บทที่ 400-402(ฟรี)
บทที่ 400 ตัวตนอีกคนหนึ่ง
ทุกคนเคยคิดถึงเรื่องแบบนี้ นั่นคือในจักรวาลนี้มีอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวเราหรือมีหน้าตาเหมือนเราหรือไม่
ตอนที่หวังเย่ยังจนมาก เขาก็เคยคิดแบบนี้ ที่สุดปลายโลกต้องมีอีกคนที่เป็นตัวเขา และคนนั้นต้องรวยมากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องเหมือนเขา
แต่หวังเย่ไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เจอคนที่หน้าตาเหมือนกับเขาทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ
ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าหวังเย่ตอนนี้ก็ไม่เคยคิดว่าแค่ออกจากฐานไปแป๊บเดียว หวังเย่ก็จะเข้ามาในดาวเคราะห์หมายเลข 1 ได้
เหมือนกับสุภาษิตที่ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ในดาวเคราะห์เดียวกันก็ย่อมไม่อนุญาตให้มีหวังเย่สองคนอยู่
ต้าหวังรู้ว่าหวังเย่มีตัวตนตอนที่หวังเย่กำลังทำความสะอาดดาวเคราะห์ ต้าหวังเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก จึงอาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินมาตลอด
ตอนที่หวังเย่ทำความสะอาดก็มองข้ามที่นี่ไป ในฐานะคนที่มาจากโลกที่ล้าหลังไป 200 ปี เขาก็ไม่คิดว่าจะมีเมืองใต้ดินอยู่
อย่างไรก็ตาม ตอนที่หวังเย่ทำความสะอาดดาวเคราะห์ก็ส่งเสียงดังพอสมควร จึงรบกวนต้าหวังที่กำลังพักผ่อนอยู่ในเมืองใต้ดิน
ต้าหวังเป็นคนฉลาด และในเวลาเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา มีผู้รุกรานไม่น้อยที่เข้ามาในดาวเคราะห์หมายเลข 1 เพื่อต้องการปกครองมัน แต่สุดท้ายก็ต้องจากไปอย่างอ้างว้าง
ต้าหวังเคยได้ยินเรื่องผู้รุกรานมาก่อน ดังนั้นครั้งนี้เมื่อเขาเผชิญกับการรุกรานของหวังเย่ เขาก็แอบซ่อนตัวเงียบๆ หลังจากหวังเย่จากไปเขาถึงกล้าโผล่ออกมาเคลื่อนไหว จึงรู้ว่าหวังเย่มีตัวตน
ต้าหวังที่เติบโตและอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นี้มาตลอดย่อมไม่อนุญาตให้หวังเย่บุกรุกและเปลี่ยนแปลง หลังจากศึกษาหวังเย่มาระยะหนึ่ง เขาจึงเริ่มวางแผนที่จะขับไล่หวังเย่
ในการติดตามครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ ต้าหวังพบทางลัดที่หวังเย่ใช้เข้าสู่ดาวเคราะห์ แม้แต่ตัวหวังเย่เองก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้
ระหว่างดาวเคราะห์กับบ้านของหวังเย่มีอุโมงค์ลับอยู่ อุโมงค์ดูเหมือนจะยาวมาก แต่พอมนุษย์เข้าไป อุโมงค์ก็จะหดสั้นลงโดยอัตโนมัติ เหลือระยะทางไม่กี่เมตร
แต่หวังเย่ไม่รู้ว่าอุโมงค์นี้อยู่ตรงไหนและเปิดปิดอย่างไร มีเพียงต้าหวังที่เป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์เท่านั้นที่มองเห็นได้ นี่เป็นสาเหตุที่ครั้งก่อนต้าหวังสามารถปิดสวิตช์ทำให้หวังเย่เข้ามาไม่ได้
แต่สิ่งที่แม้แต่ต้าหวังก็ควบคุมไม่ได้คือ อุโมงค์จะเปิดโดยอัตโนมัติทุกเดือน และต้าหวังไม่รู้จุดเวลานี้ แต่เขาไม่คิดว่าหวังเย่จะรู้ และตอนนี้กำลังยืนถือปืนจ้องเขาอยู่ตรงหน้า
