ตอนที่ 170 ไม้เท้าผานหลง (ฟรี)
ตอนที่ 170 ไม้เท้าผานหลง
“ท่าน...เป็นท่านจริงหรือ?” หลังจากนั้นไม่นาน เย่ซวนก็ระงับความตกใจในใจ เขาถามลู่ซุนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา เขาแทบไม่เชื่อตาตัวเอง
นี่คือผู้อาวุโสคนนั้นจริงหรือ? ผู้สูงส่งเหนือผู้ใดคนนั้น ผ่านมานับแสนปีแล้ว และตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?
“ของที่ข้าทิ้งไว้ในตระกูลเย่เมื่อแสนปีก่อนควรจะยังคงอยู่ที่เดิมใช่หรือไม่?” ลู่ซุนไม่ได้ตอบคำถามของเย่ซวนโดยตรง เขาไม่มีทางพิสูจน์ตัวตนของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงถามออกไปแทน
“ท่านกำลังพูดถึงอะไร” ดวงตาของเย่ซวนสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถามด้วยเสียงต่ำ
“ผลซวนหยวนหลิง” ลู่ซุนพูดอย่างใจเย็น
“นี่…” เย่ซวนดูเขินอายเล็กน้อย เขาเปิดปาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เจ้ากินมันไปแล้วเหรอ?” ลู่ซุนหรี่ตาลงเล็กน้อย เหลือบมองเย่ซวนขึ้นลง แล้วพูดออกมาอย่างกะทันหัน
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจมากนัก แต่ตอนนี้ลู่ซุนค้นพบว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาจริงๆ แล้วมีกลิ่นของผลซวนหยวนหลิงอยู่ในร่าง!
“ผู้อาวุโส ข้าอ่อนแอ และมักจะป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ และต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย เพื่อที่จะรักษาข้า พ่อของข้าได้เสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็สูญเปล่า ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สนคำทัดทานของคนอื่นๆ และป้อนผลซวนหยวนหลิงให้กับข้า ทำให้ตอนนี้ข้าหายจากโรคร้ายเหล่านั้นได้” เย่ซวนพูดอย่างเขินอาย และหลังจากเรียบเรียงคำพูดแล้ว เขาก็ตอบลู่ซุน
ลู่ซุนถอนหายใจเบาๆ แต่เขาไม่ได้ตำหนิเย่ซวน เขาแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ผู้อาวุโส! สรรพคุณทางยาของผลซวนหยวนหลิงนั้นแข็งแกร่งมาก ข้าย่อยได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากท่านต้องการได้ผลซวนหยวนหลิงกลับคืนไป ข้ายินดีที่จะสละชีวิตของตนเพื่อมอบคืนให้ท่าน!” เย่ซวนตัดสินใจสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ เขาคุกเข่าลงแล้วพูดอย่างจริงใจกับลู่ซุน
“เจ้าสำนัก!” ผู้อาวุโสหลายคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนต่างตกใจกับการกระทำของเย่ซวน พวกเขาอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงเย่ซวนขึ้นมา
“ถอยไป! นั่นคือ สิ่งที่ผู้อาวุโสลู่ขอให้ตระกูลเย่ของเราเก็บรักษาเอาไว้ แต่ข้ากลับนำมันมาใช้เป็นการส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจอภัยได้!” เย่ซวนคำนับให้ลู่ซุน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเมื่อมองเข้าไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เจ้าสำนัก! ท่านคือ จ้าวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนของเรา ท่านจะคุกเข่าลงต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไร?” ชายชราคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าเย่ซวนทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนต้องอับอาย
“เจ้าสำนัก เรายังไม่ได้ยืนยันตัวตนของบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเลย และท่านไม่เพียงเป็นตัวแทนของตัวท่านเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนด้วย ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ!” หญิงชราเพียงคนเดียวในกลุ่มก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
หลายปีที่ผ่านมา สิบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยืนหยัดอยู่เหนือทุกสิ่งมาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องชายตามองสิ่งใด จึงพัฒนาธรรมชาติที่เย่อหยิ่งของพวกเขาขึ้นมา
ในใจของพวกเขา ความรุ่งโรจน์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นสูงส่งกว่าสิ่งอื่นใด พวกเขายอมตายดีกว่าทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนต้องอับอาย!
แต่เย่ซวนที่เป็นฐานะจ้าวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนกลับทำสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกยอมรับไม่ได้มากที่สุด
"หุบปาก! นี่คือสิ่งที่ข้าติดค้างเอาไว้ อีกอย่างในสายตาของผู้อาวุโสแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย!" เย่ซวนหันกลับมา และดุว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความโกรธ
“เจ้าสำนัก ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือยังไงกัน?!” ชายชราคนหนึ่งพูดด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าสำนัก แม้ว่าจะเป็นอมตะ ท่านก็ยังไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ แล้วชายคนนี้ล่ะ เรายังไม่ทราบที่มาของเขาเลย ท่านจะคุกเข่าให้เขาได้อย่างไร?” ชายชราอีกคนใบหน้ามืดคล้ำลง และเขาก็พูดด้วยความโกรธ
“หยาบคาย! เจ้าพูดเช่นนี้กับผู้อาวุโสลู่ได้ยังไง? เจ้าหลงลืมสิ่งที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วหรือ?” เย่ซวนลุกขึ้นยืน จากนั้น ตบหน้าชายชราที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ เขาพูดออกมาด้วยความโกรธที่แผดเผาในดวงตา
ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าเขามีระดับพลังยุทธ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ อีกฝ่ายรู้ถึงคำสัญญาของตระกูลเย่ในตอนนั้น และยังรู้ด้วยว่าดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลเย่อยู่ในเป่ยซวน
สัญญาณทั้งหมดบ่งบอกว่าตัวตนของคนตรงหน้าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ดังนั้น ในตอนนี้เย่ซวนจึงเชื่อมั่นในตัวตนของลู่ซุนเป็นอย่างมาก และแทบไม่มีข้อสงสัยเลย
ท้ายที่สุดแล้ว ลู่ซุนต้องมาจากตระกูลลู่ และเขาไม่คิดว่าทายาทของตระกูลลู่จะกล้าเสแสร้งทำตัวเป็นบรรพบุรุษของตน เพราะนั่นจะเป็นการกระทำที่ลบหลู่อย่างยิ่ง!
