ตอนที่ 9 นั่นมันคุณยาย
"วู้วววว...วู้ววว..."
ลมแรงพัดผ่านหน้าต่างห้องพัก เมืองหลูหยางเป็นเมืองชายฝั่งทะเล ตอนนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ลมทะเลจึงพัดแรงเป็นพิเศษ
"เสี่ยวรุ่ย นอนได้แล้ว ไถตี๊กต่อกอีกแล้วสิ"
เสียงพึมพำของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น แต่เสี่ยวรุ่ยไม่พูดอะไร จนกระทั่งในห้องพักกลับมาเงียบอีกครั้ง ลมนอกหน้าต่างเบาลง เสี่ยวรุ่ยจึงพูดต่อว่า
"อาหยูให้ความสำคัญกับกระจกบานนั้นมาก แล้วเธอก็เริ่มหัดแต่งหน้า แถมยังลดน้ำหนักอย่างหนักด้วย เธอเป็นพวกอ้วนง่ายผอมง่าย ช่วงนั้น ทั้งร่างกายของเธอก็เหมือน.. เปลี่ยนไป"
"ไม่ใช่แค่รูปร่างที่เปลี่ยนไป แต่อุปนิสัยใจคอของเธอก็เปลี่ยนไปด้วย ช่วงนั้น เธอมักจะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน แล้วก็กลับมาพร้อมกับกลิ่นเหล้าแรงๆ แต่ไม่ว่ายังไง ทุกคืนเธอก็ต้องมานั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานนั้น คืนหนึ่ง เธอหยิบชุดฮั่นฝูสีแดงที่ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่เคยใส่ออกมา"
"คืนนั้นน่าจะประมาณสองทุ่ม อาหยูกลับมาเร็วมาก เธอใส่ชุดฮั่นฝู นั่งข้างๆ กระจกทองเหลือง หวีผมฮัมเพลงไปด้วย ไม่รู้ว่าผู้ดำเนินรายการเคยเล่นเกม Free Fire หรือเปล่า เสียงฮัมเพลงของเธอตอนนั้น เหมือนกับเจิ้นจี๋ในเกมตอนใส่สกิน A Dream in the Gardenเลยค่ะ!"
"เธอฮัมเพลงเบาๆ แต่ตอนนั้นอาจจะยังไม่ดึก พวกเราเลยไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติ อีกอย่างการเปลี่ยนแปลงของเธอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำให้พวกเรารู้สึกว่าเธอสวยขึ้นมาก ตอนนั้นพวกเราจะไปคิดอะไรได้ล่ะ ชิงชิงกับเสี่ยวหลิงเลยถามเธอว่า อาหยูช่วงนี้เธอใช้ผลิตภัณฑ์อะไร ทำไมถึงได้ผอมลง สวยขึ้นแบบนี้?"
"ดูเหมือนอาหยูจะชอบใจที่ได้ยินแบบนั้น ชิงชิงกับเสี่ยวหลิงก็อยากรู้เคล็ดลับความงามของเธอใจแทบขาด เลยคะยั้นคะยอถามใหญ่ อาหยูเลยบอกว่าพวกเธออยากสวยเหมือนฉันมั้ยล่ะ ถ้าอยากฉันก็จะบอก ไม่อยากฉันก็ไม่บอก แล้วก็ไม่ต้องมาถาม"
"ชิงชิง เสี่ยวหลิง แล้วก็ฉันจะไม่เอาได้ยังไง? เอาจริงๆ ผู้หญิงทุกคนต่างอยากสวย พวกเราเลยพากันล้อมหน้าล้อมหลังอาหยู แต่อาหยูบอกว่าต้องเล่นเกมกันก่อน ตอนเล่นเกมนี้ ต้องปิดตา"
"ชิงชิงตกลงทันที ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ขี้กลัวที่สุด แต่เธอก็สวยที่สุดในห้อง บางทีผู้หญิงก็ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดหรอก อยู่ๆ วันหนึ่ง คนที่สวยที่สุดกลับพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่อาจจะสวยกว่าเธออยู่ข้างๆ ในใจก็ต้องมีความอิจฉาอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายเป็นหงส์ขาว หงส์ขาวตัวเดิมย่อมต้องรู้สึกไม่ชอบใจ"
"เธอเอาผ้าปิดตา แล้วอาหยูก็ให้พวกเราปิดไฟ เสี่ยวหลิงกับฉันทนคำพูดของชิงชิงไม่ไหวก็เลยทำตาม พวกเราสามคนปิดตา มองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่อาหยูเดินไปเดินมาในห้อง "
"กึก?"
"ตึกๆ?"
