ตอนที่แล้วตอนที่ 319 ไม่ใช่ม้าพันธุ์พิเศษอะไรหรอกครับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 321 ต้องการโดดเดี่ยว เย่เฉิน?

ตอนที่ 320 ฉันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้


งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นโดย บรูซ

โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมชั้นนำในหางโจวมาร่วมงาน

ส่วนเหตุผลที่เขาทราบข่าวว่า เย่เฉิน มาถึงหางโจวรวดเร็วขนาดนี้นั้น

ก็เนื่องจากเรื่องที่ เย่เฉิน เข้าซื้อกิจการของโรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค ได้แพร่กระจายไปในแวดวงโรงแรมระดับสูงในหางโจว

เมื่อ บรูซ ทราบเรื่องนี้ เขาทั้งตกใจ และรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น.. มันสมเหตุสมผล

ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินว่าโรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค ที่เป็นโรงแรมชั้นนำที่สุดในหางโจวถูกซื้อกิจการไป จะต้องตกใจเป็นธรรมดา

หลังจากตกใจแล้ว เมื่อคิดว่า เย่เฉิน คนที่สามารถซื้อหุ้นของ Patek Philippe ได้ เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสมเหตุสมผล และดูธรรมดามาก

ดังนั้น บรูซ จึงรีบเชิญ เย่เฉิน มาเข้าร่วมงานเลี้ยงทันที

อันที่จริง แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค บรูซ ก็ยังจะเชิญ เย่เฉิน อยู่ดี

ครั้งนี้ นอกจากเชิญบุคคลในแวดวงธุรกิจแล้ว เขายังเชิญผู้คนในสังคมชั้นสูงของหางโจวที่เขารู้จักมาร่วมงานด้วย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนเย็น เย่เฉิน ขับรถ Pagani Huayra BC มุ่งตรงไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง — โรงแรมฮิลตัน หางโจว

เมื่อ เย่เฉิน มาถึง บริเวณด้านนอกก็เต็มไปด้วยรถหรูมากมายแล้ว

เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดย บรูซ ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มโรงแรมที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก จึงมีแขกจำนวนมากมาเข้าร่วมงาน

รถ Rolls-Royce Ghost และ Bentley Flying Spur ถือว่าเป็นรถธรรมดาที่สุด นอกจากนี้ยังมีรถสปอร์ตชั้นนำหลากหลายรุ่น

รถ Pagani Huayra BC ที่ เย่เฉิน ขับนั้นถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ในหมู่พวกเขาเท่านั้น

ระหว่างเดินทางไปที่โรงแรม เย่เฉิน ยังเห็นรถกันกระสุนรุ่นพิเศษคันหนึ่งด้วย ซึ่งดูคล้ายกับรถของตระกูลเหยียนในซูเฉิงที่เขาเคยเห็นตอนไปเที่ยวที่ซูเฉิง

หากมีโอกาสเขาก็อยากจะมีสักคันเช่นกัน

เย่เฉิน ขึ้นลิฟต์มาไม่นานก็มาถึงห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมฮิลตัน

เนื่องจากเพิ่งมาถึงหางโจวได้ไม่นาน และไม่รู้จักใครในห้องที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้บริหาร และประธานบริษัทต่างๆ

ในเมื่อไม่มีอะไรต้องทำ เย่เฉิน จึงเลือกหยิบอาหารเล็กน้อย และไปยืนดูโทรศัพท์อยู่ข้างๆ

ประมาณเจ็ดถึงแปดนาทีต่อมา มีชายหนุ่มอายุประมาณ 28-29 ปีเดินเข้ามาหา เย่เฉิน

“คุณชื่ออะไร?”

ชายหนุ่มถาม เย่เฉิน ด้วยท่าทีหยิ่งยโส

เย่เฉิน กลับไม่ได้สนใจผู้ชายไร้มารยาทคนนี้

เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ไม่สนใจตน ชายหนุ่มก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ฉันอยากรู้จักคุณ และต่อไปคุณก็สามารถมาติดตามฉันได้”

ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ

เขาถึงกับอยากให้ เย่เฉิน มาเป็นลูกน้องของเขา?!!!

“ใช่แล้ว ฉันลืมบอกคุณไป ฉันแซ่จ้าว”

ชายหนุ่มเสริมขึ้น โดยเน้นเสียงหนักไปที่คำว่า ‘จ้าว’

“ไม่สนใจ”

เย่เฉิน ตอบอย่างเฉยเมย

“คุณแน่ใจแล้วเหรอ?”

เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ทำสีหน้าเหลือเชื่อ

เขาไม่อยากจะเชื่อว่า เย่เฉิน จะปฏิเสธตนในทันที?

“ฉันแซ่จ้าว ‘จ้าว’ จากตระกูลจ้าวในหางโจวนะ”

ชายหนุ่มคิดว่า เย่เฉิน อาจไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงแนะนำตัวอีกครั้ง พร้อมกับระบุชัดเจนว่าตนมาจากตระกูลจ้าวในหางโจว

“ตระกูลจ้าวในหางโจว ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”

เย่เฉิน ส่ายศีรษะ

เขาเพิ่งมาหางโจว และรู้จักแค่ตระกูลหนิง และตระกูลซูเท่านั้น

ส่วน ตระกูลจ้าว นี่ ..คืออะไร?