“เจ้าสำนัก ข้าภักดีต่อสำนักอย่างยิ่ง และพยายามอย่างหนักเพื่อสำนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร?” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ดวงตาของเขาจ้องมองที่เย่ซวนอย่างหนักแน่น จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาดังๆ
ชายชราคนนี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเย่ ระดับพลังยุทธ์ของเขาได้มาถึงขอบเขตมหายานขั้นกลางแล้ว เขาเป็นผู้อาวุโสหกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน
“ผู้อาวุโสหก เราต้องไม่ลืมรากเหง้าของตัวเองได้ ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนยิ่งใหญ่ถึงวันนี้ได้ก็เพราะได้พึ่งพิงสิ่งที่ผู้อาวุโสลู่ได้ทิ้งเอาไว้ เรามิอาจเนรคุณได้!” เย่ซวนก็เสียใจกับการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังกัดฟัน และพูดออกมา
ในหัวใจของเย่ซวน ลู่ซุน คือ ผู้สูงส่งเหนือสิ่งใด หากอีกฝ่ายไม่ช่วยตระกูลเย่ในอดีต วันนี้ตระกูลก็อาจสาบสูญไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการได้ก่อตั้งหนึ่งในสิบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และดำรงอยู่มานานกว่าหนึ่งแสนปี!
“เจ้าสำนัก ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ แค่มองแวบเดียวก็รู้ได้แล้ว เขาก็แค่นักต้มตุ๋นที่แสร้งทำตัวเป็นยอดฝีมือ ดูให้ดี ข้าจะฆ่าเขาเพื่อที่ท่านจะได้ตื่นเสียที!” ผู้อาวุโสหกกัดฟันพูด
เขาเคยต้องอับอายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมหายาน และได้รับความเคารพอย่างสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน ตอนนี้ เขากลับถูกตบหน้าในที่สาธารณะเพราะลู่ซุน สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธมากจนต้องการจะฉีกร่างของลู่ซุนเป็นชิ้นๆ
ทันทีที่ผู้อาวุโสหกพูดจบ เขาก็ตรงไปหาลู่ซุน ไม้เท้าผานหลงปรากฏขึ้นในมือของเขา และแทงไปทางตาข้างซ้ายของลู่ซุนอย่างรุนแรง
ไม้เท้าผานหลงอันนี้เป็นอาวุธวิเศษของผู้อาวุโสหก มันเป็นอาวุธเซียนปฐพีที่มีวิญญาณของมังกรสถิตอยู่ และมีพลังที่จะทำลายวิญญาณของศัตรูได้
การโจมตีของผู้อาวุโสหกเป็นกระบวนท่าสังหาร และเขายังกระตุ้นพลังวิญญาณของตัวเองเสริมลงไปด้วย ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะโจมตีอย่างเด็ดขาดอย่างกะทันหันเช่นนี้
เมื่อเย่ซวนต้องการหยุดเขา มันก็สายเกินไปแล้ว เขาทำได้เพียงเฝ้าดูเมื่อไม้เท้าผานหลงแทงไปทางของลู่ซุนโดยไม่อาจเข้าไปขวางได้
"หยุด!" เย่ซวนกำลังตะโกนออกมา และเขาต้องการหยุดการโจมตีของผู้อาวุโสหก แต่เขาก็รู้ดีว่ามันสายเกินไปแล้ว
ผู้อาวุโสหกมองดูด้วยความดุร้าย ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพที่คนตรงหน้าถูกไม้เท้าของเขาแทงจนตาย
แต่เมื่อไม้เท้าผานหลงกำลังจะกระทบเข้ากับดวงตาของลู่ซุน ภาพที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ไม้เท้าผานหลงถูกหยุดห่างจากดวงตาของลู่ซุนสามนิ้ว และไม่สามารถไปเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ ราวกับว่ามีคนสะกดมันเอาไว้
“แม้ว่าไม้เท้าของเจ้าจะไม่อาจทำร้ายข้าได้ แต่ก็ยังทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดมากที่ถูกแหย่ตาโดยไม่มีเหตุผล” ลู่ซุนเหยียดฝ่ามือออก เขาค่อยๆ ผลักไม้เท้าที่อยู่ตรงหน้าออกไป แล้วค่อยๆ พูดออกมา
เหตุผลหลักก็คือ เขาไม่รู้ว่าชายชราคนนี้มักจะใช้ไม้เท้าอันนี้ทำอะไรบ้าง และเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะสะอาดหมดจดหรือเปล่า