บทที่ 30 ชัยชนะเริ่มต้น
เสียงตีเหล็กดังกังวานไปทั่ว สะท้อนความกระวนกระวายในใจของจงหลี่จื่อ เขารู้สึกตื่นเต้น เหมือนสามีที่รอภรรยาคลอดลูก ไม่รู้ว่าดาบบินจะถูกซ่อมให้เป็นอย่างไร
จงหลี่จื่อเดินไปเดินมาในร้าน เพราะไม่กล้ารบกวนจางเย่ จึงถามฮั่นหลิงเอ๋อร์เสียงเบาๆ
"เด็กน้อย ดาบบินของข้าหักไปส่วนหนึ่ง คุณจางเถ้าแก่จะซ่อมยังไงนะ?"
"ซ่อมแล้วจะเสียพลังไปไหมนะ?"
"ต้องใช้เวลาซ่อมนานแค่ไหน?"
จงหลี่จื่อเหมือนเด็กช่างถาม แต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้อาวุโส ฮั่นหลิงเอ๋อร์จึงอดทนตอบคำถามของเขาเสียงเบาๆ
จงหลี่จื่อไม่ค่อยเชื่อที่ฮั่นหลิงเอ๋อร์บอกว่าจะซ่อมได้สมบูรณ์แบบ เพราะดาบบินที่ซ่อมแล้วย่อมต้องใช้งานไม่ดีเท่าของเดิมแน่นอน แถมยังหักไปส่วนหนึ่งด้วย
จงหลี่จื่อไม่ได้หวังว่าจะสมบูรณ์แบบ แค่ขอให้พลังไม่ลดลงมากเกินไปก็พอ
เพื่อคลายความตื่นเต้น จงหลี่จื่อจึงถามลอยๆ
"เอ่อ เด็กน้อย เจ้าทำงานที่นี่ คุณจางเถ้าแก่ให้เงินเดือนเท่าไหร่?"
"ห้าก้อนหินวิญญาณระดับกลางค่ะ" ฮั่นหลิงเอ๋อร์ตอบ
"แม้จะน้อยไปหน่อย แต่เจ้าก็ควรจะ..." พูดถึงตรงนี้ จงหลี่จื่อก็ชะงัก
"ห้าก้อนหินวิญญาณระดับกลาง?"
เฮ้ย! สำนักให้เงินเดือนผู้แข็งแกร่งขั้นจินต้านยังแค่นี้เองนะ!
"เถ้าแก่ของเจ้ายังรับคนอีกไหม? อย่าดูว่าข้าแก่แล้ว แต่มือไม้ยังคล่องแคล่วอยู่นะ!" จงหลี่จื่อเลียริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง...
ไม่นาน จางเย่ก็หยุดตีเหล็ก พูดว่า "ซ่อมเสร็จแล้ว" จงหลี่จื่อสะดุ้งทั้งตัว ไม่กล้าหันกลับไปมอง
จางเย่นำดาบบินมาที่หน้าร้าน เห็นจงหลี่จื่อหันหลังให้ตน จึงถามอย่างสงสัย "ท่านผู้อาวุโส ท่านทำอะไรน่ะ?"
จงหลี่จื่อกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วค่อยๆ หันหัวมาอย่างแข็งทื่อ เขารู้สึกหวาดหวั่น กลัวว่าดาบบินที่อยู่กับตนมาหลายปีจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้นคือกลัวว่าพลังของดาบบินจะลดลงมากจนตกระดับ...
แต่เมื่อจงหลี่จื่อเห็นดาบบินในมือของจางเย่ เขาถึงกับหยุดหายใจ - ช่างเป็นดาบบินที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน แทบจะมองไม่ออกว่าผ่านการซ่อมแซมครั้งใหญ่มา ไม่สิ มันมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ...
จงหลี่จื่อรับดาบบินอาวุธวิเศษระดับสูงมาด้วยมือที่สั่นเทา เขาสัมผัสอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ความยาว หรือสัมผัส ล้วนเหมือนกับดาบบินเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย การซ่อมแซมเช่นนี้ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
จู่ๆ จงหลี่จื่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเร่งพลังวิญญาณ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของดาบบินจะซ่อมแซมได้ไร้ที่ติ แต่หากพลังไม่ลดลง จึงจะเรียกว่าซ่อมแซมได้สมบูรณ์แบบจริงๆ
อย่างไรก็ตาม จงหลี่จื่อไม่เชื่อว่าดาบบินที่ซ่อมแล้วจะไม่เสียพลัง เขามีความคาดหวังในใจว่า หากเสียพลังไปแค่หนึ่งส่วนสิบ ก็พอใจแล้ว
แต่เมื่อดาบบินค่อยๆ แผ่พลังของอาวุธวิเศษระดับสูงออกมา จงหลี่จื่อก็ชะงัก เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ดาบบินไม่เพียงไม่เสียพลัง แต่กลับ เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนสิบ!
หรือว่า ในโลกนี้จะมีเทคนิคการซ่อมแซมที่สมบูรณ์แบบจริงๆ? นี่เกินความเข้าใจของจงหลี่จื่อ เขาจ้องจางเย่ตาไม่กะพริบ "เถ้าแก่จาง นี่...ข้า..." จงหลี่จื่อตื่นเต้นจนพูดไม่ออกแล้ว
จางเย่ยิ้มพูด "นอกจากค่าบริการ ร้านของเราไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวัง"
จงหลี่จื่อรู้ตัวว่าเสียกิริยา รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาลูบไล้ดาบบินที่อยู่กับตนมาหลายปี จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นพูดอย่างเด็ดขาด "เถ้าแก่จาง ฝีมือของท่าน สมกับราคาจริงๆ คนที่บอกว่าแพงนั่น พวกเขาไม่รู้จักของดีต่างหาก"
จงหลี่จื่อชื่นชมฝีมือของจางเย่ไม่หยุด จากนั้นก็โค้งคำนับจางเย่ด้วยความจริงใจ เพื่อแสดงความขอบคุณ
ผ่านไปสักพัก จงหลี่จื่อคิดว่าน่าจะถึงเวลาลาแล้ว เขาอยากไปลองดาบบินที่ซ่อมเสร็จ ก่อนจะไป เขาก็พูดกับฮั่นหลิงเอ๋อร์ว่า "เด็กน้อย เจ้าทำงานที่นี่กับจางเย่ ทั้งสำนักจะภูมิใจในตัวเจ้านะ"
พูดเหลวไหล ตอนจงหลี่จื่อมาใหม่ๆ ยังบอกว่าฮั่นหลิงเอ๋อร์ทำงานที่นี่น่าอับอายเลย ตอนนี้กลับกลายเป็นน่าภูมิใจได้ยังไง?
