ตอนที่แล้วแสงสว่างแห่งจิตใจ (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปแสงสว่างแห่งจิตใจ (10)

แสงสว่างแห่งจิตใจ (9)


[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]

<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 43>

5. แสงสว่างแห่งจิตใจ (9)

******

วงล้อแห่งกาลเวลาหมุนเวียนไปอย่างไม่สิ้นสุด

ใบไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศไม่เคยตกลงสู่พื้น

หากเวลาเป็นนิรันดร์ การนับวันก็ไร้ความหมาย

ตลอดทั้งวัน อารอนแทงและเหวี่ยงหอกสีเงินของเขา

แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เขายังคงสิ้นหวังในความอ่อนแอของตนเองและกระหายพลังอย่างไม่รู้จบ

เขาต้องการพลังเพื่ออะไรกันแน่?

เพื่อช่วยนีน่า พี่ชาย เพื่อนร่วมทีม และอาจารย์ของเขา?

หรือเพื่อหลุดพ้นจากความสัมพันธ์เหล่านั้น?

"ความฝันที่บริสุทธิ์จะไม่ถูกพันธนาการด้วยสิ่งใด"

เงาสีแดงกระซิบ

หากอารอนยอมรับความฝัน เขาจะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป

การยึดติดกับความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเครื่องพิสูจน์ความอ่อนแอ

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการบิน

สัตว์ป่าอยากบินไปบนฟ้า เพื่อไม่ต้องถูกพันธนาการด้วยสิ่งใดบนพื้นดิน

นกไม่จำเป็นต้องกลัวสัตว์นักล่าที่คลานอยู่บนพื้น

ไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับที่ที่มันอยู่

แค่โบยบินไปก็พอ

"นายก็ควรทำเช่นนั้น"

เงาสีแดงกล่าว

"จงบิน บินให้สูงกว่าใครๆ เมื่อขึ้นไปถึงสุดขอบฟ้า นายรู้ไหมว่านายจะเห็นอะไร?"

สิ่งที่เขาเคยครุ่นคิด

มันจะดูเล็กน้อยและไร้ค่า

จากมุมมองของจักรวาล ชีวิตและความตายของมนุษย์ก็เหมือนกับแมลงตัวเล็กๆตัวหนึ่ง

"ความแข็งแกร่งที่บริสุทธิ์"

ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าทุกสิ่ง

ก้าวข้ามความผูกพัน จิตใจ และอารมณ์ทั้งปวง หลุดพ้นจากความทุกข์

และพบเจอกับความสงบอย่างแท้จริง

"..."

อารอนเหลือบมองไปด้านข้าง

เงาสีแดงหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน

'มันขวางทาง หายไปสักที'

เขายังแข็งแกร่งไม่พอ

'ความสงบอย่างแท้จริง? ความแข็งแกร่งที่ไม่ถูกพันธนาการ?'

เหลวไหล

"มันเป็นแค่การหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง"

อารอนพึมพำ

"เพราะอ่อนแอ เพราะไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะความยากลำบาก เลยทำเป็นไม่เป็นไร"

อารอนนึกถึงคำพูดของเด็กหนุ่ม

สถานะเช่นนั้นเรียกว่า

"ชัยชนะทางจิตใจที่ไร้ค่า"

ทำเป็นเก่ง

ทำเป็นไม่เป็นไร

แต่เอาปลอบใจตัวเองไม่รู้จบว่าตัวเองไม่เป็นไร

"นั่นคือการหลีกหนี"

จะพยายามไปทำไม ในเมื่อยังไงก็ทำไม่ได้ ?

ทำได้แต่เยาะเย้ยตัวเอง

เยาะเย้ยว่ามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก ทั้งที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับความยากลำบาก ได้แต่หลบหนี

'แต่ครั้งนี้มันจะแตกต่างออกไป'

การหลบหนีครั้งเดียวนั้นเพียงพอแล้ว

ตอนที่เขาทิ้งนีน่าที่กำลังจะตายและหนีไปคนเดียว

ความเสียใจนั้นได้วันเวียนในใจอารอนจนถึงตอนนี้

ตั้งแต่นั้นมา อารอนก็มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น

ดูสิ

เงาสีแดงหายไปอย่างไร้ร่องรอย

มันเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากจิตใจที่อ่อนแอ

'เขาจะแข็งแกร่งขึ้น'

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้

อย่างน้อย... ก็ต้องแข็งแกร่งเท่าผู้ชายคนนั้น

เขาต้องแข็งแกร่งให้เท่ากับชายคนนั้นที่ก้าวข้ามความฝันของเขาด้วยดาบเล่มเดียว

ถ้าทำไม่ได้ ก็ควรตายไปซะดีกว่า

อารอนสะสมกรรม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาใช้กรรมจำนวนมากไปกับการฝึกฝนทักษะเป็นระยะๆ

แต่เขาก็ยังคงสะสมกรรมต่อไปเรื่อยๆ

ยังไงเสีย อารอนก็ไม่มีพรสวรรค์

เขาต้องชนะด้วยพลังที่เหนือกว่า แทนที่จะใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพ

เขาจะทำอะไรได้บ้าง?

บางที ต่อให้เขาแข็งแกร่งเท่าผู้ชายคนนั้น เขาก็อาจจะทำอะไรไม่ได้

แม้แต่เหล่าฮีโร่ในเนลม์ไฮมฟ์ก็คิดว่ามันยาก

แต่เขาจะไม่หนี

เขาไม่ถอยกลับเหมือนเมื่อก่อน แม้จะมองไม่เห็นทาง

'ถ้าเชื่อมั่นในพี่ชาย'

เขาก็ต้องเชื่อว่าฮานจะเอาชนะวิกฤตนี้ได้

เพียงแต่ ในตอนนั้น เขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน

อารอนใช้ช่วงเวลาอันเป็นนิรันดร์เพื่อรอคอยโอกาสเพียงครั้งเดียว

'ถ้าฉันเชื่อมั่นในอาจารย์'

เขาต้องมีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างแน่นอน

ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม

.

.

.

.

วู้ม!

เงาที่ปกคลุมปลายหอกนั้นเข้มขึ้น

หอกสีดำสนิทเต็มไปด้วยน้ำหนักแห่งกาลเวลา

การโจมตีครั้งเดียวที่สามารถฉีกและตัดผ่านกำแพงมิติได้

นี่คือเงาแห่งจันทราที่แท้จริงอย่างที่อาจารย์บอก

ตอนนี้ไม่มีอะไรที่หอกของอารอนทะลวงไปไม่ได้

"จงบินขึ้นไป"

เงาสีแดงกล่าว

"หลุดพ้นจากความสกปรกของมนุษย์ที่พันธนาการเจ้า"

เงาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

อารอนมองไม่เห็นทางด้านขวาของเขาอีกต่อไป

เพราะเมื่อเขามองไปทางขวา โลกทั้งใบก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง

.

.

.

.

มีเสียงเตือนดังขึ้นในใจ

อารอนเพิกเฉยและสะสมกรรมต่อไป

ในขณะที่เขาเรียนรู้วิธีใช้กรรมต่างๆ เขาก็ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงง่ายๆ สองสามข้อที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน

ข้อแรก

อาจารย์เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

หลังจากที่อารอนสะสมกรรมจนถึงขีดจำกัด เขาจึงเข้าใจว่าเด็กชายตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใด

ตอนนี้มองย้อนกลับไป เขาเข้าใจแล้ว

เขารู้สึกได้จากคลื่นพลังที่เงาของเด็กชายปลดปล่อยออกมา

แจกันแห่งจิตใจของอาจารย์ร้าวไปแล้ว

ไม่ว่าจะเทน้ำลงไปเท่าไหร่ น้ำก็จะรั่วไหลออกไปเรื่อยๆ

แม้ว่าเขาจะออกจากลัวนาน การหายไปของอาจารย์ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

'หมอคนนั้นบอกว่าอาการนั้นรักษาได้….แต่เธอคิดผิด'

เธอบอกว่าเด็กชายสามารถฟื้นตัวได้เมื่อเขาออกไปจากที่นี่ แต่นั่นเป็นไปไม่ได้

อาจารย์จะหายไปในไม่ช้า

ไม่ว่าโมเบียสจะล่มสลายหรือไม่ก็ตาม

ข้อสอง

ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีทาง

มีทางเดียว

มีวิธีรักษาจิตใจที่แตกสลายของเด็กชาย

"..."

อะไรกันนะ…

เมื่อเขารวมข้อเท็จจริงสองข้อเข้าด้วยกัน เขาก็ได้ข้อสรุปง่ายๆ

เขาไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น

เขาก็แค่ฝากอนาคตไว้กับคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา

นั่นก็เป็นความแข็งแกร่งเช่นกัน

อารอนลืมตาขึ้น

บางที เขาอาจจะมาที่นี่เพื่อสิ่งนี้ก็ได้

"เป็นอิสระ"

เงาสีแดงพูด

ตอนนี้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหน

ทุกที่ที่เขามองเป็นสีแดง

‘จนกว่าจะถึงตอนนั้น……’

เขาแค่ต้องอดทน

.

