บทที่ 2 โชคชะตาที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้โชคร้ายของทั้งครอบครัว
บทที่ 2 โชคชะตาที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้โชคร้ายของทั้งครอบครัว
สวี่ซื่อใจว้าวุ่นจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถึงกับรู้สึกสับสนอยู่บ้าง
เธออยากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงอื่นของสามีให้ชัดเจน แต่ลูกสาวของเธอยังเด็กมาก เสียงในใจของลูกยังไม่ชัดเจน แถมความคิดของลูกสาวก็พลิกผันไปมา เธอทำได้เพียงพยายามหาสิ่งที่มีประโยชน์จากสิ่งที่ได้ยิน
วันนี้แทบจะลบล้างความเข้าใจทั้งหมดของเธอ
ลูกสาวของเธอเกิดมาแล้วถูกบีบคอ และเธอสามารถได้ยินเสียงในใจของลูก
และ…
สามีของเธอกำลังรอให้หญิงอื่นคลอดลูก!
สวี่ซื่อหัวใจสั่นกลัว ตั้งแต่แต่งงานเข้ามาในบ้านของตระกูลลู่มาเป็นสิบปี เธอไม่เคยทะเลาะกับสามีเลยสักครั้ง ไม่เคยมีความขัดแย้งใด ๆ
เธอเคยคิดว่าตัวเองได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก
แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็ได้รู้ว่าเขามีหญิงอื่น สิ่งแรกที่เธอคิดคือการปฏิเสธ
สามีที่เคยเห็นเธอเป็นดวงใจ กำลังหลอกลวงเธออย่างนั้นหรือ? “คุณนาย เป็นอะไรไปคะ? หนาวเหรอคะ ทำไมตัวถึงสั่นขนาดนี้” เติงจือหันมองไปรอบ ๆ หน้าต่างและประตูต่างก็ปิดแน่น ไม่ได้มีลมรั่วเข้ามาเลย
ริมฝีปากของสวี่ซื่อสั่นระริก เธอกลั้นอารมณ์ไว้แล้วพูดว่า “ไปตามแม่นมมาป้อนนมลูกที”
แม่นมเป็นสิ่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า มีทั้งหมดสามคน
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เมื่อเอาเด็กไปดูดนม เด็กเพียงแค่ลืมตาขึ้นมองครั้งหนึ่ง แล้วก็อาเจียนออกมาอย่างแรง
ทั้งอาเจียน ทั้งไอ
จนทำให้แม่นมสามคนตกใจจนต้องคุกเข่าลงบนพื้น
“คุณนาย คงไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่คุณหนูไม่ยอมกินนมจากพวกข้า” แม่นมตกใจจนเหงื่อเต็มหน้าผาก
เธอไม่เพียงแค่ไม่ยอมกินนม แม้แต่นมที่เผลอกลืนเข้าไปก็ยังอาเจียนออกมาทั้งหมด
【ฮือ ฮือ ฮือ...】
【แค่ก แค่ก... ฉันไม่อยากกินนมคน... อยากกินนมแพะหรือวัวแทน】ลู่เชาเชาร้องไห้อย่างขมขื่น แต่ในดวงตาของเธอกลับไม่มีน้ำตาเลย
สวี่ซื่อลองถามว่า “ลองเอานมแพะหรือนมวัวมาทดลองดูไหม?” ในบ้านมีนมแพะอยู่เสมอ หลังจากดับกลิ่นสาบแล้วรสชาติก็ไม่เลว
เติงจือรีบสั่งคนรับใช้ไปเตรียม
ไม่นาน เด็กถูกพาไปยังห้องแยก
สาวใช้เข้ามารายงานว่า “คุณหนูดื่มนมไปสิบกว่าช้อน กินไปก็หลับไป ตอนนี้หลับแล้วค่ะ”
สวี่ซื่อรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
เด็กถูกพากลับมาที่ห้องนอนของเธออีกครั้ง เธอไม่กล้าให้เด็กอยู่ห่างสายตา
ลู่เชาเชาหาวแล้ว
ตอนนี้เธอยังเป็นเด็กทารก และเพิ่งผ่านความยากลำบากมา ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
ปากของเธอพ่นฟองน้ำลายออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว
“เติงจือ ฉันเชื่อใจได้แค่เธอเท่านั้น” สวี่ซื่อนั่งอยู่ที่หน้าเตียง สีหน้าของเธอแสดงถึงความสับสนอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่อยากสงสัยในตัวสามี
แต่วันนี้ที่ได้ยินเสียงในใจของลูกสาว ทำให้เธอกล้าที่จะทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
“คุณนายเป็นอะไรไปคะ?” เติงจือรู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นสาวใช้ที่ติดตามมาจากบ้านเดิม ความสัมพันธ์กับคุณนายก็แน่นแฟ้นมาก
“เธอหาใครสักคนที่เชื่อถือได้สองคน ไปที่ซอยชิงอวี่…” สวี่ซื่อพูดด้วยน้ำเสียงยากลำบาก
“ไปที่ซอยชิงอวี่ แล้วสืบดูว่าท่านลู่...อยู่ที่นั่นหรือไม่” สวี่ซื่อพูดทีละคำ ราวกับใช้พลังงานทั้งหมดในร่างกายไปกับคำพูดนี้
หัวใจของเติงจือเต้นแรงขึ้น
เธอเปิดประตูห้อง มองซ้ายขวา แล้วพูดว่า “เจวี๋ยเซี่ยะ อิ้งเสวี่ย พวกเธอเฝ้าหน้าประตูไว้ ห้ามให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด”
สาวใช้เหล่านี้ถูกพามาจากบ้านเดิมของคุณนาย สัญญาทาสและพ่อแม่ของพวกเธอก็อยู่ในมือของคุณนาย
“ค่ะ”
เติงจือรีบปิดประตู แล้วเดินอย่างรวดเร็วไปยังคุณนาย “ทำไมคุณนายถึงสงสัยท่านลู่คะ? หรือว่ามีอะไรผิดปกติ?” เติงจือรู้สึกกังวล
คุณนายมีใจให้กับตระกูลลู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เกือบทุกความคิดของเธอก็เกี่ยวกับท่านลู่และตระกูลลู่
อาจกล่าวได้ว่า ท่านลู่คือชีวิตครึ่งหนึ่งของเธอ
สวี่ซื่อค่อย ๆ ส่ายหัว “อย่าส่งเสียงดัง อย่าให้ใครรู้” สวี่ซื่อบีบเสื้ออย่างแน่นหนา ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“คุณนายไม่ต้องห่วง บ่าวจะปลอมตัวและนำคนไปดูด้วยตนเอง” เติงจือรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรง จึงรีบให้คนเข้ามาเพื่อรับใช้คุณนาย ส่วนตัวเองรีบออกจากบ้านทันที
สวี่ซื่อนั่งอยู่ที่เดิมจนถึงตอนเย็น โดยไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ จากลู่หยวนเจ๋อ
หัวใจของเธอยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
“แม่...แม่ ลูกกลับมาแล้ว แม่ น้องสาวอยู่ไหน?” มีเสียงเชียร์ดังมาจากด้านนอก เด็กชายคนหนึ่งพุ่งเข้าประตูราวกับลูกกระสุน
“คุณชายสาม ระวังหน่อยค่ะ อย่าให้ล้มนะ คุณหนูยังนอนอยู่ อย่าไปปลุกน้องนะคะ” เจวี๋ยเซี่ยะดึงเด็กชายไว้
ลู่หยวนเซียวอายุแปดปีในปีนี้ เขาเกิดในเทศกาลหยวนเซียว รูปร่างอวบอ้วน ดูเหมือนลูกหยวนเซียว
นิสัยของเขาค่อนข้างซน ไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบกินดื่ม
ฮูหยินผู้กล้าหาญตำหนิเขาไม่หยุด
ลู่หยวนเซียวรีบเอามือปิดปาก พูดด้วยเสียงเบา “งั้นข้าจะเบาเสียงลงก็แล้วกัน น้องสาวของข้าอยู่ไหน?”
อิ้งเสวี่ยยิ้มแล้วชี้ไปที่เปลในห้องแยก
“แม่ ท่านเหนื่อยมากเลยหรือ? ทำไมท่านดูซีดเซียวจัง?” ลู่หยวนเซียวถึงแม้จะอายุเพียงแปดปี แต่เขาก็เป็นเด็กที่รักและห่วงใยแม่มาก
สวี่ซื่อพยายามซ่อนความอ่อนเพลีย “วันนี้แม่เหนื่อยมาก แต่พักผ่อนก็จะหาย เจ้าไปเรียนมาแล้วทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?”
สวี่ซื่อเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าหนีเรียนมาอีกแล้วใช่ไหม?”
ลู่หยวนเซียวหัวเราะ “ยังไงท่านย่าก็ปกป้องข้า พ่อก็ไม่กล้าตีข้าอยู่ดี...ข้าไม่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาโดนตีหลายครั้งเพราะไม่อ่านหนังสือ
สวี่ซื่อถึงกับมีกล้ามเนื้อปูดขึ้นที่ขมับ
เธอแสดงความกังวลออกมา “หยวนเซียว เจ้าน่าจะลองโตขึ้นบ้าง บางทีพ่อของเจ้าอาจจะ...รักเจ้ามากขึ้นหน่อยก็ได้นะ?” ในใจของสวี่ซื่อยังคงมีความหวังอยู่บ้าง
ลู่หยวนเซียวหันไปพูดว่า “ไม่อ่านหนังสือ ยังไงก็ไม่อ่าน!” การอ่านหนังสือ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
สวี่ซื่อถอนหายใจเบา ๆ
ลู่หยวนเซียวเดินไปยังห้องแยก เขาเอนตัวลงที่ข้างเตียง แล้วนำใบหน้ากลมอ้วนของเขาไปใกล้กับใบหน้าของลู่เชาเชา
ลู่เชาเชาสะดุ้ง
【อ๊า นี่ท่านพี่สามจอมบ่นของข้า...】
【หน้าตาดูทึ่มๆ แต่ก็น่ารักแฮะ】
ลู่หยวนเซียวถึงกับหยุดนิ่งไป
เขาหันไปมองข้างหลัง แม่ของเขายืนอยู่ไกลเกินไป เด็กก็ยังเล็ก และไม่ได้ยิน
ลู่หยวนเซียวลูบจมูก มองไปที่น้องสาวของเขา
อา ท่านพี่เป็นผู้ถูกเลือกจากสวรรค์แน่ๆ
เขาเหมือนจะได้ยินเสียงในใจของน้องสาว! ลู่หยวนเซียวรู้สึกยินดีมาก
【ข้าสงสารท่านพี่สามของข้าจริง ๆ ชีวิตของท่านพี่สามช่างน่าอนาถ...】
【ตั้งแต่เด็กก็ถูกคนชักนำไปในทางที่ผิด ถูกตามใจจนเสีย ไม่ชอบอ่านหนังสือ...เป็นคนโง่ที่ทำให้พ่อที่ไม่ดีของเราไม่พอใจและทำให้บ้านของเราเสียชื่อเสียง】
【ทั้ง ๆ ที่เป็นลูกของตระกูลใหญ่ แต่กลับไม่รู้หนังสือสักตัวเดียว ทำให้ทุกคนในเมืองหลวงอับอาย】
【เฮ้อ ท่านพี่สามดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสุดท้ายถึงได้ตายอย่างน่าสลดใจขนาดนั้น...】
ลู่หยวนเซียวถึงกับตัวสั่น ฉันตายอย่างอนาถเหรอ? 【เขาถูกคนอื่นดึงลิ้นออก ตัดหู ตัดปากและจมูก แขนขาถูกตัดออก ถูกใส่ลงในไหใหญ่กลายเป็นมนุษย์ปิศาจ! ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร...】พี่ชายทั้งสามของลู่เชาเชาล้วนมีจุดจบที่น่าอนาถยิ่งขึ้นทีละคน
ลู่เชาเชามองเขาอย่างเศร้าสร้อย ตั้งแต่เด็กก็ดูโง่เขลา แล้วยังโดนวางแผนจนเสียชีวิตอีก
ลู่หยวนเซียวกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
“เป็นอะไรไป?” สวี่ซื่อหันไปมองลูกชายในห้องแยก
ลู่หยวนเซียวอ้าปากแล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ข้า...ข้า ข้าจะกลับห้อง”
เขามองไปยังสายตาที่ไม่เข้าใจของสวี่ซื่อ น้ำตาเต็มตา เขากำหมัดอ้วนเล็กๆ “ข้า ข้าจะกลับไปอ่านหนังสือ ข้าจะกลับไปอ่านหนังสือจนหมด!”
ฮือ ฮือ ฮือ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน ชีวิตของข้ามันน่าสงสารจริง ๆ!!
เด็กอ้วนร้องไห้ออกมาดังลั่น แล้ววิ่งออกไปทั้งน้ำตา