ตอนที่ 3 สไตรค์พุ่งทะยาน
ทะลุมาโลกยุคกลางข้ามีตัวช่วย
ตอนที่ 3 สไตรค์พุ่งทะยาน
“มันไม่ใช่ภาพลวงตา ข้อความนี้ปรากฏต่อหน้าต่อตาฉัน พอถอดหมวกกันน็อคฉันก็มองไม่เห็น”
“แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ที่หน้าหมวกกันน็อคไม่มีหน้ากากหรือแว่นตาอะไรสักหน่อย ตัวเลขนับถอยหลังนี่โผล่มาได้ยังไง? เทคโนโลยีโฮโลแกรมหรอ? แต่ฉันไม่เห็นเครื่องฉายภาพเลย”
เฉินหยานตรวจสอบหมวกกันน็อคไปหลายจุดและหลายรอบ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ซึ่งทำให้หัวใจของเขารู้สึกคันยุกยิกราวกับแมวข่วน
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมเป็นคนเดียวที่ต้องทนทุกข์”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉินหยานก็โทรหาเพื่อนสนิทของเขาซู รั่วเฟิงทันทีโดยบอกว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและขอให้เพื่อนมาช่วยโดยเร็ว
ซู รั่วเฟิง ไม่สงสัยเลยเพื่อนเขาเลย เขารีบไปที่บ้านของเฉิน หยาง
“เกิดอะไรขึ้น? นายโทรตามเร่งฉันให้มาเร็วขนาดนี้ ฉันยังไม่ได้เซ็ตผมก่อนด้วยซ้ำ”
ทันทีที่เขาเข้าไปในประตูซู รั่วเฟิง ก็เริ่มพึมพำ เขาเป็นคนใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองมาก การออกไปข้างนอกโดยไม่จัดทรงผมถือเป็นเรื่องทรมานสำหรับเขา
“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่…อ๊ะไม่สิ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่! มันเป็นเรื่องใหญ่ของแทร่!”
เฉินหยานมองไปทางซู รั่วเฟิง ที่กำลังพับแขนเสื้อขึ้นเลยรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
แล้วเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“นี่นายกำลังบอกว่านายเพิ่งคลิกลิงก์จองเกม แล้วหมวกกันน็อคก็ถูกส่งมาที่หน้าประตูบ้านนาย และพอนายลองสวมมัน มันแสดงเวลานับถอยหลังสู่โคล์สเบต้าหรอ?” ซู รั่วเฟิงสรุปจากคำของเพื่อนง่ายๆ
“ใช่ และเกมนี้เรียกอีกอย่างว่าเกมเสมือนจริง” เฉินหยานพยักหน้า
“แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่เป็นการถ่ายคลิปแกล้งโง่ๆ อ่ะ?”
ซู รั่วเฟิง มองไปรอบๆ พยายามค้นหากล้องที่ซ่อนอยู่
“ฉันแน่ใจ ถ้าฉันโกหกนาย ฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับซันจิ่วตลอดชีวิต!”
“อืม โอเค ตอนนี้ฉันเชื่อนายก็ได้”
เขารู้ตำแหน่งซันจิ่วในใจของเฉินหยาน และในเวลานี้โดยพื้นฐานแล้วเขาเชื่อในสิ่งที่เพื่อนเขาพูด
“แล้วหมวกกันน็อคที่ว่าล่ะ? ฉันอยากลองใส่หน่อย”
“เดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอามันให้นายเลย” หลังจากที่เฉินหยานเข้าไปในห้องและหยิบหมวกกันน็อค เขาก็ยื่นมันให้ซู รัวเฟิง และเฝ้าดูเขาสวมมัน
“นายแน่ใจหรือว่าว่าสามารถเห็นเวลานับถอยหลังหลังจากสวมใส่แล้ว ทำไมฉันถึงไม่เห็นอะไรเลย” ซู รั่วเฟิง ถอดหมวกกันน็อคออกแล้วถามอย่างสงสัย
“เป็นไปได้ยังไง? ฉันเห็นมันจริงๆ นะ” เฉินหยานคว้าหมวกแล้วสวมใส่ตัวเอง ข้อความและการนับถอยหลังปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าหมวกใบนี้จะผูกติดกับบุคคล และมีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่มองเห็นได้ แต่ผู้ผลิตไปเอาข้อมูลร่างกายของนายมาจากไหน?” ซู รั่วเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ฉันพอเดาได้ว่าจะต้องไปส่งพัสดุไปที่ไหนและสามารถอธิบายที่อยู่ได้ผ่านการคลิกที่ลิงค์ พวกนั้นก็จะรู้ที่อยู่ IP ของเรา แต่ระบบผูกมัดตัวบุคคลนี้เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย”
“แล้วนายจะเอาไงดี โทรแจ้งตำรวจไหม?”
“แล้วนายจะบอกตำรวจว่าอะไรหะ? ที่บอกว่าคลิกลิงค์จองเกมแล้วไม่เพียงแต่ไม่มีการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังได้หมวกกันน็อคมาฟรีๆ อีกด้วยเนี่ยนะ” เฉินหยานกลอกตาแล้วพูด
“มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น หมวกใบนี้ผูกมัดไว้กับตัวบุคคล คนอื่นๆ จะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยถ้าพวกเขาสวมมัน พวกเขาจะไม่เชื่อสิ่งที่นายพูดอย่างแน่นอน”
“ลืมมันซะ เรามาจัดการกันเองกันเองดีกว่า อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้เราก็จะได้รู้แล้วว่าเกมนี้เกี่ยวกับอะไรแน่” เฉินหยานพูดด้วยความไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
"นั่นคือทั้งหมดที่เราทำได้ในตอนนี้ ฉันจะกลับไปถ้าไม่มีอะไรที่ฉันทำได้อีก แชร์ลิงก์นี้ให้ฉันหน่อยแล้วกัน แล้วฉันจะลองจองดู"
“ไม่มีปัญหา บังเอิญมีกล้องอยู่หน้าประตูบ้านนาย แล้วเราจะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนส่งพัสดุนี่มา”
หลังจากที่เฉินหยานส่งซู รั่วเฟิงกลับไป เขาก็หยิบหมวกกันน็อคสำหรับเล่นเกมขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันหวังว่าพรุ่งนี้แกจะทำให้ฉันประหลาดใจได้”
"อะมาจิ๊!" (อร่อย!)
“กินช้าๆ ก็ได้ไม่มีใครแย่งเธอ”
ไรอันยกอมาคาจิขึ้น และทั้งตัวของมันแทบจะจมลงไปในชามข้าว
“ดูสิว่า อมาคาจิอร่อยแค่ไหน ดูเหมือนว่าอาหารนี้มีรสชาติดี นายไม่อยากลองจริงๆ เหรอ?” ไรอันมองไปที่สไตรค์แล้วพูด
“สไตค์!”สไตรค์ หันหัวของเขาอย่างเหยียดหยาม
“ฉันรู้ว่านายไม่สบายใจ ที่พ่อของฉันพานิโดคิงไปต่อต้านกระแสสัตว์ร้ายเท่านั้น แล้วเขาก็ทิ้งนายไว้ในดินแดน นายคงรู้สึกว่านายถูกทิ้งใช่ไหม?”
“สไตค์!” (เปล่า!)
“นายก็รู้นี่ว่านายไม่ได้ถูกทอดทิ้ง พ่อของฉันทิ้งนายไว้ในดินแดนเพื่อจัดการกับปลาที่หลุดออกจากอวน จะมีโปเกมอนบางตัวที่ทะลุผ่านการป้องกันอยู่เสมอ” ไรอันพูดขณะที่เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาสไตรค์
“ปรากฎว่าพ่อเขาก็พูดถูกใช่ไหมล่ะ หากไม่มีนาย ดินแดนของเราจะไม่รอดเหมือนที่บ้านถูกทำลายไปแค่สองสามหลัง”
“สไตค์?” สไตรค์มองไรอันที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยความสับสน ในความรู้สึกนี้ นายน้อยคนนี้กลัวพวกเขามาโดยตลอดและไม่เคยกล้าเข้าใกล้พวกเขาขนาดนี้
“พ่อของฉันหายตัวไปและทุกคนก็ต่างเศร้า แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราอ่อนแอลง พ่อของฉันฝากนายไว้ที่นี่ตั้งแต่แรกเพียงเพื่อให้นายจะได้ปกป้องดินแดนที่เขาทุ่มเทความพยายามนับครั้งไม่ถ้วน”
ไรอันพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้น้ำเสียงของเขาดูมีสเน่ห์มากที่สุด
“แต่ถ้านายยังเป็นอยู่แบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการปกป้องดินแดน คงจะดีถ้านายไม่ถ่วงความเจริญของดินแดน นี่นายสมควรได้รับความไว้วางใจจากพ่อฉันที่มีในตัวนายหรือเปล่า? หรือนายกลัวกระแสสัตว์ร้ายจนหัวหมดและยอมมุดหัวอยู่ที่นี่และรอความตาย?” - -
“สไตค์!”สไตรค์ เงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธและจ้องเขม็งไปที่ไรอัน
แต่ไรอันก็ไม่ได้กลัวเลย กลับเข้าใกล้สไตรค์มากขึ้น
“อะไร? สิ่งที่ฉันพูดไม่เป็นความจริงเหรอ? ตอนนี้นายไม่ยอมกินด้วยซ้ำ ไม่ใช่นายอยากอยากอดตายเพื่อหนีจากเรื่องทั้งหมดนี้หรือไง?”
ไรอันวางมือบนไหล่ของสไตรค์
“แม้แต่คนขี้ขลาดอย่างฉันที่กลัวนายมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังสามารถรวมกำลังใจใหม่เพื่อประโยชน์ของดินแดนได้ หากพวกนั้นโผล่มาหานาย นายจะทำยังไง หลบหนีหรอ?”
