ตอนที่แล้วระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 109 กายาทรราชมิวางวาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 111 สุราเพียงหนึ่งจอก

ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 110 เตรียมเผยโฉม


ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 110 เตรียมเผยโฉม

การยกระดับจากผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคสู่ระดับปราชญ์ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

เป็นการวิวัฒนาการขั้นสูงสุดจากปุถุชนสู่ ‘ปราชญ์’

เป็นการก้าวกระโดดของระดับขั้นชีวิต

ส่วนการยกระดับจากระดับปราชญ์สู่ระดับราชันปราชญ์นั้น มิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก

เพียงแค่ความเข้าใจในพลังเวทและกฎเกณฑ์ ยกระดับขึ้นอีกขั้นเท่านั้น

ดังนั้น สำหรับจี๋อวิ๋นแล้ว ขั้นตอนนี้มิใช่ปัญหา

ตู้ม!

ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนต่างมองเห็นท้องฟ้าในรัศมีหมื่นลี้แปรเปลี่ยนเป็นวังวน

โดยมีจี๋อวิ๋นเป็นศูนย์กลาง ปราณวิญญาณของฟ้าดินมากมายมหาศาล ไหลทะลักเข้ามาดุจดั่งมังกรดูดน้ำ

จากนั้น ก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของจี๋อวิ๋นทั้งหมด

ตึง! ตึง! ตึง…………

เสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องดังมาจากภายในร่างกายของจี๋อวิ๋น ความว่างเปล่าของฟ้าดินสั่นสะเทือน ราวกับกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

ผ่านไปเนิ่นนาน

จี๋อวิ๋นลืมตาขึ้น แสงสว่างส่องประกายออกมา

ส่วนกลิ่นอายรอบกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น กลายเป็นยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต ดุจดั่งห้วงสมุทร ดวงดาวมากมาย

ยกระดับสู่ระดับราชันปราชญ์!

“ใช้เวลาเพียงเดือนกว่า ๆ ก็ยกระดับสู่ระดับราชันปราชญ์ หากเป็นระดับมหาปราชญ์ คงต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปี ช้าเกินไปแล้ว”

จี๋อวิ๋นรู้สึกไม่พอใจกับความเร็วนี้

หากคำพูดนี้ถูกคนอื่นได้ยิน คงต้องโกรธจนกระอักโลหิตออกมา

ผู้บำเพ็ญคนอื่น การยกระดับสู่ระดับมหาปราชญ์ ต้องใช้เวลานับร้อยนับพันปี

แม้แต่บางคน ตลอดชีวิตก็มิอาจบรรลุถึงระดับนั้น

ครึ่งปี เจ้ายังบ่นว่าช้า!

ช่างโอ้อวดนัก!

“ช่างเถิด ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เวลายังอีกยาวไกล”

จี๋อวิ๋นล้มเลิกความคิดนี้อย่างรวดเร็ว เดินออกจากหุบเขา “งานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ ขุมอำนาจทั้งสามที่ข้าก่อตั้งขึ้นย่อมต้องเข้าร่วมงาน ข้าจะพลาดได้อย่างไร”

เขายิ้มเบา ๆ เหยียบย่างอากาศจากไป

………………

อีกด้านหนึ่ง

กี้——!

เสียงเหยี่ยวดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ทะลวงผ่านหมู่เมฆหมื่นลี้ สะท้อนก้องไปทั่วหุบเขาและเทือกเขานับพัน

นกยักษ์สยายปีก บินทะยานเหนือเมฆาหลายล้านลี้ ในพริบตา ก็เดินทางไปไกลหลายหมื่นลี้

เกิดพายุรุนแรง บนพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปหลายหมื่นจั้ง เกิดฝุ่นละอองมากมายดุจดั่งคลื่นยักษ์

ต้นไม้และพืชพรรณในรัศมีหมื่นลี้ต่างก็ก้มลง ใต้เท้าของมัน นกและสัตว์ร้ายต่างก็เงียบสงัด

“นั่นคือ ‘เหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ’ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิล!”

บนทุ่งหญ้า ภายในพายุ มีผู้บำเพ็ญอิสระคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา

เหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ เป็นราชาแห่งนกที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลเลี้ยงดู เป็นสายพันธุ์บรรพกาล

ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่าระดับมหาปราชญ์!

นกตนนี้บินอยู่บนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลกำลังเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์

บนหลังของเหยี่ยวดำมงกุฎทองคำ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลยืนอย่างสงบนิ่ง ข้างกายเขามีผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์หลายคนยืนอยู่

ในเวลานี้ ผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์เก้าชั้นฟ้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ประมุขศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ พวกเราต้องเกลี้ยกล่อมขุมอำนาจอื่น ๆ ให้ร่วมมือกันกำจัดยมโลกให้จงได้”

“ถูกต้อง ยมโลกกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลของพวกเรา ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ พวกเขาต้องถูกกำจัด!”

“ได้ยินมาว่าวังสวรรค์กับยมโลกไม่ถูกกัน ส่วนราชันอสูรซุนหงอคงแห่งวังอสูรก็เช่นกัน อาจจะสามารถใช้โอกาสนี้…………”

“…………”

ผู้อาวุโสหลายคนต่างก็เอ่ยวาจาออกมา น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลพยักหน้า กำลังจะเอ่ยวาจาใด ๆ ออกมา ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรง

เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงท่ามกลางทะเลเมฆามากมาย แสงสลัววาบขึ้น ปราณหยินปกคลุม

ร่างเงาอันยิ่งใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางความแปลกประหลาด

มองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ราวกับขุมนรก ดวงตาของเขาล้ำลึกดุจดั่งขุมนรก ยืนอย่างสงบนิ่ง แต่กลับราวกับราชันเทพบนเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า น่ากลัวยิ่งนัก ไร้ขอบเขต

แรงกดดันอันยิ่งใหญ่พุ่งลงมา แม้แต่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลยังรู้สึกหายใจไม่ออก

ส่วนผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์หลายคนก็เช่นกัน ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมมิได้

“ใคร!?”

สีหน้าของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลเปลี่ยนไป

“ยมโลก หนึ่งในจักรพรรดิผีเบญจทิศ จักรพรรดิผีกลาง”

เสียงอันแผ่วเบาดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ดังก้องอยู่ในจิตใจ

จักรพรรดิผีเบญจทิศ!

รูม่านตาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลหดเล็กลง ชื่อเสียงนี้ เขาย่อมรู้จัก

ตอนที่ราชันอสูรไร้เทียมทานซุนหงอคงได้ถอยร่นจากการโจมตีของยมราชสิบขุมนรก และยมราชเคยกล่าวไว้ว่า หากจักรพรรดิผีเบญจทิศจุติลงมา ย่อมสามารถปราบปรามเขาได้

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิผีเบญจทิศแข็งแกร่งกว่าซุนหงอคงผู้นั้น!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลก็คำรามลั่น “หนี!”

จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พุ่งเข้าใส่จักรพรรดิผีกลางที่อยู่เหนือทะเลเมฆา

ยมโลกกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิล ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้!

“เจตจำนงต่อสู้ที่ไม่เลว น่าเสียดาย… เป็นเพียงการดิ้นรนไร้ค่า”

เหนือทะเลเมฆา

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดจักรพรรดิผีกลาง มองดูประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลที่พุ่งเข้ามา

เขาเพียงแค่ชี้นิ้วออกไปเบา ๆ

ตู้ม!

เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล

แสงสลัวอันยิ่งใหญ่และน่ากลัวยิ่งนัก ปะทุออกมา

ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ กฎเกณฑ์ และวิชาบำเพ็ญมากมาย

ตู้ม!

เพียงชั่วพริบตา

ประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลที่พุ่งเข้ามา ราวกับสายลมที่พัดผ่าน ร่างกายของเขานอกจากศีรษะแล้ว ส่วนอื่น ๆ ต่างก็แตกสลาย กลายเป็นผุยผง

ไม่ว่าจะเป็นพลังเวทหรือพลังอิทธิฤทธิ์ใด ๆ ภายใต้นิ้วเดียวนี้ ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน

สุดท้ายเหลือเพียงศีรษะ ถูกจักรพรรดิผีกลางจับไว้ในมือ

ส่วนดวงวิญญาณภายใน ก็แตกสลายไปนานแล้ว

เซียวลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนี้ หัวใจของนางก็สั่นสะเทือน

ใต้เท้าจักรพรรดิผีกลางแข็งแกร่งยิ่งนัก!

เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็สังหารประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลโดยไม่ต้องใช้พลังมากนัก

ในเวลานั้น ความว่างเปล่าแตกออก

ราชันฉินกวงปรากฏตัวขึ้น ภายในมือของเขามีศีรษะหลายใบ เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์ที่หลบหนีไป

“นำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นของขวัญแสดงความยินดีในการจัดงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ พวกเขาไม่ได้เชิญพวกเรา การเดินทางไปเช่นนี้ มิใช่ว่าเสียมารยาทหรือ”

เสียงอันแผ่วเบาของจักรพรรดิผีกลางดังขึ้น

เซียวลั่วหลีเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ภายในใจตกตะลึง นำศีรษะของประมุขศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสระดับมหาปราชญ์ไปเป็นของขวัญแสดงความยินดี

ตั้งแต่โบราณกาลมา มีเพียงใต้เท้าจักรพรรดิผีกลางผู้นี้เท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้

………………

ในเวลาเดียวกัน ณ วังสวรรค์

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดหยางเจี่ยน จตุราชันสวรรค์ และนาจากไข่มุกมาร เตรียมตัวเดินทางไปร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์

ส่วนหุ่นเชิดเฟยเผิง คอยดูแลวังสวรรค์

กู้ชิงเฟิงนั้น ออกเดินทางไปก่อนหน้านี้แล้ว

ถูกจี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดหยางเจี่ยนเตะออกไป กล่าวว่าให้เดินทางไปฝึกฝนตนเอง

………………

ณ เทือกเขาทะลวงเมฆา วังอสูร

เบื้องหน้าตำหนักราชาอสูรอันยิ่งใหญ่

เหยาหรูอวี้ยืนอย่างสงบนิ่ง ณ ที่แห่งนี้ กลิ่นอายของนางแข็งแกร่งกว่าเดิม

ความสง่างามดุจราชันเริ่มปรากฏขึ้น

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น

ทันใดนั้นเหยาหรูอวี้ก็มองไปยังต้นเสียง เห็นเพียงร่างเงาเจ็ดร่างอันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง เดินออกมาจากตำหนัก

แต่ละร่าง ล้วนมีแสงเทพล้อมรอบ ปราณอสูรดุจดั่งทะเล ลึกลับยากหยั่งถึง

จากนั้น ร่างสีทองที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดก็ก้มลงมอง นางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“ไปกันเถิด”

“เจ้าค่ะ”

เหยาหรูอวี้โค้งคำนับอย่างเคารพ

ในใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น งานชุมนุมใหญ่หมื่นเผ่าพันธุ์ วังอสูรของพวกเรา มาถึงแล้ว!

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด