ตอนที่ 11 คุณยาย!
"เสี่ยวรุ่ย? เสี่ยวรุ่ย เกิดอะไรขึ้น?"
เจียงเย่ตะโกนถามในห้องถ่ายทอดสด แต่เสี่ยวรุ่ยกลับกรีดร้องไม่หยุด
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เจียงเย่ตะโกนถามอย่างร้อนรน "เสี่ยวรุ่ย ได้ยินผมไหม"
"กระจก เมื่อกี้ฉันเอากระจกไปเก็บแล้ว ทำไมมันถึงยังอยู่ใต้หมอน? ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่ากระจกอยู่ใต้หมอน ฉันเอาไปเก็บแล้ว ทำไมมันถึงกลับมาอยู่ตรงนั้นอีก!"
เสี่ยวรุ่ยร้องไห้ฟูมฟาย แต่ที่แปลกก็คือ เสียงร้องไห้ของเธอไม่ได้ปลุกเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ให้ตื่นขึ้นมาเลย
เจียงเย่และผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดต่างก็จำได้ว่าตอนคุยกัน เสี่ยวรุ่ยเคยหยุดพูดแล้วบอกเจียงเย่ว่า ตอนนั้นเธอกลัวมาก เพราะตอนเช้าตอนที่หวีผม เธอเอากระจกมาวางไว้ใต้หมอน แต่ตอนนี้เธอเอากระจกไปเก็บแล้ว
เจียงเย่ครุ่นคิด จึงส่งคำขอวิดีโอคอลไปหาเสี่ยวรุ่ยทันที
แม้ว่าเสี่ยวรุ่ยจะอยู่ในอาการตื่นตระหนก แต่เธอก็รับวิดีโอคอลของเจียงเย่ ตอนนี้ สภาพของเธอดูย่ำแย่มาก
แต่ก็เหมือนกับที่เธอเคยบรรยาย เธอเป็นนักศึกษาศิลปะที่หน้าตาธรรมดาๆ
ตอนนี้ เธอกำลังกอดเข่าตัวเอง ร้องไห้อยู่ ภาพที่โทรศัพท์มือถือจับภาพได้เป็นปลายเตียงด้านหนึ่ง
"เสี่ยวรุ่ย ไหนกระจก..?" เจียงเย่ถาม
"โยนทิ้งไปแล้วค่ะ ฉันโยนลงพื้น" เสี่ยวรุ่ยตอบ
"โอเค ตอนนี้ทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง เอามือล้วงเข้าไปใต้หมอนก่อน จำไว้นะ ไม่ว่าจะสัมผัสอะไรก็อย่ากลัว ยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นกับเหล่าอู๋ได้ไหม?ผมปกป้องคุณได้ เชื่อผมสิ"
น้ำเสียงของเจียงเย่อ่อนโยน สำหรับเด็กสาวที่กำลังอ่อนไหว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดี เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา "ค่ะ ฉันไม่กลัว ฉันจะเชื่อฟังคุณ"
เจียงเย่ยิ้มให้กับเสี่ยวรุ่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ตอนนี้เอามือล้วงเข้าไปใต้หมอน แล้วตะโกนเรียก"
"เรียก.. เรียกอะไรคะ?"
"เรียกคุณยาย"
ทันทีที่เจียงเย่พูดจบ สีหน้าหวาดกลัวของเสี่ยวรุ่ยก็พลันแข็งค้าง
แม้แต่ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็พากันตกตะลึง
"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้ดำเนินรายการถึงให้เสี่ยวรุ่ยเรียกคุณยาย?"
"ใช่ คุณยายของเสี่ยวรุ่ยไม่ใช่โดนชิงชิงกลืนเข้าไปแล้วเหรอ?"
"อย่าเพิ่งส่งเสียง ให้เสี่ยวรุ่ยทำตามที่ผู้ดำเนินรายการบอกก่อน"
ตอนนี้เสี่ยวรุ่ยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ใบหน้าที่หวาดกลัวพลันมีแววประหลาดใจปรากฏขึ้น
"พี่ชายผู้ดำเนินรายการ ทำไมให้ฉันเรียกคุณยายละคะ?"
"อย่าถาม เรียกก็พอ เมื่อกี้เธอบอกว่าจะเชื่อฟังฉันไม่ใช่เหรอ?" เจียงเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวรุ่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ เอามือล้วงเข้าไปใต้หมอน ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วตะโกนเบาๆ ว่า "คุณยาย (เสียงสอง)~"
หลังจากเรียก "คุณยาย" สีหน้าของเสี่ยวรุ่ยก็เปลี่ยนไปทันที
เธอเบิกตากว้าง มองไปที่ห้องถ่ายทอดสด เหมือนกำลังมองเจียงเย่
เจียงเย่พยักหน้าให้กับเธอ "ไม่ต้องกลัว ล้วงเข้าไปข้างใน แล้วก็เรียกอีกที"
"ย่า~"
เสี่ยวรุ่ยตะโกนอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับร้องไห้ออกมาทันที มือที่อยู่ใต้หมอนเหมือนกำลังจับอะไรบางอย่างแน่น
คราวนี้ เสี่ยวรุ่ยไม่ต้องให้เจียงเย่เตือน เธอตะโกนเรียกอีกครั้ง "ย่า~ ย่า~"
ยิ่งตะโกนเรียก น้ำตาก็ยิ่งไหลอาบแก้ม แต่ไม่นาน เสี่ยวรุ่ยก็ดูร้อนรน
"ย่า อย่าไป.. อย่าไป"
"เห้ออ..."