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มพยักหน้า ในใจก็รู้สึกดีใจที่ได้รับการยอมรับ
"อ้อ ใช่ เถ้าแก่จาง ถ้าหลอมอาวุธวิเศษระดับสูงแล้วจะเป็นยังไงครับ?" จงหลี่จื่อตบหน้าผาก นึกขึ้นได้ว่าอาวุธวิเศษระดับกลางของอาจารย์อู๋หลอมแล้วกลายเป็นระดับสูง งั้นอาวุธวิเศษระดับสูงหลอมแล้วจะกลายเป็นอาวุธเทพหรือเปล่า? พอคิดถึงตรงนี้ จงหลี่จื่อก็ตื่นเต้นมาก
"ลองดูก็รู้" จางเย่ไม่ได้ตอบตรงๆ
จงหลี่จื่อยิ้มขื่นๆ สิบก้อนหินวิญญาณระดับสูงนะ แม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นจินต้าน ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น "เดี๋ยวข้าเก็บเงินให้พอแล้วจะมาลองแน่นอน"
จริงๆ แล้วจงหลี่จื่อคาดเดาว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นอาวุธเทพ อาวุธวิเศษระดับสูงหลอมแล้วอย่างมากก็แค่เพิ่มพลังนิดหน่อย เพราะอาวุธเทพมีวิญญาณ อาวุธวิเศษกับอาวุธเทพเป็นคนละอย่างกันเลย ไม่ใช่แค่ตีด้วยค้อนเหล็กไม่กี่ทีแล้วจะลดช่องว่างนั้นได้
จงหลี่จื่อขอบคุณอีกครั้งแล้วลาจากไป
จางเย่มองแผ่นหลังของจงหลี่จื่อที่จากไป เขาก็ไม่ได้บังคับ ทำธุรกิจกับคนที่รู้จักของดีและเชื่อใจเขาเท่านั้น ดังนั้นจางเย่จะไม่มีทางบอกใครโดยไม่จำเป็นว่า อาวุธวิเศษระดับสูง หลังจากหลอมแล้วจะกลายเป็นอาวุธวิเศษระดับสูงสุด แน่นอนว่า อีกเหตุผลหนึ่งคือจางเย่ไม่อยากเปิดเผยเรื่องอาวุธวิเศษระดับสูงสุดก่อนเวลา
วันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ทำธุรกิจไปสองงาน ได้หินวิญญาณระดับสูงยี่สิบก้อน เชื่อว่าต่อจากนี้ จะมีผู้แข็งแกร่งขั้นจินต้านมาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ส่งเงินให้จางเย่ ทันทีที่จางเย่รับถุงเก็บของมา ระบบก็ดูดเอาเก้าส่วนสิบไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รายได้เป็นหินวิญญาณระดับสูง แม้จะเหลือแค่หนึ่งส่วนสิบ ก็ยังมากกว่าที่เคยได้รับมาก่อน
จางเย่ยิ้มอย่างพึงพอใจ หยิบหินวิญญาณระดับกลางห้าก้อนออกมา ส่งให้ฮั่นหลิงเอ๋อร์ "เงินเดือนของเดือนนี้"
ฮั่นหลิงเอ๋อร์เอามือปิดปากอุทานด้วยความตกใจ "เดือนนี้ข้าทำงานแค่ห้าวันเอง ไม่เป็นไร..." แม้จะถึงสิ้นเดือนแล้ว แต่ฮั่นหลิงเอ๋อร์ทำงานแค่ห้าวัน
"ไม่ได้บอกหรือว่าจ่ายเป็นเดือน? ข้าไม่สนว่าเจ้าทำงานกี่วัน" จางเย่ยัดหินวิญญาณระดับกลางห้าก้อนใส่มือฮั่นหลิงเอ๋อร์ "เดือนหน้าขอให้พยายามต่อนะ"
แม้ฮั่นหลิงเอ๋อร์จะรู้สึกเกรงใจ แต่พอถือหินวิญญาณระดับกลางห้าก้อนที่หนักอึ้งไว้ ก็ตื่นเต้นจนหน้าแดง ลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เถ้าแก่ ขอบคุณ"
ตอนบ่าย จางเย่คิดว่าไหนๆ ก็ไม่มีลูกค้าแล้ว จึงบอกให้ฮั่นหลิงเอ๋อร์เลิกงานเร็ว
แต่ฮั่นหลิงเอ๋อร์ไม่ได้จากไป กลับทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรแต่ไม่กล้าพูด
"เป็นอะไรหรือ?" จางเย่ถามอย่างสงสัย "ตอนนี้เลิกงานแล้ว พวกเราก็เป็นเพื่องกัน มีอะไรอยากพูดก็พูดมาเลย"