"กึก?"
"เสียงแบบนั้น สั้นสองครั้ง ยาวหนึ่งครั้ง ดังไปดังมา ตาของพวกเราถูกปิดแน่นจนลืมไม่ขึ้นเลย ความมืดมิดปกคลุมพวกเราทั้งสามคน มีเพียงเสียงฝีเท้าของอาหยูเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในหู แต่พวกเรารู้สึกว่าแขนของตัวเองชักเย็นขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นนี้ไม่ใช่ความเย็นจากการสัมผัสก้อนน้ำแข็ง แต่เป็นความเย็นที่นุ่มนวล เหมือนกับ...เหมือนกับกำลังจับมือที่อ่อนโยน แต่... ไออุ่นจากมือคู่นั้นกลับค่อยๆ จางหายไป"
"เหมือนกับตอนที่คุณยายของฉันจากไป ตอนที่ฉันจับมือของคุณยาย ตอนแรกรู้สึกอุ่น แต่หลังจากนั้น ไออุ่นก็ค่อยๆหายไป มันเย็น.. พอฉันสัมผัสไออุ่นจากมือของคุณยายไม่ได้ ฉันก็พบว่าดวงตาของคุณยายลืมขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แต่ปากกลับอ้ากว้าง ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงนึกถึงตอนที่คุณยายเสียชีวิต ภาพนั้นมันฝังใจฉันมาก แล้วก็มีเสียงดังกึก เสียงเหมือนกับตอนที่คุณตาเอาเหรียญใส่ปากคุณยายแล้วเคาะกับฟันไม่มีผิด"
"ตอนนั้นฉันตัวสั่นไปหมด อยากจะดึงผ้าที่ปิดตาออก แต่ขยับไม่ได้เลย พยายามดิ้นรนเท่าไหร่ก็ไม่มีแรง รู้สึกได้ว่าความเย็นยะเยือกค่อยๆ แผ่ซ่านจากแขนขึ้นไปถึงสมอง ทำให้ทั้งร่างกายสั่นเทา จนกระทั่งมือของอาหยูเลื่อนมาแตะที่หน้าผากของฉัน ลูบไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก แล้วความรู้สึกนั้นก็หายไป"
ตอนนี้เจียงเย่ไม่ปล่อยให้เสี่ยวรุ่ยพูดต่อ แต่กลับขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า "น้องเสี่ยวรุ่ย ตอนนี้ง่วงนอนหรือยังครับ"
"ไม่ง่วงค่ะ ไม่ง่วงเลย!"
"อืม งั้นก็ดี ถ้าเดี๋ยวรู้สึกง่วงก็บอกผมล่วงหน้านะ"
"ค่ะ พี่ชายผู้ดำเนินรายการ"
เสี่ยวรุ่ยตอบ บรรยากาศในห้องถ่ายทอดสดที่เงียบสงบลงพลันแตกตื่นเพราะคำถามของเจียงเย่
แต่เสี่ยวรุ่ยก็ยังคงเล่าต่อแต่เสียงของเธอไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน เธอไอสองสามครั้งใต้ผ้าห่มแล้วพูดต่อว่า
"ตอนที่มือของอาหยูผละออกจากตัวฉัน ฉันก็ขยับตัวได้ ฉันรีบดึงผ้าที่ปิดตาออก ตั้งใจจะเล่าเรื่องน่ากลัวเมื่อกี้ให้อาหยูกับคนอื่นๆ ฟัง แต่ฉันกลับพบว่าใบหน้าของทุกคนตอนนั้นแดงก่ำ ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะชิงชิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ ถามอาหยูว่าต่อได้ไหม"
"อาหยูดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็พูดกับชิงชิงว่าเล่นครั้งเดียวก็พอแล้ว จะเล่นอีกทำไม ชิงชิงก็แลบลิ้นใส่ ตอนที่เธอแลบลิ้นออกมา ฉันเห็นใครบางคน..."
"เห็นคน? เห็นใคร?เห็นที่ไหน?
เจียงเย่ถามขึ้นเสียงดัง แต่เสี่ยวรุ่ยกลับพูดไม่ออก เธอร้องไห้ออกมา "ตอนที่ฉันเห็นชิงชิงอ้าปากพูด ในปากของเธอมีคนอยู่ คนนั้นกำลังโบกมือให้ฉัน ดูเหมือนจะขอให้ฉันช่วย ตอนนั้นฉันมองไม่ชัด จนกระทั่งชิงชิงยิ้ม อ้าปากกว้าง ฉันถึงเห็นชัดๆ ว่าคนคนนั้นคือคุณยายของฉัน..."