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของเสี่ยวรุ่ย แต่เป็นเสียงถอนหายใจของเจียงเย่
"เธอไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องไปแล้ว คนแก่ปกป้องเธอจนโต เธอควรไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่หลังความตาย เสี่ยวรุ่ย เมื่อกี้เธอรู้สึกหรือเปล่า?"
"มือของคุณยายค่ะ เหมือนกับตอนที่ฉันจับมือคุณยายครั้งสุดท้ายไม่มีผิด"
เสี่ยวรุ่ยสะอื้นไห้ เจียงเย่พยักหน้า "ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในห้องถึงได้แปลกๆ ทั้งหมด แต่มีแค่เธอที่ไม่เป็นอะไร?"
"คุณยายปกป้องฉันอยู่ คุณยายไม่เคยมาเข้าฝันฉันเลย แต่ท่านอยู่ข้างๆ ฉันตลอด ท่านกลัวว่าฉันจะถูกรังแก กลัวว่าฉันจะเหงาที่ต้องเรียนคนเดียว คุณยายชอบพูดแบบนี้ บอกว่าลูกสาวขี้อาย ไม่ค่อยพูด อยู่ข้างนอกคนเดียว ยายเป็นห่วง"
คำพูดของเสี่ยวรุ่ยทำให้ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดรู้สึกสะเทือนใจ พวกเขานึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน ที่ดูแลพวกเขาเหมือนต้นไม้เล็กๆ
บางคนตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะซื้อตั๋วกลับบ้านไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่
แต่ส่วนใหญ่กลับร้องไห้เงียบๆ เพราะญาติผู้ใหญ่ที่รักและดูแลพวกเขาได้จากไปนานแล้ว
จากไปกี่ปีแล้วนะ?
เป็นคำถามที่คิดแล้วเศร้า ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะบางคนพบว่าพวกเขาจำไม่ได้แล้วว่า คนที่สำคัญในชีวิตจากไปกี่ปีแล้ว
เสี่ยวรุ่ยดึงมือออกจากใต้หมอน เจียงเย่พูดอีกครั้ง "ตอนนี้ตีสามครึ่งแล้ว เสี่ยวรุ่ย ลงจากเตียง แล้วเดินไปที่เตียงของอาหยู เอามือล้วงเข้าไปใต้หมอนของอาหยู"
"ค่ะ ฉันไม่กลัว คุณยายปกป้องฉันอยู่ ฉันไม่กลัว!"
เสี่ยวรุ่ยเช็ดน้ำตา ลุกจากเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง
อาหยูนอนเตียงล่าง เสี่ยวรุ่ยย่อตัวลงข้างๆ เตียง ค่อยๆ เอามือล้วงเข้าไปใต้หมอนของอาหยู
พอเอามือล้วงเข้าไป เสี่ยวรุ่ยก็เหลือบมองเจียงเย่ในห้องถ่ายทอดสด แต่เจียงเย่กลับยิ้ม แล้วพูดกับเธอว่า "สัมผัสโดนหรือยัง?"
"โดนแล้วค่ะ กระจกทองเหลือง!"
"ดีมาก บนตัวเธอ ยังมีของของเสี่ยวชิงอยู่ไหม?"
เสี่ยวรุ่ยครุ่นคิด "ไม่มีแล้วค่ะ หลังจากที่เธอเสียชีวิต พ่อแม่ของเธอก็เก็บของใช้ส่วนตัวของเธอไปหมด ไม่กล้าเก็บไว้ในห้อง"
"รูปถ่ายล่ะ?"
"มีค่ะ ในโทรศัพท์ของฉันมีรูปตอนที่พวกเรายังสนิทกัน"
"เปิดรูปขึ้นมา แล้วเอาวางไว้ใต้เตียง วางให้ตั้งตรง อย่าปล่อยมือ วางไว้สามวินาที แล้วค่อยๆ ดึงออกมา"
เจียงเย่พูดจบ เสี่ยวรุ่ยก็ก้มหน้าลง มองไปใต้เตียง แต่เธอไม่ได้มองลึกเข้าไป ตอนนี้จึงมองไม่เห็นอะไร
เสี่ยวรุ่ยทำตามที่เจียงเย่บอก หยิบรูปถ่ายออกมา ตอนที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปใต้เตียง เจียงเย่ก็ถามเธอขึ้นมาทันที "เสี่ยวรุ่ย ก่อนหน้านี้ พวกเธอสี่คนสนิทกันมากจริงๆ เหรอ?"
"สนิทกันมากค่ะ ไม่ว่าจะไปเรียน กินข้าวกลางวัน หรือตอนปิดเทอมที่ไม่ได้กลับบ้าน พวกเราสี่คนจะตัวติดกันตลอด"
"โอเค เอามือล้วงเข้าไปใต้เตียง อย่ามองนะ ต่ครบสามวินาที ต้องดึงมือออกมา ไม่ว่ามือเธอจะมีอะไรติดอยู่ก็ต้องดึงออกมา ห้ามโยนทิ้ง เข้าใจไหม?"
เสี่ยวรุ่ยพยักหน้า แล้วล้วงมือเข้าไปใต้เตียง