ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 110 เตรียมเผยโฉม
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 110 เตรียมเผยโฉม
การยกระดับจากผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคสู่ระดับปราชญ์ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
เป็นการวิวัฒนาการขั้นสูงสุดจากปุถุชนสู่ ‘ปราชญ์’
เป็นการก้าวกระโดดของระดับขั้นชีวิต
ส่วนการยกระดับจากระดับปราชญ์สู่ระดับราชันปราชญ์นั้น มิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก
เพียงแค่ความเข้าใจในพลังเวทและกฎเกณฑ์ ยกระดับขึ้นอีกขั้นเท่านั้น
ดังนั้น สำหรับจี๋อวิ๋นแล้ว ขั้นตอนนี้มิใช่ปัญหา
ตู้ม!
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนต่างมองเห็นท้องฟ้าในรัศมีหมื่นลี้แปรเปลี่ยนเป็นวังวน
โดยมีจี๋อวิ๋นเป็นศูนย์กลาง ปราณวิญญาณของฟ้าดินมากมายมหาศาล ไหลทะลักเข้ามาดุจดั่งมังกรดูดน้ำ
จากนั้น ก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของจี๋อวิ๋นทั้งหมด
ตึง! ตึง! ตึง…………
เสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องดังมาจากภายในร่างกายของจี๋อวิ๋น ความว่างเปล่าของฟ้าดินสั่นสะเทือน ราวกับกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
ผ่านไปเนิ่นนาน
จี๋อวิ๋นลืมตาขึ้น แสงสว่างส่องประกายออกมา
ส่วนกลิ่นอายรอบกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น กลายเป็นยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต ดุจดั่งห้วงสมุทร ดวงดาวมากมาย
ยกระดับสู่ระดับราชันปราชญ์!
“ใช้เวลาเพียงเดือนกว่า ๆ ก็ยกระดับสู่ระดับราชันปราชญ์ หากเป็นระดับมหาปราชญ์ คงต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปี ช้าเกินไปแล้ว”
จี๋อวิ๋นรู้สึกไม่พอใจกับความเร็วนี้
หากคำพูดนี้ถูกคนอื่นได้ยิน คงต้องโกรธจนกระอักโลหิตออกมา
ผู้บำเพ็ญคนอื่น การยกระดับสู่ระดับมหาปราชญ์ ต้องใช้เวลานับร้อยนับพันปี
แม้แต่บางคน ตลอดชีวิตก็มิอาจบรรลุถึงระดับนั้น
ครึ่งปี เจ้ายังบ่นว่าช้า!
ช่างโอ้อวดนัก!
“ช่างเถิด ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เวลายังอีกยาวไกล”
จี๋อวิ๋นล้มเลิกความคิดนี้อย่างรวดเร็ว เดินออกจากหุบเขา “งานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ ขุมอำนาจทั้งสามที่ข้าก่อตั้งขึ้นย่อมต้องเข้าร่วมงาน ข้าจะพลาดได้อย่างไร”
เขายิ้มเบา ๆ เหยียบย่างอากาศจากไป
………………
อีกด้านหนึ่ง
กี้——!
เสียงเหยี่ยวดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ทะลวงผ่านหมู่เมฆหมื่นลี้ สะท้อนก้องไปทั่วหุบเขาและเทือกเขานับพัน
นกยักษ์สยายปีก บินทะยานเหนือเมฆาหลายล้านลี้ ในพริบตา ก็เดินทางไปไกลหลายหมื่นลี้
เกิดพายุรุนแรง บนพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปหลายหมื่นจั้ง เกิดฝุ่นละอองมากมายดุจดั่งคลื่นยักษ์
ต้นไม้และพืชพรรณในรัศมีหมื่นลี้ต่างก็ก้มลง ใต้เท้าของมัน นกและสัตว์ร้ายต่างก็เงียบสงัด
“นั่นคือ ‘เหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ’ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิล!”
บนทุ่งหญ้า ภายในพายุ มีผู้บำเพ็ญอิสระคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา
เหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ เป็นราชาแห่งนกที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลเลี้ยงดู เป็นสายพันธุ์บรรพกาล
ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่าระดับมหาปราชญ์!
นกตนนี้บินอยู่บนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลกำลังเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์
บนหลังของเหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลยืนอย่างสงบนิ่ง ข้างกายเขามีผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์หลายคนยืนอยู่
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์เก้าชั้นฟ้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ประมุขศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ พวกเราต้องเกลี้ยกล่อมขุมอำนาจอื่น ๆ ให้ร่วมมือกันกำจัดยมโลกให้จงได้”
“ถูกต้อง ยมโลกกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลของพวกเรา ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ พวกเขาต้องถูกกำจัด!”
“ได้ยินมาว่าวังสวรรค์กับยมโลกไม่ถูกกัน ส่วนราชันอสูรซุนหงอคงแห่งวังอสูรก็เช่นกัน อาจจะสามารถใช้โอกาสนี้…………”
“…………”
ผู้อาวุโสหลายคนต่างก็เอ่ยวาจาออกมา น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลพยักหน้า กำลังจะเอ่ยวาจาใด ๆ ออกมา ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรง
เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงท่ามกลางทะเลเมฆามากมาย แสงสลัววาบขึ้น ปราณหยินปกคลุม
ร่างเงาอันยิ่งใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางความแปลกประหลาด
มองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ราวกับขุมนรก ดวงตาของเขาล้ำลึกดุจดั่งขุมนรก ยืนอย่างสงบนิ่ง แต่กลับราวกับราชันเทพบนเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า น่ากลัวยิ่งนัก ไร้ขอบเขต
แรงกดดันอันยิ่งใหญ่พุ่งลงมา แม้แต่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลยังรู้สึกหายใจไม่ออก
ส่วนผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์หลายคนก็เช่นกัน ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมมิได้
“ใคร!?”
สีหน้าของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลเปลี่ยนไป
“ยมโลก หนึ่งในจักรพรรดิผีเบญจทิศ จักรพรรดิผีกลาง”
เสียงอันแผ่วเบาดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ดังก้องอยู่ในจิตใจ
จักรพรรดิผีเบญจทิศ!
รูม่านตาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลหดเล็กลง ชื่อเสียงนี้ เขาย่อมรู้จัก
ตอนที่ราชันอสูรไร้เทียมทานซุนหงอคงได้ถอยร่นจากการโจมตีของยมราชสิบขุมนรก และยมราชเคยกล่าวไว้ว่า หากจักรพรรดิผีเบญจทิศจุติลงมา ย่อมสามารถปราบปรามเขาได้
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิผีเบญจทิศแข็งแกร่งกว่าซุนหงอคงผู้นั้น!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลก็คำรามลั่น “หนี!”
จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พุ่งเข้าใส่จักรพรรดิผีกลางที่อยู่เหนือทะเลเมฆา
ยมโลกกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิล ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้!
“เจตจำนงต่อสู้ที่ไม่เลว น่าเสียดาย… เป็นเพียงการดิ้นรนไร้ค่า”
เหนือทะเลเมฆา
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดจักรพรรดิผีกลาง มองดูประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลที่พุ่งเข้ามา
เขาเพียงแค่ชี้นิ้วออกไปเบา ๆ
ตู้ม!
เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
แสงสลัวอันยิ่งใหญ่และน่ากลัวยิ่งนัก ปะทุออกมา
ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ กฎเกณฑ์ และวิชาบำเพ็ญมากมาย
ตู้ม!
เพียงชั่วพริบตา
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลที่พุ่งเข้ามา ราวกับสายลมที่พัดผ่าน ร่างกายของเขานอกจากศีรษะแล้ว ส่วนอื่น ๆ ต่างก็แตกสลาย กลายเป็นผุยผง
ไม่ว่าจะเป็นพลังเวทหรือพลังอิทธิฤทธิ์ใด ๆ ภายใต้นิ้วเดียวนี้ ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน
สุดท้ายเหลือเพียงศีรษะ ถูกจักรพรรดิผีกลางจับไว้ในมือ
ส่วนดวงวิญญาณภายใน ก็แตกสลายไปนานแล้ว
เซียวลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนี้ หัวใจของนางก็สั่นสะเทือน
ใต้เท้าจักรพรรดิผีกลางแข็งแกร่งยิ่งนัก!
เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็สังหารประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลโดยไม่ต้องใช้พลังมากนัก
ในเวลานั้น ความว่างเปล่าแตกออก
ราชันฉินกวงปรากฏตัวขึ้น ภายในมือของเขามีศีรษะหลายใบ เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์ที่หลบหนีไป
“นำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นของขวัญแสดงความยินดีในการจัดงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ พวกเขาไม่ได้เชิญพวกเรา การเดินทางไปเช่นนี้ มิใช่ว่าเสียมารยาทหรือ”
เสียงอันแผ่วเบาของจักรพรรดิผีกลางดังขึ้น
เซียวลั่วหลีเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ภายในใจตกตะลึง นำศีรษะของประมุขศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์ไปเป็นของขวัญแสดงความยินดี
ตั้งแต่โบราณกาลมา มีเพียงใต้เท้าจักรพรรดิผีกลางผู้นี้เท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้
………………
ในเวลาเดียวกัน ณ วังสวรรค์
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดหยางเจี่ยน จตุราชันสวรรค์ และนาจากไข่มุกมาร เตรียมตัวเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์
ส่วนหุ่นเชิดเฟยเผิง คอยดูแลวังสวรรค์
กู้ชิงเฟิงนั้น ออกเดินทางไปก่อนหน้านี้แล้ว
ถูกจี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดหยางเจี่ยนเตะออกไป กล่าวว่าให้เดินทางไปฝึกฝนตนเอง
………………
ณ เทือกเขาทะลวงเมฆา วังอสูร
เบื้องหน้าตำหนักราชาอสูรอันยิ่งใหญ่
เหยาหรูอวี้ยืนอย่างสงบนิ่ง ณ ที่แห่งนี้ กลิ่นอายของนางแข็งแกร่งกว่าเดิม
ความสง่างามดุจราชันเริ่มปรากฏขึ้น
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
ทันใดนั้นเหยาหรูอวี้ก็มองไปยังต้นเสียง เห็นเพียงร่างเงาเจ็ดร่างอันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง เดินออกมาจากตำหนัก
แต่ละร่าง ล้วนมีแสงเทพล้อมรอบ ปราณอสูรดุจดั่งทะเล ลึกลับยากหยั่งถึง
จากนั้น ร่างสีทองที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดก็ก้มลงมอง นางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า
“ไปกันเถิด”
“เจ้าค่ะ”
เหยาหรูอวี้โค้งคำนับอย่างเคารพ
ในใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น งานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ วังอสูรของพวกเรา มาถึงแล้ว!