"เอ่อ..." ในที่สุดฮั่นหลิงเอ๋อร์ก็รวบรวมความกล้า พูดว่า
"พรุ่งนี้จะเริ่มการแข่งขันจัดอันดับของศิษย์ชั้นในแล้ว อาจจะ... ต้องขอลาหยุดสักไม่กี่วัน..." ฮั่นหลิงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจมาก เดือนนี้ทำงานแค่ห้าวัน แล้วเดือนหน้าก็จะขอลาอีก
"อ๋อ ไม่มีปัญหา สู้ๆ นะ" จางเย่รับพนักงานก็เพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ อีกอย่างตอนนี้ลูกค้ามาน้อย ฮั่นหลิงเอ๋อร์มาทำงานหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
"ค่ะ!" ตอนนี้ ฮั่นหลิงเอ๋อร์รู้สึกว่าจางเย่เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกรองจากพ่อของเธอ
"อ้อ ใช่ ถ้าครั้งนี้เจ้าเข้าสิบอันดับแรกของชั้นในได้อีก ข้าจะเตรียมของขวัญให้สักอย่าง" จางเย่คิดว่าฮั่นหลิงเอ๋อร์เป็นพนักงานของตน ก็ควรแสดงน้ำใจบ้าง
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ได้รับกำลังใจเช่นนี้ ก็มีความสุขจนแทบจะลอยได้ กลับไปที่สำนักก็ยังเคลิ้มๆ ใบหน้าของเธอแดงร้อน สถานะของจางเย่ในใจเธอก็ยิ่งสูงขึ้นอีก
ส่วนจางเย่ปิดร้านแต่หัวค่ำ สั่งระบบหลอมดาบว่า "แสดงคุณสมบัติ"
"คุณสมบัติปัจจุบันของเจ้าดังนี้:
ชื่อ: จางเย่
พลังฝึกฝน: ขั้นสร้างฐานช่วงต้น
ระดับการหลอม: 3
ทักษะการหลอม: เชี่ยวชาญดาบบิน (อาวุธวิเศษ)
ค่าประสบการณ์: 60/1000"
หลังจากได้รับชุดของขวัญการหลอมดาบบิน ทักษะการหลอมต่างๆ ก็รวมกันเป็น "เชี่ยวชาญดาบบิน" ทำให้ดูเรียบง่ายขึ้นมาก
แต่ค่าประสบการณ์มีแค่ 60 ยังห่างไกลจากการยกระดับการหลอมอีกมาก
จางเย่ถามว่า "ระบบ ทำไมช่วงนี้เจ้าไม่ให้ภารกิจข้าล่ะ?" การทำภารกิจเป็นวิธีหนึ่งที่จะยกระดับได้อย่างรวดเร็ว จางเย่ไม่ได้ยกระดับมานานแล้ว จึงรู้สึกคาดหวัง
"ตอบเจ้า ภารกิจระดับปัจจุบันทำสำเร็จหมดแล้ว โปรดยกระดับต่อไป" ระบบตอบเสียงเย็นชา
"งั้นให้ภารกิจเสริมข้าหน่อยสิ?" จางเย่คิดว่าแต่ก่อนหยุดทำการแค่วันเดียวก็มีรางวัล จึงรู้สึกไม่พอใจ
"ภารกิจเสริมจะสุ่มเปิดใช้ตามเหตุการณ์ที่เจ้าพบเจอ ตอนนี้ยังไม่ถึงเงื่อนไขการเปิดใช้" ระบบหยุดครู่หนึ่ง "เจ้าสามารถจ่ายหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนเพื่อซื้อภารกิจเสริมได้ จำกัดเดือนละหนึ่งครั้ง"
"ยังทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?" จางเย่ตื่นเต้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหินวิญญาณระดับสูงแค่สองก้อน แต่ก็คิดว่าควรลองดู อีกอย่างตอนนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน ไม่ซื้อก็เสียโอกาสเปล่าๆ
"ดี งั้นซื้อภารกิจเสริมหนึ่งอัน" จางเย่สั่ง
"ติ๊ง! ได้รับภารกิจเสริม - สำเร็จการฆ่ามังกรหนึ่งครั้ง รางวัลคือยกระดับพลังฝึกฝนหนึ่งขั้น"
จางเย่งงไปเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าในโลกวิญญาณจะยังมีมังกรอยู่หรือเปล่า แค่สมมติว่าหามังกรเจอ ก็ยังไม่พอให้มันแคะฟันเลย จะสู้มันได้ยังไง?
จางเย่โมโห พูดว่า "ระบบ เจ้าให้ภารกิจที่ข้าทำได้ตอนนี้ไม่ได้หรือไง?"
"ภารกิจเสริม สุ่มเปิดใช้"
"ระบบ ข้ามีคำด่าหยาบคายอยากพูดแต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม?" หินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนหายไปเปล่าๆ จางเย่เจ็บใจมาก
ในที่สุด จางเย่ก็ตัดสินใจว่าจะตั้งใจสะสมประสบการณ์ดีกว่า ไม่ควรหวังพึ่งระบบบ้าๆ นี่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันรุ่งขึ้น ที่ลานประลองของสำนักหลิงไท่มีการสร้างเวทีประลองหลายสิบเวที ศิษย์ชั้นในหลายพันคนจับสลากเพื่อประลอง ผู้แพ้จะถูกคัดออก ผู้ชนะจะเข้ารอบต่อไป จนกว่าจะได้สิบอันดับแรกของชั้นใน
ฮั่นอู่ตงกำชับศิษย์ของตนคือตู้กูเช่อว่า "ไม่ว่าจะเป็นเช่อหรือหลิงเอ๋อร์ ใครที่เข้าสามอันดับแรกได้ ข้าจะถ่ายทอดท่าสุดท้ายของวิชาดาบไร้เทียมทานให้"
ดวงตาของตู้กูเช่อเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขาปิดด่านมาหลายวัน ก็เพื่อก้าวหน้าขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้ เขาประสานมือคำนับ
"ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง"
นับตั้งแต่ภรรยาประสบเหตุ ฮั่นอู่ตงแทบไม่เคยมีชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน
ฮั่นหลิงเอ๋อร์เห็นแล้วก็ตั้งใจว่าจะต้องเข้าสามอันดับแรกให้ได้เพื่อให้พ่อมีความสุข จึงพูดว่า
"ท่านพ่อ ลูกจะพยายามอย่างสุดความสามารถ"
"อืม" ฮั่นอู่ตงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า "อ้อใช่ หลิงเออ๋อร์ ได้ยินมาว่าศิษย์ชั้นในหลายคนมีอาวุธวิเศษระดับกลางกันแล้ว เจ้าเอาดาบเฟยหงให้พี่ชายของเจ้ายืมเถอะ ไม่งั้นเขาจะเสียเปรียบ"
ดวงตาของฮั่นหลิงเอ๋อร์หม่นลง พ่อปฏิบัติกับตู้กูเช่อเหมือนลูกแท้ๆ เมื่อเทียบกันแล้ว เธอผู้เป็นลูกสาวแท้ๆ กลับเหมือนคนนอก แม้ว่าฮั่นหลิงเอ๋อร์จะมีอาวุธวิเศษระดับกลางสำรองอีกเล่มหนึ่ง แต่ดาบเฟยหงเป็นอาวุธที่ฮั่นหลิงเอ๋อร์ใช้ถนัดที่สุด หากไม่ได้ใช้ เธอจะเสียเปรียบมากในการแข่งขัน
"ยังไง ไม่เต็มใจหรือ?" ฮั่นอู่ตงไม่พอใจ ขมวดคิ้วถาม
"ไม่ใช่ค่ะ" ฮั่นหลิงเอ๋อร์ไม่กล้าขัดใจพ่อ จึงส่งดาบเฟยหงให้ตู้กูเช่อ
ตู้กูเช่อพูดอย่างตื่นเต้น "วางใจเถอะน้องหญิง มีดาบเฟยหงช่วย พี่ชายต้องเข้าสามอันดับแรกได้แน่"
"ค่ะ ขอให้พี่ชายประสบชัยชนะตั้งแต่เริ่มต้น..." ฮั่นหลิงเอ๋อร์เห็นด้วย ยิ้มอย่างอ่อนแรง
(จบบทที่ 30)