บทที่ 70 6000 จิน!
การต่อสู้และเสียงคร่ำครวญระหว่างยอดเขาหวงหยุนและยอดเขาจื่อหยุน
ไม่ได้รบกวนเหล่าชาวนาวิญญาณที่กำลังง่วนกับการทำไร่ไถนาในที่ห่างไกล
เป็นช่วงกลางฤดูร้อน
ที่นั่น กลุ่มชาวนาวิญญาณที่หันหน้าเข้าหาพื้นดิน ยังคงเพียรทำงานอยู่ในท้องนา
ใต้เชิงยอดเขาจื่อหยุน พื้นที่เขียวชอุ่มทอดยาว หลังจากผ่านการระบาดของแมลงครั้งใหญ่ พื้นที่แห่งนี้ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
พวกเขาดูแลดินแดนที่พวกเขาพึ่งพาอาศัยอย่างพิถีพิถันยิ่งกว่าปีที่แล้ว
วัชพืชสักต้นหรือแมลงสักตัวที่ในปีก่อนๆ ไม่ได้ใส่ใจนัก ปีนี้พวกเขากลับจับตามองและกำจัดออกจนหมดสิ้น
ชาวนาวิญญาณยุ่งอยู่กับงานเสมอ มักจะเห็นพวกเขาในทุ่งนา
วันนี้ ประตูบ้านของเฉินโม่เปิดทิ้งไว้ ไม่มีวี่แววของลูกไก่ทั้งสี่ตัวในบ้าน
เดินตามคันนาที่ยาวลึกเข้าไป ในกลิ่นอายของรวงข้าวที่ถูกลมพัดผ่านก็เผยให้เห็นอีกภาพหนึ่ง
ขณะนั้น เฉินโม่ถือเคียวพิเศษในมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งจับรวงข้าวแล้วใช้แรงฟันตัดออกไป จากนั้นจึงวางเรียงไว้อย่างเรียบร้อยบนคันนาข้างหลัง
ที่เท้าของเขา มีเจ้าไก่หัวแข็งและอีกสามตัวกำลังจิกกินเมล็ดข้าวที่หล่นอยู่ในนาอย่างบ้าคลั่ง
ครั้งนี้ พวกมันได้รับอนุญาตจากเฉินโม่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางปล่อยให้พวกมันเข้ามาเก็บเกี่ยวแบบนี้ได้แน่
ไม่นาน ไก่วิญญาณทั้งสามก็กินอิ่มและเริ่มเดินโซเซไปมา ยกเว้นเจ้าไก่หัวแข็งที่ยังคงตามติดเฉินโม่อย่างขยันขันแข็ง
เฉินโม่ฟันรวงข้าวหนึ่งกำ มันก็ก้มจิกกินอย่างเอาเป็นเอาตาย
กินไปกินมา จู่ๆ ก็ถูกเตะจนกระเด็น แต่เจ้าไก่หัวแข็งกลับพลิกตัวกลางอากาศแล้วลงมาสู่พื้นอย่างมั่นคง
การ "โจมตี" แบบไม่คาดคิดเช่นนี้ มันชินแล้ว
แรกๆ เจ้าไก่หัวแข็งยังคงยืนเฉยๆ มองเฉินโม่ด้วยสายตาอาฆาต
แต่ตอนนี้?
ไม่แม้แต่จะหยุดกินข้าววิญญาณ!
ปกติมันเคยกินแต่เปลือกข้าว จะเคยกินของดีแบบนี้ที่ไหน?
แถมยังกินได้ไม่อั้น!
มันจะไม่กินให้ตายไปเลยหรือ?
“กิน กิน กิน! ยังจะกินอีก!”
เฉินโม่เห็นเจ้าไก่หัวแข็งเอาก้นหันไปจิกกินข้าววิญญาณที่หล่นอยู่ในนา ก็โกรธขึ้นมา
ข้าววิญญาณที่หล่นอยู่ในนา ในปีก่อนๆ จะต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย
ปีนี้ เฉินโม่รวยแล้ว แน่นอนว่าไม่สนใจข้าวสักสิบยี่สิบจิน ก็เลยปล่อยให้ลูกไก่ทั้งสี่ตัวเข้ามาในวงเวทย์ภาพลวงตาและจัดการกับข้าวนี้
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังประเมินความจุท้องของเจ้าไก่หัวแข็งต่ำไป!
ลูกไก่อีกสามตัวกินรวมกันแล้วแค่ประมาณหนึ่งหรือสองจิน แต่ตอนนี้เจ้าไก่หัวแข็งตัวเดียวกินไปสามสี่จินแล้ว!
ที่สำคัญ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ข้าว่าต่อไปเจ้าก็อย่าเป็นไก่เลย ไปเป็นหมูเถอะ!”
เฉินโม่ด่าอย่างไม่พอใจ พร้อมทั้งใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
อีกด้านหนึ่ง เจ้าไก่หัวแข็งไม่สนใจเขา วิ่งไปทั่วและกินทุกอย่างรอบตัว ราวกับว่าอยู่ในสวรรค์
ใช้เวลาทั้งวัน ในที่สุดก็เก็บเกี่ยวไร่นาวิญญาณสิบห้าไร่จนเสร็จ ข้าววิญญาณจำนวนมากกองอยู่ในวงเวทย์ภาพลวงตา และขณะนั้นเอง เจ้าไก่หัวแข็งก็กินอิ่มแล้วและเริ่มวิ่งเล่นย่อยอาหาร
เฉินโม่ยืดตัวขึ้นและบิดขี้เกียจ ยืนอยู่ที่เดิมและฝึกวิชาบำรุงพลังเล็กน้อย ความเจ็บปวดในร่างกายก็ค่อยๆ บรรเทาลง
แม้ว่าเขาจะทำไร่มาหลายปี แต่ทุกครั้งที่เก็บเกี่ยวก็ยังต้องใช้พลังและความพยายามมากมาย
ตอนนี้ไร่ข้าวสิบห้าไร่ก็ยังดี ในฐานะผู้ฝึกปราณ วันเดียวก็ทำเสร็จ
แต่ในอนาคตล่ะ?
ห้าสิบไร่ ร้อยไร่ หรือแม้แต่พันไร่ล่ะ?
เฉินโม่รู้ตัวเองดีว่าเป็นแค่ชาวนาปลูกข้าวเลี้ยงไก่ แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ไร่ข้าวสองสามไร่ในปัจจุบัน
เขาต้องการปลูกข้าวให้มากขึ้นเรื่อยๆ เลี้ยงไก่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ...
แต่พลังของคนคนเดียวก็ยังมีจำกัด
“ควรฝึกคาถาที่สามารถแบ่งร่างได้ไหม? หรือควรเรียนรู้วิชากลไกดี?”
ระหว่างพักผ่อน เฉินโม่ก็เริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่ยังห่างไกลจากอนาคต
เขาเหลือบมองไปทางเจ้าไก่หัวแข็งซึ่งกำลังย่อยอาหารเสร็จแล้วและเริ่มกินอีกครั้ง จึงเตะไปหนึ่งที
จากนั้นลูกไก่ก็สยายปีกแล้วบินลงมาที่หน้าประตูบ้านไม้เล็กๆ
“เจ้ากินอีกแล้ว!”
เฉินโม่ค่อยๆ เดินออกมา
เจ้าไก่หัวแข็งหันมามองเขาแวบหนึ่ง แล้ววิ่งปรู๊ดเข้าไปในบ้าน
ตามหลังมัน ลูกไก่อีกสามตัวก็เดินกลับมาอย่างช้าๆ
วันที่สองและวันที่สาม
เฉินโม่ใช้เวลาอีกหนึ่งวันในการนำข้าววิญญาณที่เก็บเกี่ยวมานวดออกจากรวง จากนั้นใช้ฝ่ามือเพลิงอบแห้งเพื่อไล่น้ำออก สุดท้ายจึงบรรจุลงในถุงทีละถุง
กระบวนการเก็บเกี่ยวทั้งหมดใช้เวลาถึงสามวันเต็ม!
ถึงวันที่สี่ เขาเผาตอซังในนา แล้วเปลี่ยนมันเป็นเถ้าหญ้า ก่อนจะโรยลงไปในดิน
พลิกดิน รดน้ำ อีกวันหนึ่งก็ผ่านไป
วันที่ห้า เมล็ดพันธุ์ข้าววิญญาณห้าจินที่เตรียมไว้ก็ถูกหว่านลงไปในดิน และการปลูกข้าวรอบใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง!
“เฮ้อ!”
ในที่สุดหลังจากทำงานในนาเสร็จ เฉินโม่ก็มีเวลามาจัดการข้าววิญญาณที่เก็บเกี่ยวมา
ไร่ข้าววิญญาณสิบห้าไร่ ไร่ละ 400 จิน!
รวมทั้งหมดเก็บเกี่ยวได้ 6000 จิน!
แปลงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ 30 ถุงข้าวที่บรรจุเรียงไว้อย่างแน่นหนา ถุงละ 200 จิน
ตัวเลขมหาศาลนี้ เป็นสิ่งที่ชาวนาวิญญาณในตลาดโบราณกู่เฉินไม่อาจจินตนาการได้!
6000 จิน แถมยังไม่ต้องเสียภาษีด้วย!
ถ้าขายไปก็จะได้หกร้อยตำลึงทรายวิญญาณ ซึ่งเพียงพอให้พวกเขาใช้ชีวิตได้ถึงสิบปีหรือยี่สิบปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับเฉินโม่ที่ได้เห็นความจริงในโลกของผู้ฝึกปราณและไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่นี้ 6000 จินก็แค่หกก้อนหินวิญญาณระดับต่ำเท่านั้น แถมแค่ฝึกวิชาของสำนักชิงหยางขั้นฝึกปราณสิบสองวิชาก็ต้องใช้ห้าก้อนหินวิญญาณระดับต่ำแล้ว!
หินวิญญาณแค่นี้มันจะพอได้ยังไง
เฉินโม่มองถุงข้าวทั้งสามสิบถุง และเกิดปัญหาขึ้น!
ใช่แล้ว รถเข็นเล็กๆ ของเขาครั้งหนึ่งใส่ได้มากสุดแค่สิบถุง จะใส่มากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว
ข้าวเหล่านี้จะขายให้ใคร?
จะขายยังไง?
อยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน ข้าววิญญาณเหล่านี้มาจากไหน?
จะอธิบายยังไง!
จริงๆ แล้ว เฉินโม่ก็สามารถเก็บข้าวเหล่านี้ไว้ก่อนได้ รอจนถึงปลายปีค่อยส่งไปยังตลาดโบราณ ขายให้หลายๆ ร้าน
แต่ตอนนั้นมันจะไม่ใช่แค่สามสิบถุงแล้ว แต่จะกลายเป็นสี่สิบถึงห้าสิบถุง!
อย่างนั้นคงยิ่งยากที่จะจัดการ
“เก็บข้าวมากไปก็เป็นปัญหาเหมือนกันนะ!”
คิดไปคิดมา เฉินโม่ในที่สุดก็นึกถึงสถานีรับซื้อข้าวหนึ่งสองสาม และนึกถึงซ่งหยุนซี!
เขาไปตลาดโบราณกู่เฉินมือเปล่า พอถึงช่วงใกล้เที่ยงเม่ยฮว่าได้นำแหวนเก็บของวงหนึ่งมาด้วยและกลับไปยังไร่ข้าวพร้อมกับเขา
เมื่อเจ้าหน้าที่รับซื้อข้าวของสถานีรับซื้อข้าวเห็นข้าววิญญาณจำนวนมากในบ้าน ซึ่งอาจมีถึง 6000 จิน เขาก็ตกตะลึง
“นี่...นี่เจ้าปลูกเอง…”
เม่ยฮว่าตาโตขึ้น มองเฉินโม่อย่างไม่เชื่อ
แม้แต่พูดก็ยังติดๆ ขัดๆ
“ชู่ว!”
เฉินโม่ทำท่าทางให้เงียบ
เม่ยฮว่ามีสีหน้าแปลกๆ แต่ก็ยังทำตามคำขอของอีกฝ่าย นำข้าวสามสิบถุงใส่เข้าไปในแหวนเก็บของ
ระหว่างทางมา เขาได้ถามแล้ว
นี่มันยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวพวกนี้มาจากไหน?
แต่อีกฝ่ายก็ทำท่าลึกลับตลอดเวลา ใช้แค่คำว่า "ถึงแล้วค่อยบอก!" มาตอบเลี่ยงเขา
จะเลี่ยงก็เลี่ยงไปเถอะ
เม่ยฮว่าคิดว่าแค่ไม่กี่ร้อยจินเท่านั้น
ต่อให้จินตนาการไปไกลแค่ไหน ก็รับไม่ได้ว่ามีถึง 6000 จิน!
(จบบท)
(*จากผู้แปล*ตอนนี้ทางผู้เขียนได้เปลี่ยนน้ำหนักเป็น จิน แทนนะครับในอนาคตถ้าใช้ยาวเดี๋ยวจะกลับไปแก้ไขตอนเก่าๆ)