สไตรค์มองดูมือบนไหล่ของเขา และความโกรธของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
แม้ว่ามันไม่ได้โตมากับการมองดูไรอันเหมือนนิโดคิง แต่มันก็อยู่กับไรอันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงรู้โดยธรรมชาติว่า ไรอันกลัวพวกเขาแค่ไหน
แต่ตอนนี้ไรอันกล้าที่จะติดต่อพวกเขาเพื่อสืบต่อดินแดน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อหัวใจของเขา
“อีกอย่าง พ่อเพิ่งหายตัวไป ถ้าวันหนึ่งเขากลับมา เขาจะต้องผิดหวังมากที่เห็นนายเป็นแบบนี้” ไรอันค่อยๆ ลดเสียงลง
“อย่าทรยศความไว้วางใจของพ่อมีต่อนายสิ ปลุกปั่นกำลังใจอีกครั้งและปกป้องดินแดนนี้ร่วมกับฉัน โอเคไหม?”
แล้วไรอันก็ดันอาหารไปข้างหน้า
สไตรค์มองดูอาหารตรงหน้าเขา จากนั้นมองดูใบหน้าของไรอันที่คล้ายกับหน้าพ่อของเขา และในที่สุดก็ก้มศีรษะลงและเริ่มกิน
ไรอันมองดูสไตรค์ที่กำลังกินอยู่ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย
สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปนั้นออกจะรุนแรงไปหน่อย และรู้สึกเหมือนเป็นแก๊งค์ลักพาตัวทางศีลธรรมไปด้วย
แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ดินแดนตอนนี้อยู่ในซากปรักหักพังและรอการพัฒนาขึ้นใหม่ และพลังการต่อสู้ของสไตรค์ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตัวละครของมันหยิ่งเกินไป ไม่ว่าคุณจะพูดคำดีๆ สักกี่คำ มันก็ไร้ประโยชน์ คุณทำได้แค่ใช้คำพูดเหล่านี้เพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของมันเท่านั้น
“นายน้อย คุณไวท์บอกว่าเขามีเรื่องจะรายงานท่าน ตอนนี้เขากำลังรอท่านอยู่ในห้องสมุด”
“ข้ารู้แล้ว ไปกันเถอะ อมาคาจิปล่อยให้สไตรค์อยู่ตัวเดียวไปก่อนนะ”
ว่าแล้วไรอันก็อุ้มอมาคาจิขึ้นมาแล้วกลับไปห้องสมุด
“นายน้อยไรอัน นับรวมบ้านเรือนในอาณาเขตได้รับความเสียหาย บ้านจำนวน 28 หลังได้รับความเสียหายสาหัส โดยพื้นฐานแล้วมันไม่สามารถอยู่อาศัยได้ และยังมีบ้านเกือบร้อยหลังที่ต้องซ่อมแซม แต่ตอนนี้ในดินแดนของเราเหลือไม้ไม่มากนัก”
ทันทีที่เขาเข้าไป ไวท์ก็เริ่มรายงานสถานการณ์
“และเมื่อเราพึ่งผ่านวิกฤตกระแสสัตว์ร้ายมา เพื่อที่จะได้รับมุมมองที่ดีขึ้นยังควรสร้างป้อมปราการ ท่านอาจารย์นอร์ดสั่งให้ตัดต้นไม้ทั้งหมดรอบๆ อาณาเขต ตอนนี้ถ้าท่านต้องการตัดไม้ คุณสามารถเข้าไปในป่าหิ่งห้อยเท่านั้น แต่เนื่องจากคนในทีมตัดไม้กลัวพวก Warcraft พวกเขายอมถูกลงทัณฑ์มากกว่าจะเข้าป่า ท่านคิดว่าตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อดี?”
“ช่วยไม่ได้ถ้าพวกเขาไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป กระแสสัตว์ร้ายเพิ่งจบไป และถึงไป หัวใจของคนพวกนั้นก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ดี ไม่ต้องออกแรงมากนักแล้วละเว้นโทษไป เมื่อไม้มาถึงก็แค่ให้พวกเขาช่วยกันสร้างบ้านกันก็พอ”
“ส่วนปัญหาเรื่องไม้ ข้าจะจัดการเอง ท่านไปเตรียมพาเลทสองสามชุดเพื่อขนย้ายไม้ก็พอ ข้าจะใช้มันพรุ่งนี้” ไรอันสั่ง
"ขอรับ ข้าจะไปเตรียมของให้พร้อมเดี๋ยวนี้"
หลังจากที่ไวท์จากไป ไรอันก็มองดูลวดลายบนหลังมือของเขา
“นี่ไม่ใช่ภารกิจเริ่มต้นของผู้เล่นหรอกหรือ ในเมื่อคนพื้นเมืองกลัวโปเกมอน
แต่พวกผู้เล่นคงไม่กลัว แค่ปล่อยให้พวกเขาได้เห็นความมหัศจรรย์ของโปเกมอนก็พอ”
“ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราต้องการแค่สายลมตะวันออก หวังว่าผู้ที่จองไว้สามารถออนไลน์ได้พรุ่งนี้”
ไรอันกำลังรอคอยวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ
___________________________
นิโดคิง