หวังเย่ยังคงชี้ปืนไปที่ต้าหวัง หวังเย่ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าต้าหวัง เพราะเขายังไม่ได้คำตอบสำหรับข้อสงสัยของเขา ดังนั้นการกระทำตอนนี้จึงเป็นเพียงการป้องกันตัวเท่านั้น
ต้าหวังตอนนี้ไม่มีอาวุธใดๆ ที่จะป้องกันตัวเอง เมื่อเผชิญหน้ากับหวังเย่ที่ถือปืนอยู่ เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ เลย ได้แต่เดินถอยออกไปนอกเต็นท์อย่างว่าง่าย ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแสดงการยอมแพ้
หวังเย่ก็เดินตามต้าหวังออกมานอกเต็นท์ หลังจากต้าหวังถอยออกมาแล้วก็คาดว่าหวังเย่คงไม่ฆ่าเขา จึงหมุนตัววิ่งไปทางตรงข้ามกับเต็นท์
หวังเย่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยิงปืนไปที่ขาของต้าหวังที่กำลังวิ่งสุดชีวิตทันที
บทที่ 401 เข้าสู่ใต้ดิน
เมื่อต้าหวังถูกกระสุนของหวังเย่ยิงโดน เขาล้มลงกับพื้นทันทีแล้วก็กดก้อนหินข้างๆ ทำให้ตกลงไปในเมืองใต้ดิน
หวังเย่คิดว่าหลังจากต้าหวังถูกยิงที่ขาแล้วคงหนีไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าในวินาทีถัดมา ต้าหวังที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรจะหายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้
หวังเย่คิดว่าตาของตัวเองมีปัญหา ตาฝาดไป เขาถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขยี้ตาแล้วมองอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะรีบวิ่งไปยังจุดที่ต้าหวังตกลงไปเมื่อครู่
ส่วนบอดี้การ์ดหมายเลข 1และหุ่นวิศวกรหมายเลข 1ยังไม่ทันได้ตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แม้พวกเขาจะเป็นหุ่นยนต์ที่มีฐานข้อมูลและระบบตรวจจับที่ล้ำสมัย แต่เมื่อเจอคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้ ก็ถึงกับสับสนจนระบบค้างไปเลย
หวังเย่ย่อตัวลงตรวจสอบว่าบริเวณนั้นมีความผิดปกติอะไรหรือไม่ เขาจึงเอามือลูบคลำพื้นไปมา แต่หลังจากตรวจสอบอยู่นานก็ยังรู้สึกว่านั่นเป็นแค่พื้นธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติ
เมื่อหาเองไม่เจอ ก็ต้องพึ่งพา "ลูกน้อง" สองตัวนี้แล้ว เพราะหุ่นยนต์ทั้งสองถูกสร้างขึ้นบนดาวเคราะห์หมายเลข 1 คิดว่าน่าจะรู้โครงสร้างของดาวเคราะห์ดี
"บอดี้การ์ดหมายเลข 1 หุ่นวิศวกรหมายเลข 1 รีบมาตรวจสอบหน่อยว่าตำแหน่งนี้มีอะไรแปลกๆ ไหม" หวังเย่พูดพลางโบกมือเรียกหุ่นยนต์ทั้งสองให้รีบมา แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากด้านหลัง
หวังเย่หันกลับไปมองด้วยความสงสัย เห็นหุ่นยนต์โง่ๆ สองตัวของเขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม พอเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าในดวงตาของหุ่นยนต์ทั้งสองมีวงกลมหมุนวนไม่หยุด
หวังเย่ถึงได้เข้าใจว่าฐานข้อมูลของพวกมันวุ่นวายไปหมดแล้ว ทำให้ระบบค้าง เขาด่าพลางใช้มือทุบหัวหุ่นยนต์ทั้งสองให้ฟื้นขึ้นมา
"สวัสดีครับเจ้านาย" หลังจากทุบไปสักพัก ระบบก็กลับมาทำงานอีกครั้ง "มีอะไรให้พวกเราทำไหมครับ?"
หวังเย่ชี้ไปที่จุดเมื่อครู่แล้วพูดกับหุ่นยนต์ว่า "ตรวจสอบหน่อยว่าโครงสร้างทางธรณีวิทยาตรงนั้นมีอะไรแตกต่างไหม"
หุ่นยนต์ทั้งสองเชื่อฟังคำสั่งและวิ่งไป ส่วนหวังเย่ก็เข้าไปในเต็นท์ของต้าหวัง หวังว่าจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง
ภายในเต็นท์ไม่ได้เล็กอย่างที่เห็นจากภายนอก อย่างที่เขาพูดกันว่านกกระจอกแม้ตัวเล็กแต่อวัยวะครบ ดังนั้นในเต็นท์จึงยังมีพื้นที่ว่างอีกมาก
เต็นท์หลังนี้ไม่เหมือนกับจุดประจำที่สี่แห่งที่หวังเย่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่ไม่มีเครื่องจักรกลและเครื่องมือซับซ้อน มีแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันธรรมดา ซึ่งหวังเย่ไม่ค่อยสนใจนัก
สิ่งที่ทำให้หวังเย่สงสัยคือในเต็นท์นี้มีก้อนหินขนาดต่างๆ มากมาย แม้ว่าการมีหินในสภาพแวดล้อมแบบนี้จะเป็นเรื่องปกติ แต่หินที่นี่ดูเหมือนจะมีมากเกินไป
หวังเย่จ้องมองก้อนหินบนพื้นอยู่พักหนึ่ง พยายามดูว่ามีรูปแบบอะไรหรือไม่ แต่ก้อนหินแต่ละก้อนล้วนไม่เหมือนกัน มีรูปร่างแตกต่างกันไป
"ดาวเคราะห์ดวงนี้แม้แต่หินก็ยังต่างจากโลกเลยจริงๆ" หวังเย่พูดพลางมองหาไปรอบๆ บนพื้น แต่นอกจากเห็นว่าหินพวกนี้เรียงตัวเป็นรูปกุญแจแล้วก็ไม่มีอะไรแปลกอื่นอีก
หวังเย่จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เตะก้อนหินข้างเท้าทิ้งไปอย่างเบื่อหน่าย แล้วเริ่มเดินวนเวียนไปมาในห้องอย่างไร้จุดหมาย
บทที่ 402 สวิตช์ของใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อหวังเย่เพิ่งจะเตะเท้าลงไป ก็สะดุดก้อนหินข้างหน้า ล้มลงกับพื้นทันที ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บมาก
พร้อมกับความเจ็บปวด มือของเขาก็กดลงบนก้อนหินหนึ่ง ตอนนั้นเองมีเสียง "เอี๊ยด" ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง หวังเย่หันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
ดังนั้นหวังเย่จึงหยิบก้อนหินในมือขึ้นมาดูอย่างละเอียด แรกๆ ก็ไม่เห็นอะไรแตกต่าง แต่พอมองนานๆ ก็เห็นว่าตรงกลางก้อนหินมีจุดสีแดงเล็กๆ หวังเย่จึงลองขยี้ดูด้วยความสงสัย
ตอนนั้นเอง หุ่นยนต์บอดี้การ์ดหมายเลข 1วิ่งเข้ามาจากนอกเต็นท์แล้วพูดว่า "เจ้านายครับ จากการตรวจสอบของพวกเรา ข้างล่างน่าจะเป็นเมืองใต้ดิน และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้ทางเข้าเมืองใต้ดินเปิดออกแล้วครับ"
สายตาของหวังเย่ที่เดิมจับจ้องอยู่ที่ก้อนหิน เมื่อได้ยินคำพูดของหุ่นยนต์ก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังจุดที่ต้าหวังตกลงไปเมื่อครู่
หวังเย่จำได้ว่าเคยเห็นลักษณะของเมืองใต้ดินในภาพยนตร์ การขึ้นมาบนพื้นดินต้องใช้ยานพาหนะพิเศษ และที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่คือชั้นล่างสุด ต้องใช้ลิฟต์ลงไป
แต่เมื่อหวังเย่ก้มลงมองเข้าไปในช่องทางเข้า กลับมืดมิดไปหมด แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย หวังเย่ถอยหลังกลับมาอย่างลังเลโดยไม่รู้ตัว แล้วก็นั่งลงบนพื้น
"ทางเข้านี้เปิดได้ยังไงนะ?" หวังเย่นั่งคิดอยู่บนพื้น มือยังถือก้อนหินเมื่อครู่อยู่
หวังเย่มองก้อนหินในมือ แล้วนึกถึงเสียง "เอี๊ยด" ที่ดังขึ้นตอนที่เขากดก้อนหินเมื่อครู่ ก็เข้าใจทุกอย่างในทันที
ถ้าเมื่อกี้ต้าหวังกดก้อนหินตรงนี้เพื่อเข้าไปในเมืองใต้ดิน เมื่อครู่หวังเย่ก็กดก้อนหินในเต็นท์ สองที่นี้ก็เชื่อมถึงกัน ทั้งหมดเพื่อให้ลงไปข้างล่างได้เร็วขึ้น
แต่ปัญหาของหวังเย่ตอนนี้คือจะลงไปเมืองใต้ดินยังไงดี และถ้าลงไปแล้วจะกลับขึ้นมาได้ไหม นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
หวังเย่คิดว่าลงมือทำแล้วก็ต้องทำให้จบ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ลงไปจะทำยังไง ตัวเองก็ไม่สามารถอยู่บนดาวเคราะห์ได้ตลอดเวลา
หวังเย่กลับไปที่เต็นท์ เอาผ้าห่มของต้าหวังออกมา แล้วฉีกผ้าห่มมาผูกต่อกันทำเป็นเชือกเส้นยาว ปลายด้านหนึ่งผูกไว้กับตัวเอง อีกด้านผูกไว้กับต้นไม้แห้งข้างๆ ทางเข้า
โชคดีที่เคยฝึกในกองทัพมาก่อน ดังนั้นหวังเย่จึงสามารถเข้าไปในเมืองใต้ดินได้อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อหวังเย่ไต่ลงไปได้ครึ่งทาง ผ้าปูที่นอนไม่ได้แข็งแรงเหมือนเชือกป่าน ขาดลงระหว่างทางเพราะเสียดสี และหวังเย่ก็ตกลงไปข้างล่าง
เมืองใต้ดินนี้ไม่ได้ลึกอย่างที่หวังเย่คิด ไม่จำเป็นต้องใช้ยานพาหนะพิเศษ และไม่ต้องใช้ลิฟต์ถึงจะลงไปถึง หวังเย่ตกลงไปไม่ถึงวินาทีก็ไปค้างอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
หวังเย่คิดว่าตัวเองคงต้องตายในต่างแดนแล้ว ในช่วงเวลาที่ตกลงมาก็หลับตาลง แต่เมื่อผ่านไปนานแล้วลืมตาขึ้นมา กลับเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นนี้
ในเมืองใต้ดินที่มืดมิดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีน้ำหรือไม่ แต่ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องกลับสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่แข็งแรงขนาดนี้ได้ ใบไม้ยังเป็นสีเขียวสด ดูเหมือนกำลังเติบโตอย่างเต็มที่
หวังเย่รีบกอดต้นไม้ไว้แน่น แล้วไต่ลงมาตามกิ่งก้านมาถึงพื้นดิน
และตอนนี้เองหวังเย่ถึงได้พบว่า เมืองใต้ดินที่ว่าไม่ได้มืดมิดเลย ข้างๆ ต้นไม้นี้มีโคมไฟรูปร่างคล้ายดวงอาทิตย์ติดตั้งอยู่
"ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าถึงขั้นสร้างดวงอาทิตย์เทียมได้แล้วสินะ!"