“นาย.. ดีมาก ดีมากๆ”

ถูก เย่เฉิน ปฏิเสธด้วยคำพูดเดียวทำให้ชายหนุ่มโมโหอย่างมาก

ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ จ้าว เหวินซาน มาจากตระกูลจ้าวที่เป็นตระกูลใหญ่ในหางโจว

เมื่อสักครู่เขาเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง และบังเอิญสังเกตเห็น เย่เฉิน จึงเกิดความสนใจทันที

ชายหนุ่มคนอื่นในห้องจัดเลี้ยงเขารู้จักหมดแล้ว ยกเว้น เย่เฉิน

แต่คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ต้องเป็นลูกหลานตระกูลที่ร่ำรวยแน่นอน

ดังนั้น จ้าว เหวินซาน จึงเดินเข้ามาไป เย่เฉิน

จ้าว เหวินซาน ในฐานะลูกหลานของตระกูลใหญ่ มีความแตกต่างจากลูกหลานของตระกูลใหญ่คนอื่นๆ เล็กน้อย

คนอื่นๆ อาจชอบรถซุปเปอร์คาร์ ชอบบ้านหรู ชอบผู้หญิง แม้ว่าเขาจะชอบสิ่งเหล่านั้นเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้น

สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือการรับสมัครลูกน้อง!

ตอนนี้ลูกน้องของ จ้าว เหวินซาน แม้มีไม่ถึงร้อย แต่ก็มีเป็นสิบๆ คน

เขาแทบจะอยากให้ลูกหลานตระกูลที่ร่ำรวยที่เขาเจอทุกคนมาเป็นลูกน้องของเขา

เขาชอบความรู้สึกของการเป็น ‘พี่ใหญ่’ และชอบความรู้สึกที่มีคนเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’

ในขณะนี้ หลังจากที่เขาบอกว่าเขาเป็นคนจากตระกูลจ้าวในหางโจว ผู้ชายคนนี้กลับยังคงเฉยเมย

แถมเขาคนนี้ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลจ้าวอีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้ จ้าว เหวินซาน โมโหมาก

เขาให้เกียรติเขาแล้วจึงอยากให้เขามาเป็นลูกน้อง

แต่ผู้ชายคนนี้ช่างหยิ่งจองหองจริงๆ ที่กล้าปฏิเสธเขาในทันที

และไอ้ผู้ชายคนนี้มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

ผู้ชายคนนี้กล้าริอาจมาท้าทายตระกูลจ้าวของเขาหรือ?

ตระกูลจ้าวของเราเป็นเหมือนมังกรยักษ์ ส่วนไอ้ผู้ชายคนนี้มันก็เป็นได้แค่แมลงตัวเล็กๆ เท่านั้น!

จ้าว เหวินซาน มอง เย่เฉิน ด้วยสายตาดูถูกก่อนจะหันหลัง และเดินจากไปเพื่อไปหาคนรู้จักคนอื่นๆ

“คุณชายจ้าว ก็มาด้วยหรือครับ”

“สวัสดีครับ คุณชายจ้าว”

คนหนุ่มสาวคนอื่นๆ ในงานเลี้ยงที่มารวมตัวกัน พอเห็น จ้าว เหวินซาน เดินมา ก็รีบทักทายอย่างสุภาพทันที

พวกเขามางานนี้กับผู้ใหญ่ในครอบครัวเพื่อหาประสบการณ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่แขกจริงๆ

และเมื่อเทียบกับ จ้าว เหวินซาน จากตระกูลใหญ่แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไรเลย

ดังนั้นทุกครั้งที่เห็น จ้าว เหวินซาน พวกเขาจึงสุภาพอย่างมาก แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกน้องของ จ้าว เหวินซาน

“คุณชายจ้าว ผมเห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยดี เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”

ลูกน้องคนหนึ่งทนไม่ไหวจึงถาม

“ไม่มีอะไร แค่โดนผู้ชายโง่คนหนึ่งทำให้หงุดหงิด”

จ้าว เหวินซาน ตอบอย่างเย็นชา

“เด็กคนนั้นหรือครับ?”

มีคนสังเกตเห็นว่า จ้าว เหวินซาน กำลังมองไปที่ เย่เฉิน เมื่อครู่ ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปที่ เย่เฉิน แล้วถาม

“ใช่ เขานั่นแหละ”

จ้าว เหวินซาน พยักหน้า

“ให้ตายสิ เด็กคนนั้นกล้าทำให้ คุณชายจ้าว ของเราโกรธเสียได้”

“เขาช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ คุณชายจ้าว ให้พวกเราช่วยคุณจัดการเขาเถอะครับ”

พูดจบกลุ่มคนดังกล่าวก็เตรียมจะเดินเข้าไปหา เย่เฉิน

ในตอนนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็เกิดขึ้น จ้าว เหวินซาน กลับหยุดลูกน้องเหล่านี้

การกระทำนี้ของ จ้าว เหวินซาน ทำให้ลูกน้องหลายคนงงงวย

“คุณชายจ้าว นี่คือ?”

ลูกน้องถามด้วยความประหลาดใจ

“การที่พวกนายไปสนใจเด็กนั้น มันยิ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้มันได้แสดงตัวในงานเลี้ยงนี้”

จ้าว เหวินซาน พูดด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัยว่า :

“แต่.. ฉันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด