ตอนที่ 561ค่ายทหาร (ฟรี)
(ัวันนี้ตอนนี้เดียวนะครับ สองวันมานี้งานหลักเยอะมาก จนแปลไม่ทันอภัยด้วยครับ)
“รองผู้บัญชาการทหารได้รับเงินเดือน 2,500 ทมิฬ และได้รับชาประกายแสง 3 กิโลกรัมต่อเดือน”
มู่เหลียงเคาะนิ้วกับแขนเก้าอี้ และพูดต่อ
“สำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการป้อมปราการทั้งสาม ได้รับเงินเดือน 1,500 ทมิฬ และได้ชาประกายแสงหนึ่งกิโลครึ่งต่อเดือน และสิทธิ์พิเศษอื่นๆ ฉินหลานจัดการให้ทีนะ”
“ได้ค่ะ”
หยู่ฉินหลานตอบด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“มีอะไรจะถามอีกไหม”
มู่เหลียงถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินยูตอนนั้นเองก็ถามขึ้น
“หากฉันเป็นรองผู้บัญชาการทหาร แล้วใครคือผู้บัญชาการใหญ่ค่ะ”
“ฉันเอง”
มู่เหลียงตอบอย่างสุขุม
ฉินยูแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะพอเข้าใจทุกอย่างได้
หากเมืองเต่าทมิฬเปรียบเสมือนสัตว์อสูร กองกำลังทหารและกองกำลังปกป้องเต่าทมิฬก็เปรียบดังเขี้ยวเล็บ ทำให้ผู้บัญชากองทัพก็ไม่ต่างจากส่วนหัวที่ค่อยสั่งการสัตว์อสูร
“ทั้งสองสามารถย้ายมาอยู่ในเนินสูงได้ และจะมีที่พักส่วนตัวของตัวเอง”
มู่เหลียงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น
“จริงๆ แล้ว ที่อยู่เดิมก็ดีมากแล้วค่ะ”
ต้าอ้านตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ใช่ค่ะ”
ฉินยูพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อได้ยินแบบนั้นหยู่ฉินหลานเลยแนะนำเล็กน้อย
“ถ้าขึ้นมาอาศัยบนเนินสูง จะสามารถไปกินอาหารที่โรงอาหารได้ในราคาหนึ่งทมิฬต่อมื้อเท่านั้น อีกทั้งทุกเช้าเรามีมื้อเช้าให้กินโดยไม่คิดเงินอีกด้วย”
“?! ถ้าแบบนั้นฉันขอย้ายมาอยู่บนเนินสูงดีกว่าค่ะ”
ต้าอ้านเปลี่ยนใจทันที
ตอนที่เธอมาถึงเนินสูงครั้งแรก เธอได้ไปกินอาหารที่โรงอาหาร ซึ่งมันเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา
ฉินยูมองต้าอ้านด้วยสีหน้าแปลกใจ อะไรทำให้ต้าอ้านเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้
“งั้นให้พวกเธอพักอยู่ที่ปีกขวาของตำหนักแล้วกัน อยู่ถัดจากห้องของฮู่เตียน”
หยู่ฉินหลานพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“แบบนั้นก็ได้”
มู่เหลียงพยักหน้า
“เอ๋? อยู่ที่ตำหนักนี้งั้นหรอ”
ต้าอ้านอุทานด้วยความตกใจ
“ที่จริงพวกเธอสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ที่ชั้นห้าหรือชั้นหกของเนินสูง อยากเปลี่ยนไหม?”
หยู่ฉินหลานถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“อะแฮ่ม..ขออยู่ที่ห้องปีกขวาของตำหนักก็ได้ค่ะ”
ต้าอ้านยิ้มอย่างเขินๆ และตอบกลับไป
ระหว่างนั้นมู่เหลียงเองก็มองต้าอ้านอย่างสนใจ
การถูกมู่เหลียงมองทำให้ต้าอ้านใจเต้นรัว และคิดว่าเจ้าเมืองกำลังสนใจเธออย่างงั้นหรอ?
“ฉินหลาน ไปเอาผลมะเฟืองมาให้เธอสิ”
แล้วอยู่ๆ มู่เหลียงก็พูดขึ้น
“ได้”
หยู่ฉินหลานไม่ถามเหตุผล เธอลุกขึ้นและเดินออกไปทันที
“ผลมะเฟือง…มันคือะไรหรอท่าน”
ต้าอ้านกระพริบตาถามด้วยความสงสัย
มู่เหลียงนั่งกุมคางและพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม
“เธอติดอยู่ในขั้นพลังนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
“…สามปีแล้วค่ะ”
ต้าอ้านถอนหายใจหลังจากตอบ
“ระดับพลังไม่เพิ่มขึ้นเลยตลอดสามปีงั้นหรอ หรือว่าเธอไม่รีบที่จะทะลวงขั้นพลัง”
มู่เหลียงยิ้มเล็กๆ ขึ้นที่มุมปากก่อนที่จะถามออกไป
“ฉันเองก็อยากทะลวงขั้นพลังต่อไป แต่มันไม่มีหนทางที่จะทะลวงขั้นพลังได้อีกแล้ว”
ต้าอ้านก้มหน้าลงและตอบอย่างสิ้นหวัง
“ลองกินยาเสริมพลังรึยัง”
มู่เหลียงถามอีกครั้ง
“เคยแล้วค่ะท่าน แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรมาก”
ต้าอ้านตอบด้วยความลำบากใจ
“ถ้างั้นลองกินผลมะเฟืองก่อน อาจจะได้ผล”
มู่เหลียงตอบเบาๆ
ปึง
ประตูห้องถูกเปิดออก แล้วหยู่ฉินหลานก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานที่ใส่ผลมะเฟืองหั่นเป็นแว่นๆ
“ลองกินดูชิ้นหนึ่ง”
มู่เหลียงผายมือออกไปเป็นการบอกให้ต้าอ้านหยิบขึ้นมากิน
ต้าอ้านดูลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปหยิบผลมะเฟืองที่หั่นแล้วมาชิ้นหนึ่ง
ต้าอ้านเห็นเนื้อของผลมะเฟืองนั้นมีจุดเล็กๆ ที่เป็นประกายเหมือนกับดวงดาวบนผลมะเฟือง มันยิ่งทำให้เธอสงสัย
ก่อนที่เธอจะกินเข้าไปทั้งชิ้น เมื่อเริ่มเคี้ยวก็มีรสขมเล็กน้อยก่อนที่จะตามมาด้วยรสหวานฉ่ำ รสมันเหมือนกับชาประกายแสงที่เข้มข้นมากๆ
“อร่อย”
แววตาของต้าอ้านเป็นประกายขึ้นหลังจากที่กินเข้าไปหนึ่งชิ้น
เมื่อผลมะเฟืองลงสู่ท้องของต้าอ้าน ร่างกายของเธอก็เริ่มดูดซับสารอาหารจากผลมะเฟืองทันที
แม้ว่ามันจะไม่แสดงผลอย่างชัดเจน แต่มันก็ได้ทำให้ต้าอ้านประหลาดใจ เธอรู้สึกถึงแรงสั่นไหวเล็กๆ ในตัวเหมือนกับขอบเขตพลังของเธอกำลังเพิ่มขึ้น
“เหมือนว่าจะได้ผล”
มู่เหลียงพูดอย่างสบายใจ
“ใช่ค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกับขอบเขตพลังกำลังแตกร้าว”
ต้าอ้านตอบอย่างประหลาดใจ
“มันได้ผลดีขนาดนั้นเลยหรอ”
ฉินยูมองต้าอ้านด้วยแววตาที่สนใจ
เธอเองก็ติดอยู่ในขั้น 8 ระดับกลางมานานแล้วเหมือนกัน
“ถ้าหากได้กินผลมะเฟืงอสักสองลูก ฉันมั่นใจว่าฉันจะทะลวงขั้นพลังต่อไปได้”
ต้าอ้านเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าเธอยอมทำพันธะสัญญากับฉัน เธอจะสามารถกินมันได้ทุกวัน”
มู่เหลียงตอบอย่างใจเย็น
หากยอมทำพันธะสัญญานางพญาจะถือว่าได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง และสิ่งที่จะได้ตอบแทนก็คือการได้เพลิดเพลินกับผลมะเฟืองเท่าไหร่ก็ได้
“พันธะสัญญาณอะไรหรอท่าน?”
ต้าอ้านกับฉินยูที่ได้ยินก็ถึงกับสับสน
“เอาไว้ฉันจะอธิบายภายหลัง”
มู่เหลียงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ค่ะ”
ต้าอ้านมองดูผลมะเฟืองในจานที่เหลือด้วยแววตาที่ปรารถนา
“ฉินยู งานแรกของเธอคือการฝึกและเกณฑ์ทหารเพื่อรับมือกับคลื่นภูติจันทรุปราคาที่จะมาในอนาคต”
มู่เหลียงพูดและหันไปมองทางฉินยู
คำพูดนี้ทำให้หัวใจของฉินยูสั่นไหว และสีหน้าของเธอก็จริงจังขึ้น
เธอตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าจะฆ่าพวกผีมายาให้ได้ 35,000 ตัวเพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับชาวเมืองแห่งขุนเขาที่เสียชีวิตไป
เมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ เธอก็เริ่มคิดที่จะฝึกฝนและจริงจังกับการคัดสรรคนทันที
“ท่านเจ้าเมือง…พวกองครักษ์และหัวหน้าทหารของเมืองแห่งขุนเขาที่รอดมาฉันขอให้ประจำในกองทัพได้ไหมค่ะ”
ฉินยูถามขึ้น
“ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านบททดสอบได้ ก็สามารถเป็นทหารของกองทัพได้”
มู่เหลียงตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่….ฉันเองก็ไม่ได้หวังให้มีเพียงกองกำลังเดียวในกองทัพหรอกนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉินยูตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอาล่ะ..พวกเธอไปพักผ่อนกันได้ พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มเกณฑ์ทหารใหม่”
มู่เหลียงโบกมือ
“ค่ะ”
ฉินยูขานรับ
“ตามฉันมา….ฉันจะพาไปที่ห้องพักของพวกเธอ”
หยู่ฉินหลานลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบผลมะเฟืองขึ้นมากิน 1 ชิ้นและเก็บจานออกไป
สายตาของต้าอ้านมองด้วยความอิจฉา และลุกตามไปอย่างรวดเร็ว
มู่เหลียงเองก็ลุกออกจากห้องรับรองเหมือนกัน และออกไปนอกตำหนักก่อนที่เขาจะเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า มุ่งตรงไปยังกำแพงเมืองฝั่งหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น มู่เหลียงก็มาถึงกำแพงเมืองซึ่งห่างจากถนนการค้า 3 กิโลเมตร
พื้นที่แถวนี้ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ถูกสงวนเก็บเอาไว้ใช้งาน
มู่เหลียงค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้นดินก่อนที่จะส่งกระแสจิตไปหาเต่าทมิฬน้อย
เขาต้องการที่จะสร้างค่ายทหารขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีดินและหินจำนวนมาก
ตูม!!
แล้วในตอนนั้นเอง ดินและหินจำนวนมากก็ไหลลงมาจากท้องฟ้าตกลงรอบๆ จุดที่มู่เหลียงยืนอยู่
เมื่อหินและดินตกลงมาจากท้องฟ้ามันได้กองสูงเป็นพะเนินถึง 5 เมตร
“อย่างแรกสร้างกำแพงก่อน”
มู่เหลียงยกมือขึ้นโบกสะบัด
แล้วกองดินและหินก็ได้ก่อรูปเป็นกำแพงสูง 30 เมตรและกว้างถึง 8 เมตร หลังจากนั้นมู่เหลียงก็ได้บีบอัดกำแพงให้แน่นขึ้นจาก 8 เมตรเหลือแค่ 4 เมตรทำให้กำแพงนั้นแข็งแรงมากขึ้น
“ต่อไปก็หอพัก”
มู่เหลียงโบกมืออีกครั้ง
ทำให้กองดินและหินก่อร่างสร้างตัวเป็นอาคารสูง 6 ชั้น และสามารถรองรับคนได้ถึงหมื่นคน
ในตอนนี้เขามีโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดแล้ว ส่วนเรื่องระบบน้ำและตกแต่งจะให้คนงานเข้ามาจัดการภายหลัง
หลังจากที่ได้หอพักแล้วต่อไปก็คือสนามฝึก
มู่เหลียงกระทืบเท้าลงไปที่พื้นดิน ทำให้พื้นดินรอบๆสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่มันจะอัดแน่นขึ้นและแข็งราวกับเหล็กกล้า ในพริบตาเดียวผืนดินกว้างใหญ่ก็ราบเรียบกลายเป็นลานกว้างสำหรับให้ทหารฝึกฝน
“เท่านี้ก็เกือบเสร็จแล้ว”
มู่เหลียงมองรอบๆ อย่างครุ่นคิดก่อนที่เขาจะหันไปทางกำแพงเมืองและสร้างบันไดลงมาจากกำแพงเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกำลังพลระหว่างป้อมปราการกับค่ายทหาร
และหลังจากนั้นมู่เหลียงก็ได้สร้างหอคอยขึ้นมาอีก 8 แห่งล้อมรอบค่ายทหาร
เพราะค่ายทหารนั้นถือว่าเป็นพื้นที่หวงห้ามและห้ามคนภายนอกเข้าออกโดยเด็ดขาด
“ก็ประมาณนี้แหละ”
มู่เหลียงปัดมือเล็กน้อยและมองดูทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ หลังจากนี้ก็เพียงแค่รอรับทหารใหม่เท่านั้น