ตอนที่ 25 : ก้มหัว
.
"[ 7 ออฟ สเปดส์ ] คุณต้องการอะไร"
.
"ผมต้องการห้องที่เงียบสงบ"
"เหตุผล"
"พบผู้ต้องสงสัยที่มีการหลอมรวม เลยต้องการทดลองหาระดับของภัยพิบัติ"
"การหลอมรวม?" หญิงสาวถามด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอ?”
"สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะเป็นสมาชิกของนิยายหลอมรวม แต่มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกลุ่มผู้คุมกฎ ส่วนเขาจะมีคุณค่าพอให้เรายื่นข้อเสนอมั้ย มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม”
“เข้าใจแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นพูดจบ ก็หยิบกุญแจออกมาจากด้านล่างของตู้ แล้วพูดว่า
“ห้องที่เงียบๆ อยู่ชั้นใต้ดินชั้นสอง”
ฉู่มู่อวิ๋นรับกุญแจ เปิดประตูลับชั้นใต้ดินแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หญิงสาวคนนั้นเดินออกจากเคาน์เตอร์ ยืนที่ประตู มองไปรอบๆ อย่างละเอียด จากนั้นพลิกป้าย 'เปิด' ที่ประตูเปลี่ยนเป็น 'ปิด'
.
พรึบ -
.
ในความมืด ฉู่มู่อวิ๋นจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดแล้วค่อยๆ เดินลงบันไดแคบๆ
แสงสลัวๆ ค่อยๆ ส่องลงมาด้านล่างของบันไดที่มีพื้นที่ประมาณสิบตารางเมตร ฉู่มู่อวิ๋นก้มลงวางตะเกียงน้ำมันก๊าดลงบนพื้นตรงกลาง จากนั้นเขาก็หยิบขวดสีน้ำตาลเล็กๆ ออกมา จากนั้นเทของข้างในนั้นออก
ฉู่มู่อวิ๋นถอดแว่นตา แสงสีฟ้าพลันปรากฎบนดวงตา ความกดดันมหาศาลกลายเป็นพายุหมุนปั่นป่วนในอากาศ!
"วินิจฉัย...เริ่ม"
.
...........
.
ถนนปิงฉวน
.
เฉินหลิงเคลื่อนตัวผ่านซากปรักหักพัง พยายามค้นหาอย่างระมัดระวัง
ถือว่าเขาโชคดีมากที่ได้รับมอบหมายให้มาที่นี่ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการหาเบาะแส...ถ้าเฉินเยี่ยนทิ้งเบาะแสไว้ที่นี่ เขาจะเป็นคนแรกที่รู้ อีกทั้งเป็นคนแรกที่จะลบเบาะแสนั่นทิ้ง
ถ้าเขาไม่พบเครื่องรางเมื่อวานนี้ หากมันไปตกอยู่ในมือของผู้คุมกฎคนอื่น ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ
แต่ผลปรากฎว่า เฉินเยี่ยนไม่ได้ทิ้งสิ่งอื่นใดไว้อีก
เฉินหลิงใช้เวลาตลอดทั้งเช้า เพื่อพลิกหาเบาะแสในซากปรักหักพังที่ถนนปิงฉวน นอกจากคราบเลือดและเศษเนื้อที่สภาพไม่สมบูรณ์แล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของ 'เขตแดนภัยพิบัติ' ที่ว่าเลย
เฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะเดาในใจ ว่าภัยพิบัติในตัวของเฉินเยี่ยนมีความสามารถแบบไหนกันแน่?
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาจากระยะไกล
“อู๋โหยวตง?” เฉินหลิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนๆ นั้นเดินมา
อู๋โหยวตงก็อยู่ที่ถนนปิงฉวนมันไม่แปลกแต่ปัญหาคือ ตอนนี้อู๋โหยวตงมีไม้ยันรักแร้โลหะอยู่ใต้ไหล่ของเขา ขาข้างหนึ่งใส่เฝือก ร่างกายเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ตาซ้ายเขียวช้ำ ทั้งเนื้อตัวดูสกปรกเหมือนเพิ่งปีนขึ้นจากท่อระบายน้ำ
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินหลิง อู๋โหยวตงที่กำลังคอตก ในที่สุดดวงตาของเขาก็มีแสงสว่างริบหรี่
“เฉินหลิง” อู๋โหยวตงยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีชีวิตรอดมาพบนายอีก"
“นายเป็นอะไร…”
“ฉันจะไม่เป็นผู้คุมกฎแล้ว”
อู๋โหยวตงเงยหน้าขึ้น เหม่อมองแสงออโรร่าที่อยู่ไกลออกไป ร่องรอยความโศกเศร้าและความเหงาแวบขึ้นมาในดวงตาสีดำ
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินหลิงจำได้ชัดเจนว่าตอนเขาจากไปเมื่อวานนี้ อีกฝ่ายยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ
"ผู้คุมกฎก็ดี...ถนนปิงฉวนก็ดี ล้วนไม่มีใครเป็นคนดีเลยสักคน"
"เฉินหลิง นายรู้มั้ยว่าใครอาศัยอยู่บนถนนสายนี้?"
"คนทวงหนี้! พวกคลั่งลัทธิ! พวกถูกหมายจับ! มีการค้าปืนผิดกฎหมายอยู่เต็มไปหมด ค้ายาเสพติด ค้าอวัยวะ... เมื่อวานฉันไปรวบรวมข้อมูลจากผู้รอดชีวิตบนถนนสายนี้ ฉันโดนพวกเขาหัวเราะเยาะและดูถูก!”
“พวกเขาเตะฉันเข้าไปในห้องน้ำ แล้วบังคับให้ฉันทำความสะอาดห้องน้ำให้พวกเขา! ฉันไม่เห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาเลยหักขาฉัน!”
เสียงของอู๋โหยวตงสั่นเทามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวด เส้นเลือดผุดขึ้นที่คอของเขา
“พวกเขาจงใจทำ!!”
“ผู้คุมกฎในเขตสองรู้จักถนนสายนี้ดี! แต่ไม่มีใครเต็มใจไป เลยขอความช่วยเหลือจากเขตสาม! ไม่รู้ว่าเขาทำข้อตกลงอะไรไว้กับหม่าจง หม่าจงถึงย้ายคนจากที่นั่งสำรองในเขตสามมาที่นี่!”
“เขารู้ว่าเราเป็นเด็กใหม่ ครอบครัวยากจน ไม่มีอำนาจ! ดังนั้นเขาจะย้ายใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เรา”
“ถึงจะฟังดูดีที่เราอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุน แต่พูดตามจริงคือ เรากำลังเสียสละตนเองเพื่อผู้คุมกฎระดับสูง ฉันรับประกันด้วยชีวิตของฉันเลย! ต้องมีผู้คุมกฎระดับสูงเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินบนถนนปิงฉวน!”
"พวกเขามีสิทธิ์อะไร?!"
"พ่อแม่ของฉันหาเงินให้ฉันไปโรงเรียน ฉันได้รับสิทธิ์เข้าสอบเป็นผู้คุมกฎด้วยความสามารถของฉัน!"
"ทำไมพวกเขาถึงดูถูกฉันแบบนี้!"
อู๋โหยวตงคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาเขาแดงก่ำราวกับเลือด แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้าพูดดังเกินไป...เพราะผู้คุมกฎจากเขตสองอยู่ไม่ไกล
ภายใต้การจ้องมองของราชสีห์ ไม่ว่ามดจะโกรธแค่ไหน พวกมันทำได้เพียงปิดปากและเงียบไว้
อู๋โหยวตงหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง ราวกับว่าเขากำลังจะท้าทายต่อยกับผู้คุมกฎของถนนปิงฉวนในอีกสักครู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นอีกครั้ง
“อู๋โหยวตง เฉินหลิง พวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?”
เฉียนฝานสวมเครื่องแบบสีดำแดง เดินมาจากระยะไกลพร้อมกับกอดอกถามอย่างสงสัย
จู่ๆ ใบหน้าของอู๋โหยวตงก็ซีดลง
“อู๋โหยวตง นายบอกว่านายไม่อยากเป็นผู้คุมกฎแล้วไม่ใช่เหรอ?” เฉียนฝานพูดอีกครั้ง “สมัครใจถอนตัวจากการสอบภาคปฏิบัติ อย่านึกเสียใจภายหลัง...สำหรับคนอย่างนายมันคือโอกาสที่จะเปลี่ยนโชคชะตา นายคิดดีแล้วเหรอ?”
"หรือไม่...หากคิดว่ามีอะไรที่ผู้คุมกฎยังทำได้ไม่ดีในปัจจุบัน นายก็เสนอได้ พวกเราจะมาหารือกันอีกครั้ง..."
การแสดงออกของอู๋โหยวตงเปลี่ยนเล็กน้อย มีอยู่หลายครั้งเขาดูลังเลที่จะพูด...แต่ภายใต้การจ้องมองของเฉียนฝาน ในที่สุดเขาก็ส่ายหัว
“ไม่ ไม่...ผมถอนตัวด้วยความสมัครใจ”
“น่าเสียดายจริงๆ”
เฉินหลิงมองดูอู๋โหยวตงที่อยู่ตรงหน้าเขา จู่ๆ เขาก็เกิดอารมณ์ซับซ้อน...
หลังจากอู๋โหยวตงเล่าถึงสิ่งไม่ดีในถนนปิงฉวนให้ฟังแล้ว เฉินหลิงไม่กล้าบอกว่าอีกฝ่ายขี้ขลาด....ถึงแม้อู๋โหยวตงจะไม่ใช่ผู้คุมกฎ แต่ยังต้องอาศัยอยู่ในอาณาจักรออโรร่าในอนาคต และไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ก็จะมีผู้คุมกฎ...
สำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรออโรร่า ผู้คุมกฎก็คือแผ่นฟ้า
อู๋โหยวตงมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฉินหลิง แล้วก้มหัวลงอีกครั้ง...เขาพยายามคว้านหาไม้ค้ำยันราคาถูก กัดฟันลุกขึ้นยืน และเดินกะเผลกตรงไปยังเขตสามโดยไม่หันหลังกลับ
ตัวของอู๋โหยวตงค่อยๆ เล็กลง จนเหลือเพียงจุดเล็กๆ กระทั่งหายลับไป
เฉินหลิงรู้ดีว่าต่อจากนี้ไป...อู๋โหยวตงอาจไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาอีก
“จริงๆ แล้ว ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างดีนะ ทำงานหนัก มีศักยภาพที่ดี” เฉียนฝานมองไปที่คนซึ่งจากไปพลางถอนหายใจ
“ยังไงก็ตาม อู๋โหยวตงจากไปแล้ว และไม่มีใครทำงานของเขา...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายต้องรับช่วงต่อจากเขา”
เฉินหลิงตกใจ หันกลับมามองเฉียนฝาน
เฉียนฝานมองเขาด้วยรอยยิ้ม ภายใต้ดวงอาทิตย์ รอยยิ้มของเขาดูไม่ต่างจากปีศาจ
.
.
.