ตอนที่ 24 : ไพ่
.
เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันถึงใช้คำว่า "ก็ด้วย"?
.
เฉินเยี่ยนก็คือเฉินเยี่ยน ไม่ใช่อย่างอื่นที่สวมผิวหนังของเขา เฉินหลิงมั่นใจได้ในเรื่องนี้
ตอนที่โลกสีเทามาบรรจบ "ผู้ชม" กับตัวเขาก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว...ส่วนภัยพิบัติอีกตัวที่ปรากฏขึ้น เป็นเพราะหลอมรวมกับมนุษย์ไม่ได้ใช่มั้ย ถึงได้บ้าคลั่งแบบนั้น?
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเฉินหลิง...ข้อเท็จจริงเป็นยังไง มีเพียงต้องถามเจ้าตัวเท่านั้น
ขณะที่เฉินหลิงลังเลที่จะเคาะประตู ประตูก็เปิดจากด้านใน
“พี่” เฉินเยี่ยนขยี้ตา “พี่ทำอะไรอยู่?”
“...ฉันมีอะไรจะถามนายนิดหน่อยน่ะ”
เฉินเยี่ยนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาเหลือบมองห้องของฉู่มู่อวิ๋นที่อยู่ตรงข้าม ก่อนจะดึงเฉินหลิงเข้าห้อง แล้วปิดประตู
“อาเยี่ยน ฉันขอถามแบบตรงๆ เลยนะ” เฉินหลิงมองเข้าไปในดวงตาเฉินเยี่ยนอย่างจริงจัง “เหตุการณ์นองเลือดบนถนนปิงฉวน...นายเป็นคนทำใช่มั้ย?”
ตัวของเฉินเยี่ยนสั่นระริก เมื่อเห็นเครื่องรางในมือเฉินหลิง เขาก้มหัวลงอย่างเงียบ ๆ
“...อืม”
เมื่อเห็นเฉินเยี่ยนยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เฉินหลิงที่กำลังจะโน้มน้าวเขาต่อ พลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ใช่นายจริงๆ เหรอ?” เฉินหลิงถามย้ำอีกครั้ง “ถ้างั้น นายเองก็หลอมรวมเข้ากับภัยพิบัติด้วยเหรอ?”
“...ผมไม่รู้ ตอนที่ผมตื่น ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว”
“นายก็สูญเสียความทรงจำ?”
“อืม”
เฉินหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะไม่โกหกเขา แม้เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม...เขาเดินทางข้ามกาลเวลามาอย่างอธิบายไม่ได้ และมี "ผู้ชม" อยู่ในตัวก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน พอตื่นขึ้นมา เขาก็กลับมาที่บ้านแล้ว
“แต่สถานที่ที่โลกสีเทามาบรรจบกันอยู่ที่ภูเขาด้านหลังไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นนายยังอยู่ในการผ่าตัด…ทำไมถึงได้รับผลกระทบ?”
“ผมไม่รู้” เฉินเยี่ยนส่ายหัวอีกครั้ง “ผมจำได้ว่าหมอฉีดยาชาให้ผม แต่พอตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็อยู่ที่ถนนปิงฉวนแล้ว...ผมกลัวมาก เลยซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง ต่อมาผมก็เห็นพี่คลานออกมาจากสัตว์ประหลาด...”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินหลิงจึงเชื่อมโยงเหตุและผลเข้าด้วยกัน
แต่เพราะอะไร ทำไมเฉินเยี่ยนถึงได้รับผลกระทบจากโลกสีเทา ยังคงเป็นปัญหา...เป็นไปได้มั้ยว่า หลังจากภัยพิบัติบุกเข้าไปในเขตสอง ก็บังเอิญพบกับเฉินเยี่ยนบนเตียงผ่าตัด?
แล้วก็หลอมรวมกัน?
เฉินหลิงไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการ "หลอมรวม" นี้นัก และไม่สามารถคิดอะไรออกไม่ว่าจะคิดหนักแค่ไหนก็ตาม
“เข้าใจแล้ว”
เฉินหลิงพยักหน้า “ช่วงนี้นายต้องอยู่บ้าน ห้ามออกไปไหน เข้าใจมั้ย? ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เฉินเยี่ยนลังเลที่จะพูด
“ทำไมล่ะ?”
“ผม...ผม เดิมทีผมอยากไปหาพ่อกับแม่…”
เฉินหลิงตกตะลึง หลังจากเงียบไปนาน เขาก็พูดขึ้นเบาๆ “รอให้พี่หลุดจากข้อสงสัยก่อน สถานการณ์สงบกว่านี้ พี่จะพานายไปพบพวกเขาอีกครั้ง โอเคมั้ย?”
"โอเคครับ" เฉินเยี่ยนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ช่วงนี้อยู่ห่างจากฉู่มู่อวิ๋นคนนั้นหน่อย อย่าให้เขาสัมผัสตัวนาย และคุยกับเขาให้น้อยลง”
“ได้ครับ”
“ถ้าหานเหมิงมาหานายอีก แล้วถามคำถาม นายก็ตอบตามนั้น...”
"ได้ครับ"
หลังจากที่เฉินหลิงพูดจบเขาก็หันหลังกลับ
.
เฉินเยี่ยนปิดประตูห้องเบา ๆ เขากลับไปที่เตียงไม้กระดาน แล้วนอนลง...
.
เขาหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง ในดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขา มีเงาสะท้อนของแสงออโรร่าสีน้ำเงินบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ที่ปลายท้องฟ้า แสงสีแดงก็ส่องขึ้นมาเล็กน้อยราวกับดวงดาวที่มีลักษณะเหมือนชาด
"เอาอีกแล้ว” เฉินเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง
เมื่อดวงดาวสีชาดสว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็ปรากฏถนนที่เสมือนความฝันขยายจากความว่างเปล่า จนถึงข้างเตียงของเฉินเยี่ยน...ถนนเส้นนั้นลอยแกว่งไกวมาระหว่างดวงดาวกับเขาราวกับริบบิ้นกำลังพลิ้วไหวตามสายลม
เฉินเยี่ยนนอนอยู่บนเตียง เฝ้าดูเส้นทางสู่เทพเจ้าด้วยความสงบ กิ่งมะกอกที่เทพเจ้าโยนให้เขายังอยู่ตรงนั้น
ครู่ต่อมา เขาก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไปคว้าริบบิ้นที่เหมือนมี เหมือนไม่มีนั่น...
หลังจากนั้น
ก็ฉีกทึ้งมันเป็นชิ้นๆ !
ปัง -
เสียงอันแผ่วเบา ดังก้องอยู่ในหูของเฉินเยี่ยน
เส้นทางสู่เทพเจ้าถูกบดขยี้ด้วยมือเดียวของเขา กลายเป็นฝุ่นผงปลิวไปบนท้องฟ้า และหายไปในความว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกัน หินที่มีลักษณะคล้ายดาวสีชาดบนขอบฟ้า พลันจางลงอย่างรวดเร็ว
เขาปฏิเสธความโปรดปรานของทวยเทพ
เฉินเยี่ยนกางฝ่ามือออก เศษเสี้ยวของเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าหัวแม่มือของเขานอนเงียบๆ บนฝ่ามือมันเหมือนคริสตัลสีชาด
เขาเปิดลิ้นชักข้างเตียงด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นโยนมันเข้าไปข้างในแล้วปิดและล็อกมันไว้
ในลิ้นชักอันมืดมิด
มีคริสตัลสีชาดที่เหมือนกันมากกว่าสามสิบอันข้างใน ส่องแสงแวววาววิบวับ
.
……
.
เช้าตรู่
.
เฉินหลิงตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำ
.
วันนี้ไม่มี "คนใจดี" จ่ายค่าโดยสารให้เขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินเท้าไปที่ถนนปิงฉวน ต้องใช้เวลามากกว่าสี่ชั่วโมงในการเดินไป ดังนั้นเขาจึงต้องตื่นเช้าและกลับมาช้ากว่าผู้คุมกฎที่นั่งสำรองคนอื่นๆ
แต่เขาต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นฉู่มู่อวิ๋นตื่นเร็วกว่าเขาเสียอีก
เมื่อเฉินหลิงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก็เห็นฉู่มู่อวิ๋นสวมเสื้อเชิ้ตลำลองทับด้วยเสื้อกั๊กถัก นั่งตะแคงข้างโต๊ะ ในมือถือหนังสือทางการแพทย์โบราณราวกับว่าเขากำลังศึกษาอะไรบางอย่างจริงจัง มือดันแว่นตาขึ้นเป็นครั้งคราว
นี่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ผุพังและมีลมลอดผ่าน แต่เหมือนว่าเขานั่งอยู่ในร้านกาแฟหรูหราในเมืองออโรร่าเสียมากกว่า
เมื่อเห็นเฉินหลิงตื่นแล้ว เขาก็วางหนังสือลงแล้วรอยยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
"อรุณสวัสดิ์ครับ”
เฉินหลิงตอบอย่างสบายๆ แล้วรีบออกไปที่ร้านอาหารเช้าของลุงจ้าว ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อรับประทานอาหาร
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขา "แจ้งข่าว" กับลุงจ้าว เขารู้สึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจะไปเยี่ยมพวกเขาทุกเช้า เพื่อเพิ่มงานให้ลุงจ้าวนิดหน่อย... สำหรับจ้าวอี่ เขาถูกลุงจ้าวสั่งห้าม เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว และวันนี้เขายังอยู่ที่ร้านไม่ได้ออกไปไหน
หลังจากที่เฉินหลิงจากไป ฉู่มู่อวิ๋นก็ค่อยๆ วางหนังสือลง
เขายืนขึ้น เดินตรงไปที่ห้องของเฉินหลิง ฝ่าเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นเก่าๆ แต่กลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อย...เหมือนกับผี
ฉู่มู่อวิ๋นเดินไปที่ข้างเตียงของเฉินหลิง ดวงตาด้านหลังเลนส์หรี่ลงเล็กน้อย
เขาสวมถุงมือสีขาว หยิบแหนบออกจากกระเป๋า คีบเส้นผมสองสามเส้นบนหมอนและเศษผิวหนังเล็กๆ ใส่ลงในขวดเปล่าสีน้ำตาล
หลังจากทำทั้งหมดนี้ เขาได้ออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ โบกมือเบาๆ สายลมพัดผ่านพื้น รอยเท้าที่เขาทิ้งไว้ก็ถูกลบจนหมด
เขาไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่เดินตรงออกจากบ้าน เดินไปตามถนนหลายสายก่อนจะมาถึงทางเข้าร้านอาหารโทรมๆ
.
กรุ๊งกริ๊งง——
.
ขณะที่เขาผลักเปิดประตูร้าน เสียงกริ่งที่ชัดเจนดังขึ้น
“คุณต้องการซื้ออะไรคะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ถามอย่างสบายๆ และหาวอย่างเกียจคร้าน
“ซื้อความหวังอันริบหรี่”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ดวงตาของหญิงสาวพลันแข็งค้าง
ความเกียจคร้านเดิมหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยดวงตาเย็นชาเฉียบคมคู่หนึ่ง เธอจ้องมองฉู่มู่อวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดช้าๆ
"โปรดแสดงตัวตนของคุณ"
ฉู่มู่อวิ๋นเพียงยกปลายนิ้วขึ้น ไพ่สีขาวก็ปรากฏบนฝ่ามือเขาราวกับเวทมนตร์ เขาคว่ำมันลงบนโต๊ะ
ผู้หญิงคนนั้นพลิกไพ่
.
[ 7 ออฟ สเปดส์ ]
.
"รหัสผ่าน" เธอพูดอีกครั้ง
.
ฉู่มู่อวิ๋นพูดอย่างใจเย็น
.
"อารยธรรมของมนุษย์..."
.
"มันจะไม่มีวันดับสูญ"
.
.