอร์คนหนึ่งหัวเราะ “จะมาสงสัยอะไรอีก ที่ผ่านมาพวกเราเคยโกหกด้วยเหรอ ฟาร์มชิงหลินเราได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว เพราะงั้นเราย่อมอนุญาตให้ทุกคนมาผสมพันธุ์ได้แน่นอนอยู่แล้วสิ”
อีกคนก็พูดเสริม “ก็ตามนั้นแหละ มันก็แค่วากิวไม่ใช่รึไง เถ้าแก่ของเราบอกว่าถึงชาวฟุโซจะถือว่าเจ้าพวกนี้เป็นสมบัติชาติก็เถอะ แต่กับประเทศเราแล้วก็ไม่เห็นมันจะมีอะไร ทุกคนสามารถมาซื้อสเปิร์มของพวกมันได้ในราคาสองร้อยหยวน”
“ซึ่งเถ้าแก่ของเรามีคำขอเพียงข้อเดียวเท่านั้น คือต้องขยายพันธุ์เจ้าพวกนี้ไปให้ทั่วแผ่นดิน เปลี่ยนสบัติชาติของพวกฟุโซให้กลายเป็นอาหารธรรมบนโต๊ะกินข้าวของประชาชนบ้านเรา!”
เป็นคำตอบที่ทำให้บรรดาเจ้าของฟาร์มต้องหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ขณะเดียวกันในใจก็แอบชื่นชมเจ้าของฟาร์มชิงหลินจากใจจริง มีแค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่สามารถทำอะไรอย่างนี้ได้
ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็วากิวถือว่าเป็นสมบัติที่ยังประโยชน์ให้ตนเองได้อย่างมหาศาล และจะไม่มีใครหน้าไหนเอามันออกมาแบบเสียเปล่าแบบนี้แน่..
พวกที่ยานางิยามะยาชิโระพามานั้นต่างจ้องมองไปที่เจ้าตัวกันหมดด้วยแววตาตั้งคำถาม
เห็นได้ชัดว่ากับภาพตรงหน้านี้คือไม่สามารถทำตามแผนการที่วางไว้ได้เลย
“กลับ!” ยานางิยามะยาชิโระพูดกับคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าซีดเซียวแล้วรีบจากไป
ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ชวนให้สงสัยว่าทำไมคนพวกนี้ถึงรีบกลับเร็วนัก
ยังไม่ทันได้พูดคุยเรื่องการขยายพันธุ์วัวกันเลย
ทว่าแน่นอนว่าตอนนี้ ความโกรธของยานางิยามะยาชิโระนั้นเกินกว่าจะควบคุมไหวไปแล้ว
และไม่มีทางยอมปล่อยให้ฟาร์มชิงหลินขายสเปิร์มจากพ่อพันธุ์วากิวระดับพรีเมียมนั่นในราคาแค่ 200 หยวนแน่นอน
พวกมันกำลังดูหมิ่นวากิวของตนอยู่แถมยังอยากทำให้วากิวกลายเป็นของไร้ค่าไร้ราคา ดังนั้นเรื่องนี้มันต้องประท้วง และต้องให้ทางการทูตประท้วงด้วย
ไอ้ฟาร์มยามากิที่มันกล้าทำเรื่องแบบนี้เองก็ด้วย ไม่มีวันปล่อยให้มันลอยนวล
หลังจากออกจากฟาร์มชิงหลินแล้วยานางิยามะยาชิโระก็รีบนั่งรถกลับไปที่มณฑลฝูเจี้ยน ขณะเดียวกันก็โทรหากระทรวงการต่างประเทศโดยเร็วที่สุด
...............................................................................................
แน่นอนว่าผู้คนจำนวนมากในเมืองหลวงต่างให้ความสนใจกับการกระทำของพวกสมาคมฟูโซวากิว
ทุกคนต่างเข้าใจว่าชาวฟุโซพวกนี้มีไว้เพื่อร่วมมือกับเป้าหมายของประเทศฟุโซก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะโจมตีฐานทัพหลักตามแนวชายฝั่ง ดังนั้จุดประสงค์ของพวกมันล้วนชัดเจนในตัวมันเอง
แน่นอนว่าคนที่จับตาเรื่องนี้อีกหนึ่งก็คือรัฐมนตรีหลู่ เมื่อเห็นสิ่งที่บ้านไร่ชิงหลินทำกับวัวของประเทศฟุโซแล้วก็บอกได้แค่ว่าทำได้ดีมาก
ถามตรง ๆ เถอะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สมาคมเนื้อวัวสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องระหว่างประเทศกันฟะ
นี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของการไม่รู้จักสถานะของตน ดังนั้นจึงถูกเถ้าแก่ฉินปราบปรามลงได้โดยเจ้าตัวไม่สามารถก่อคลื่นลมอะไรได้เลย
สมบัติชาติเหรอ อีกเดี๋ยวมันก็กลายเป็นอดีตละ
ขณะที่รัฐมนตรีหลู่กำลังคิดอยู่นั้นเองจู่ ๆ ก็มีสายเข้า ซึ่งคนโทรมาคือท่านผู้นำของตน “ครับท่าน มีอะไรจะสั่งรึเปล่าครับ”
เสียงของผู้นำดังขึ้น “ทางฟุโซกำลังประท้วงต่อต้านการเผยแพร่น้ำเชื้อวากิวอย่างไร้มารยาทของฟาร์มชิงหลินที่ขายในราคาสองร้อยหยวน บอกว่าเรากำลังดูหมิ่นสมบัติชาติของพวกมันน่ะสิ”
รัฐมนตรีหลู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถามจริง ๆ นะครับท่าน สมองไอ้พวกนั้นมันยังดีอยู่มั้ย พวกมันมาหาเรื่องก่อนแท้ ๆ แต่ยังกล้ามาประท้วงอีก”
ผู้นำยิ้ม “เพราะงั้นเบื้องบนจึงตัดสินใจอนุมัติเงินจำนวนหนึ่ง คุณไปเขียนใบคำร้องเพื่อเปิดโครงการการวิจัยวากิวโดยเฉพาะเพื่อช่วยส่งเสริมการขยายพันธุ์วากิวซะนะ เราจะพยายามให้ทุกครัวเรือนได้กินเนื้อวากิวให้เร็วที่สุด และแน่นอนว่าต้องราคาถูก”
“ครับท่าน!” รัฐมนตรีหลู่หัวเราะกับคำสั่งนี้
นี่แหละวิถีที่มันควรจะเป็น
ถ้าหากสมาคมวากิวเล็ก ๆ จากฟุโซกล้ามาหาเรื่องกันโดยไม่รู้จักเจียมตัวล่ะก็ วงการของพวกมันทั้งวงการก็ควรจะถูกทำลายทิ้งไปซะ สมบัติชาติของพวกมันเองก็ควรถึงคราวไร้ค่าได้แล้ว
รัฐมนตรีหลู่ลงมือเขียนใบคำร้องโดยไม่เสียเวลารอช้า และยังได้ประกาศออกไปอีกว่าสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจะจัดตั้งกลุ่มวิจัยวากิวและจัดตั้งกองทุนวิจัยพิเศษเพื่อช่วยส่งเสริมการเลี้ยงวากิว
ประกาศนี้แทบจะออกมาพร้อม ๆ กันกับข่าวการประท้วงของพวกชาวฟุโซ
การประท้วงของสมาคมฟุโซวากิวแน่นอนว่าต้องทำให้ทุกคนตื่นเต้น
เพราะว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟาร์มฟาร์มชิงหลินได้เพาะเลี้ยงวากิวได้สำเร็จแล้วจริง ๆ ทำให้พวกฟุโซทำอะไรไม่ได้แล้ว ไม่งั้นพวกมันจะออกมาประท้วงเพื่อ?
และแน่นอนว่าทุกคนต่างก็โล่งใจด้วย
เป็นไงล่ะ จริงจังกับเนื้อวากิวนักใช่มั้ย กร่างนักใช่มั้ย แล้วทำไมมาประท้วงแล้วล่ะหืม?
การจะจัดการพวกต่างชาติเหล่านี้ล้วนขึ้นอยู่กับบริษัทชิงหลินจริง ๆ
และทุกคนยิ่งโล่งใจมากขึ้นจากประกาศของทางสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติที่จะส่งเสริมการเลี้ยงวากิว
หรือก็คือทางเบื้องบนไม่ได้สนใจพวกชาวฟุโซเลย ถึงขนาดดูหมิ่นเลยด้วยซ้ำ
เจอสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติช่วยส่งเสริมวากิวแบบนี้พวกฟุโซมันจะรอดไปได้ด้วยเหรอ ป่านนี้คงหาที่นั่งร้องให้แล้วมั้ง
และก็จริง ๆ คือยานางิยามะยาชิโระกับเดอะแก๊งที่เห็นประกาศแล้วก็แทบร้องให้เลย
เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าแค่การแบนจะทำให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โตมาจนถึงจุดนี้ได้
ไม่มีใครในที่นี้คิดมาก่อนเลยว่าการมอบหมายให้ทางคณะทูตประท้วงให้แล้วแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายไม่เพียงแค่เพิกเฉยเท่านั้น แต่ยังจะส่งเสริมให้มีการขยายพันธุ์วากิวอีกต่างหาก
นี่เป็นการเหยียบย่ำสมบัติชาติอย่างหนักหน่วงยิ่งนัก
จู่ ๆ ยานางิยามะยาชิโระก็รู้สึกเสียใจและเข้าใจแล้วว่าแผนสมคบคิดของตนนั้นโง่เขลาแค่ไหน
แล้วจู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “คุณยานางิยามะ ผมไปตรวจสอบตามที่บอกแล้วครับ ฟาร์มของไอ้ยามากิมีเงินโอนเข้าบัญชีห้าล้าน ที่มาของเงินก็ยากในการตรวจสอบด้วย มันโอนลอยเข้าบัญชีมาน่ะครับ”
แบบนี้ก็ชัดเลย ไอ้ยามากิมันขายพ่อพันธุ์วากิว 2 ตัวในราคา 5 ล้านแก่ฟาร์มชิงหลินทำให้ฟาร์มชิงหลินสามารถเพาะพันธุ์วากิวได้
“ไม่... จะปล่อยมันไว้ไม่ได้แล้ว ไอ้คนทรยศขายชาตินั่นมันขายสมบัติชาติของเราในคาราแค่ห้าล้าน!” ยานางิยามะยาชิโระโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
ต้นตอของเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้ยามากิที่ละโมบโลภมากนั่น
เพราะงั้นยกโทษให้มันไม่ได้อย่างแน่นอน
...............................................................................................
ที่ฟาร์มยามากิ ยามากิกำลังดูสถิติการขายลูกวากิวปลอมในช่วงนี้อยู่เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเงินที่สามารถทำได้
และในใจก็อยากรู้ว่าทางสามาคมวากิวจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ยังไง
เพราะตัวเองได้แจ้งไปทางสมาคมแล้วว่าตัวเองเป็นคนขายวากิวปลอมให้กับฟาร์มชิงหลินเอง ซึ่งทางสมาคมก็ควรที่จะเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ไอ้พวกฟาร์มชิงหลินมันคงคิดไม่ถึงมาก่อนเลยล่ะสิท่า
ขณะที่ยามากิกำลังฝันหวานอยู่นั้นฉู่คุงก็รีบพรวดพราดเข้ามา “ยามากิคุง วากิวที่เราขายที่เขตเมืองหมิงกลายเป็นของจริงได้ไงกัน”
ยามากิส่ายหน้า “คิดไรของนายอยู่น่ะฉู่คุง วากิวพวกนั้นมันของปลอมล้วน ๆ นายก็รู้ดีหนิ แล้วมันจะไปเป็นของจริงได้ไงกันเล่า”
แต่ฉู่คุงก็ยังเถียงว่า “มันก็ไม่น่าจะใช่นั่นแหละ แต่มันมีข่าวออกมาแล้วว่าวากิวที่ฟาร์มชิงหลินเป็นของจริงหมดเลย รวมถึงพ่อพันธุ์ทั้งสองตัวนั่นด้วย หน้าตาของพวกมันแทบจะเหมือนกับสองในสิบตัวที่เราเคยขายไปด้วยนะ ตอนนี้ทางคณะทูตฟุโซกำลังประท้วงกันอยู่ แต่ทางสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ประกาศว่าจะจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อช่วยในการเพาะพันธุ์วากิวพวกนั้น”
“อะไรนะ!” สีหน้าของยามากิเปลี่ยนไปทันทีเลย
เพราะเรื่องที่ได้ยินมีอยู่ 2 เรื่อง
1. ฟาร์มชิงหลินมีวากิวของจริง
2. ทางฟุโซออกมาประท้วงแล้วแต่ถูกเพิกเฉย โดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของประเทศนี้ได้ประกาศสนับสนุนการเพาะเลี้ยง
แล้ววากิวของฟุโซจะไม่ตายห่ากันหมดทั้งวงการเลยเหรอวะเนี่ย!
“ไม่สิ นายบอกว่าเป็นวากิวที่เราขายเหรอ มันจะเป็นไปได้ไงก่อน!” ทันใดนั้นยามากิก็ตระหนักถึงความหนักหนาของเรื่องนี้
ตลกแล้ว
เพราะวัวที่ขายไปนั้นเป็นของปลอมล้วน ๆ แล้วมันจะไปกลายร่างเป็นของจริงที่เขตเมืองหมิงได้ยังไงกัน
“อืม ข่าวออกมาแล้ว” ฉู่คุงรีบหาข่าวแล้วยื่นให้ยามากิ
เมื่อยามากิดูข่าวสีหน้าก็ซีดขาวไร้สีเลือด
นี่... คนอื่น ๆ คงไม่เข้าใจผิดว่ากูขายวากิวจริงให้ฟาร์มชิงหลินหรอกนะ
กูไม่ได้ทำ ให้กูไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าที่ขายไปทั้งหมดเป็นวากิวปลอม ไม่มีของจริงปนอยู่เลย
และในขณะนี้เองมือถือของยามากิก็มีสายเข้า เบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์ที่โทรทางไกลมาจากต่างประเทศซึ่งต้นทางคือประเทศบ้านเกิด
เจ้าตัวก็รีบรับและขณะที่กำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงเป็นกังวลของพ่อผู้ชราภาพดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน “ยามากิ ทำไมแกถึงได้ขายวากิวให้คนประเทศนั้นได้วะ ตอนนี้ทางนี้จะจับตัวนายข้อหาขายวัวแล้วนะเพราะงั้นอย่ากลับมาเด็ดขาด... หนีไปให้ไกล... โอ๊ย...”
มีเสียงทะเลาะกันดังมาจากปลายสายจากนั้นสายก็ตัดไป
“ขาย... คนทรยศเหรอ ไม่... ไม่ กูขายวากิวปลอมจริง ๆ!” ยามากิตกตะลึงและตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว
ถ้าประเทศคิดว่าตนขายวากิวจริงไปจริง ๆ ล่ะก็ แปลว่าทั้งชีวิตนี้คือกลับบ้านเกิดไม่ได้อีกแล้ว
ฉู่คุงเมื่อเห็นคู่หูของตนเป็นแบบนี้ก็เลยถามอย่างงุนงง “เป็นไรไปเหรอยามากิคุง”
ยามากิมองดูฉู่คุงราวกับว่าพึ่งเจอกับพระผู้ช่วยให้รอด “ฉู่คุง นายเคยบอกว่ามีน้องสาวอยู่ไม่ใช่เหรอ ช่วยแนะนำให้หน่อยสิ พอดีฉันอยากเป็นน้องเขยนายเพราะงั้นขอฉันแต่งกะน้องสาวนายเถอะ นั่นสินะแซ่นายคือฉู่ จะเรียกฉันฉู่มู่หรือฉู่ซานก็ได้หมดเลย” (山木 = ยามากิ, 楚 = ฉู่, 楚木 = ฉู่มู่, 楚山 = ฉู่ซาน)
“...?” ฉู่คุง