.

.

.

วันหนึ่ง อารอนยืนอยู่หน้าสุสาน

มีหลุมศพนับไม่ถ้วนที่ไม่มีชื่อเรียงรายอยู่

"...."

ไม่มีอะไรเขียนบนหลุมศพ

มันเป็นเรื่องธรรมดา

ตามคำอธิบายของเด็กชาย เจ้าของหลุมฝังศพเหล่านี้สูญเสียตัวตนไปแล้ว

พวกเขาลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นใคร แล้วพวกเขาจะเขียนอะไรลงไป

‘คนที่ฝังอยู่ที่นี่คงมีชะตากรรมคล้ายๆ อารอน’

อารอนคิด

คนที่มายังสถานที่แห่งนี้ล้วนป่วยเป็นโรคทางจิตใจ

เด็กชายพูดหลายครั้งแล้ว

โรคทางจิตใจนั้นไม่สามรถหายได้ง่ายๆ

มันกัดกินหัวใจและกัดกินจิตใจของคนๆนั้นจนกว่าเขาจะตาย

ถ้าอารอนไม่มาที่นี่ เขาคงเป็นแบบนั้น

เขาคงจะตายจากความเครียดที่ไม่จำเป็นในสนามรบ

โรคทางจิตใจ

คำสาปแห่งความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นแม้หลังความตาย

พวกเขาแต่ละคนคงมีเหตุผลของตัวเอง

‘อาจารย์พยายามรักษามันหรือเปล่า’

แม้ว่าเขาจะบังคับให้พวกเขากลับมา พวกเขาก็จะหลงทางและตาย

ไม่มีทางอื่นนอกจากรวบรวมพวกเขา

พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย

‘เกิดอะไรขึ้นที่นี่?’

เด็กชายคิดอะไรในขณะที่หลุมฝังศพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้ไม่มีใครรู้

แม้แต่เด็กชายเอง

‘ถ้าเป็นอารอน อารอนจะทำได้ไหม?’

เขาจะสามารถดึงความทรงจำที่ฝังอยู่ในความหลงลืมได้หรือไม่

มันเป็นไปได้ด้วยพลังแห่งกรรม

เขามีเวลาเหลือเฟือ

ถ้าเขาไม่มีพลังมากพอ เขาสามารถดึงมันขึ้นมาได้มากเท่าที่เขาต้องการ

ดังนั้น อารอนจึงลงมือทำ

นี่คือโลกที่หยุดนิ่ง

เขาได้รวบรวมความทรงจำของผู้ถูกลืมเลือนตลอดช่วงเวลาแห่งนิรันดร์

แม้ว่าโลกจะลบการมีอยู่ของพวกเขาไปแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถทำลายร่องรอยทั้งหมดได้

ไม่สามารถลบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาได้

มันทำได้เพียงลบความทรงจำเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนแห่งความทรงจำนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อารอนไม่สนใจ

เพราะเวลาไม่มีความหมายในสถานที่แห่งนี้

.

.

.

.

"ชื่อของคนนี้คือ..."

หลุมศพที่มุมสุสาน

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง อารอนก็เริ่มแกะสลักลงบนหินด้วยหอกของเขา

ชื่อและนามสกุล

เขาเขียนเรื่องราวของเจ้าของลงไป

ใบหอกที่ปกคลุมไปด้วยเงาตัดผ่านหินอ่อนราวกับว่ามันเป็นเต้าหู้

"เอาล่ะ"

เสร็จสมบูรณ์

หลุมศพมีเจ้าของเป็นครั้งแรก

ในที่สุดเขาก็สามารถยืนยันได้

ผู้ชาย

เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์

เด็กหนุ่มคนนั้นก็เรียกอาจารย์แบบนี้เช่นกัน

<อาจารย์!>

ดูเหมือนเขาจะมีบุคลิกที่ร่าเริง

ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกันมากกว่าอาจารย์กับลูกศิษย์

ดูเหมือนพวกเขาจะเข้ากันได้ดี แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันเล็กน้อยก็ตาม

แต่

<...ขอโทษนะครับ>

ลูกศิษย์คนนั้นกล่าวขอโทษ

<ขอโทษที่ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของอาจารย์ได้>

<....>

<ท้ายที่สุด ผมก็ทำไม่ได้เหมือนอาจารย์>

อาจารย์ไม่พูดอะไร

การประมวลผลเสร็จสิ้นแล้ว

มีรูขนาดใหญ่ที่หน้าอกของศิษย์

แม้ว่าจะไม่มีเลือดออก แต่บางอย่างก็รั่วไหลออกมาทางช่องว่างนั้น

<ขอโทษนะครับ>

ด้วยคำพูดนั้น ศิษย์ก็หายตัวไป

นี่คือความทรงจำที่ฝังอยู่ในหลุมศพนี้

"...."

หลังจากเวลาผ่านไป

อารอนพบความทรงจำของหลุมศพที่สอง

ชายหนุ่มผู้มีสายตาแน่วแน่เรียกเด็กชายว่า

<อาจารย์>

เขาเป็นคนประเภทที่ลงมือทำก่อนพูด

แทบไม่มีการสนทนาระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์

ความเงียบคือชีวิตประจำวันของพวกเขา

<....>

ถึงกระนั้น พวกเขาก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน

<ได้โปรดยกโทษให้ผมที่โง่เขลา ...>

ชายหนุ่มหายตัวไป

อาจารย์มองดูศิษย์ของเขาโดยไม่พูดอะไร

‘เจอแล้ว’

ขาเป็นคนแบบไหน?

เขาแบ่งปันความทรงจำแบบใดกับอาจารย์?

อารอนเขียนชีวประวัติของพวกเขาลงบนหลุมศพด้วยหอกในมือ

<อาจารย์>

<อาจารย์!>

<อาจารย์>

ทุกคนเรียกเด็กชายว่าอาจารย์

ในตอนแรก พวกเขามีอคติต่อรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์และคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา แต่ในที่สุดทุกคนก็เรียกเด็กชายว่าอาจารย์

คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ป่วยที่เป็นโรคทางจิตใจ

แต่เมื่อพวกเขาได้พบกับเด็กชาย พวกเขาก็ตระหนักถึงความเจ็บป่วย เข้าใจจิตใจ และมีเวลาไตร่ตรองกับตัวเอง

แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาโรคได้

ท้ายที่สุด พวกเขาก็ไม่สามารถรักษามันได้

‘ถ้าพวกเขารักษาตัวเองได้ พวกเขาคงไม่มาที่นี่’

มีข้อยกเว้น

อารอนนึกถึงชายชื่อซาจิน

ชายคนหนึ่งที่พบคำตอบของเขาเองและออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างปลอดภัย

การมีชีวิตอยู่ของเขาคงเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับอาจารย์

‘แล้วอารอนล่ะ?’

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

เขาไม่รู้ว่าอาจารย์จะจำเขาได้อย่างไร

"...."

อารอนจารึกชีวประวัติอย่างขยันขันแข็งบนศิลาหลุมศพ

"เป็นอิสระ"

เขายังคงได้ยินเสียง

"เป็นอิสระ"

ตอนนี้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงเงาได้

ทุกที่ที่เขามองเห็นเป็นสีแดง

แม้ว่าเขาจะหลับตา มันก็ยังเป็นสีแดง

‘ไม่เป็นไร’

แสงสว่างในใจเขายังไม่ดับ

"เป็นอิสระ"

จนกว่าจะถึงตอนนั้น

"เป็นอิสระ"

เขาไม่ถูกกิน

"เป็นอิสระ"

"...."

มันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

‘อาจารย์….สุดยอดมากเลย’

จิตใจของเขาต้องเข้มแข็งขนาดไหนจึงจะไม่ยอมจำนนต่อเสียงกระซิบนี้?

มี ‘ลูกศิษย์’ กี่คนที่ยอมจำนนต่อเงาสีแดง

ถึงกระนั้น มีเพียงเด็กชายคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาสติไว้ได้

ความสามารถในการจัดการกับกรรมก็เป็นพรสวรรค์เช่นกัน

กึก

กึก กึก

ปลายหอกตัดผ่านหินอ่อนขณะที่มันเคลื่อนไป

เรื่องราวของอีกคนถูกเขียนขึ้นที่นี่

ทีละคน

ทีละคนอีกครั้ง

เมื่อบันทึกเสร็จสิ้น เขาก็ใส่เงานั้นลงในหลุมศพ

เพื่อให้ความทรงจำที่ถูกลืมของเด็กชายฟื้นคืนชีพ

อารอนใช้เวลาบันทึกไดอารี่ของทุกคน

และเขาก็พาพวกเขากลับมา

อาจารย์จะไม่ต้องหลงทางอีกต่อไป

‘อีกครั้ง’

ทิวทัศน์เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ทุ่งหญ้าสีสนธยาที่เขาเคยเห็น

ใบไม้ที่หยุดนิ่งกลางอากาศเริ่มร่วงหล่น

เวลาได้เริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้งเเล้ว….

"...."

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด