ตอนที่แล้วบทที่ 639 สมบัติของเผ่ามังกร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 641 นักดาบ แม่ชีเต๋า และคนนอกรีต!

(ฟรี) บทที่ 640 ผู้นำนิกายคนนี้มีวิถีเป็นของตน!


“มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

ดวงตาของเทพมังกรเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน

เขาเห็นมงกุฎสามแฉกนอนอยู่เงียบๆบนฝ่ามือของเหลิงอู่เหยียนโดยไม่มีสัญญาณของการต่อต้านแม้แต่น้อย

มงกุฎเทพมังกรเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่ามังกร และยังเป็นมรดกจากเจตจำนงแห่งบรรพชนมังกรอีกด้วย

ไม่ต้องพูดถึงคนนอก แม้แต่ชางหลานอู่จี๋ ผู้นำคนปัจจุบันของเผ่ามังกรก็ไม่สามารถควบคุมมันได้

หลี่หรานมีปราณมังกรแท้จริง ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่มงกุฎจะยอมรับเขา

แต่แล้วสตรีนางนี้ล่ะ?

นางไม่มีทั้งสายเลือดมังกรและปราณมังกรแท้จริง แต่นางกลับสามารถปราบปรามมงกุฎได้ด้วยร่างกายของมนุษย์ธรรมดา?

เทพมังกรไม่อาจทำความเข้าใจได้

“แม้ว่าข้าจะร่วงหล่นและพลังของมงกุฎก็ค่อยๆเสื่อมถอยลงทุกวัน แต่มันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”

เหลิงอู่เหยียนไม่ได้พูดอะไร เพียงใช้มืออันเรียวยาวของนางเล่นกับมงกุฎ

มงกุฏสามแฉกราวกับตายไปแล้วโดยไม่มีการตอบสนองใดๆ

แต่เทพมังกรสัมผัสได้ว่ามันมีการต่อต้านอยู่ตลอดเวลา แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับกำราบมันไว้

“เจ้าเป็นใครกันแน่” เทพมังกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม

วิถีถูกตัดขาดและพลังวิญญาณก็บางเบา แล้วจะมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?

เป็นไปได้ไหมว่ามันคือหมากของบรรพบุรุษแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์?

เหนือกำเนิดสวรรค์ห้ามมิให้เข้ามายังดินแดนอันกว้างใหญ่ ดังนั้นนอกจากการที่บรรพบุรุษแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์กระทำด้วยตนเองแล้ว เทพมังกรไม่อาจคิดถึงความเป็นไปได้อื่นใดอีก

‘บางทีตั้งแต่การปรากฏตัวของหลี่หรานมันก็อยู่ในแผนการของบรรพบุรุษแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด?’

‘จุดประสงค์คือการทำลายดินแดนรกร้างโลหิตจนหมดสิ้น?’

เทพมังกรรู้สึกหวาดกลัวเมื่อคิดอย่างรอบคอบ และยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งดูเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

มิฉะนั้น ผู้ทรงพลังมากมายจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน ณ ที่แห่งเดียวในดินแดนอันกว้างใหญ่ได้อย่างไร?

เหลิงอู่เหยียนมองดูเขาก่อนจะกล่าวออกมา “นั่นควรเป็นคำถามของข้าหรือเปล่า? เจ้าเป็นมังกรจากโลกลึกลับ แต่กลับพึ่งพาศิษย์ของข้า เจ้ามีแผนอะไรกันแน่?”

“ข้า...”

ก่อนที่เทพมังกรจะมีเวลาตอบ ฉู่หลิงฉวนก็พูดอย่างไม่อดทน “เจ้าจะเสียเวลาพูดไร้สาระกับมันทำไม โลกลึกลับไม่มีสิ่งดีๆอยู่แล้ว แค่ฆ่ามันทิ้งซะ”

อวี้ชิงหลันส่ายหัว “แต่มันตายไปแล้ว นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเจตจำนง”

เหลิงอู่เหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าผู้นำนิกายคนนี้เต็มใจหรือ? หากจิตวิญญาณยังอยู่ที่นี่ ข้าคงค้นวิญญาณมันด้วยตนเองไปแล้ว ทำไมต้องลำบากเช่นนี้?”

ฉู่หลิงฉวนเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก

“……”

เมื่อฟังการสนทนาของพวกเขาราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ หนังศีรษะของเทพมังกรก็รู้สึกชาเล็กน้อย

ค้นวิญญาณ?

สตรีเหล่านี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

เหลิงอู่เหยียนมองไปยังเทพมังกร นัยน์ตาฟีนิกซ์ของนางหรี่ลงเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเราต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว”

เทพมังกรตัวสั่น

สตรีงดงามตรงหน้ามอบความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุดให้แก่เขา!

เขามองไปที่หลี่หรานราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาได้ ตอนนี้มีเพียงหลี่หรานเท่านั้นที่สามารถพูดแทนเขา

หลี่หรานกระแอมในลำคอก่อนจะกล่าวว่า “ด้วยสถานะปัจจุบันของเทพมังกร เขาสามารถออกมาได้เพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นก่อนจะต้องกลับเข้าสู่ตันเถียนของข้า เวลาเหลือไม่มากแล้ว ท่านอาจารย์รีบหน่อยเถอะ”

เทพมังกร “???”

หลี่หรานตบไหล่เขาและเอ่ยปลอบโยน “อย่ากังวลเลย อาจารย์ของข้ามีเหตุผลมาก ตราบใดที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกอย่างจะราบรื่น”

เทพมังกรส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น

มีเหตุผล?

แค่พบหน้าก็ต้องการค้นวิญญาณกันแล้ว นี่มันเรียกว่ามีเหตุผลยังไง?

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูด หลี่หรานก็ดึงชางหลานชูเสวี่ยออกไปจากห้อง

ประตูถูกปิดลง และบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบงัน

อะแฮ่ม

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของทั้งสาม เทพมังกรก็พูดด้วยน้ำเสียงกระดากอาย “หากพวกเจ้ามีคำถามใดๆก็ถามออกมาได้เลย ถ้ารู้ข้าจะพูดทุกอย่าง”

นี่มันน่าอายจริงๆ

แต่ในเมื่ออยู่บ้านคนอื่นก็ย่อมต้องลดศีรษะลง

ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ได้เห็นชางหลานชูเสวี่ย ความปรารถนาที่จะ “มีชีวิต” ของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก

‘พวกนางคงแค่อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆในโลกลึกลับ เพียงแค่ตอบออกไปตามตรง’ เทพมังกรคิดกับตัวเอง

ในเวลานี้ เหลิงอู่เหยียนโบกมือของนางอย่างสบายๆ จากนั้นศีรษะมนุษย์ก็กลิ้งลงมาบนพื้น

เป็นพระศรีอริยเมตไตรยที่มีใบหน้าอ้วนและหูโต แม้ว่าดวงตาจะเต็มไปด้วยความสยดสยอง แต่ยังคงมีรอยยิ้มแข็งทื่อบนใบหน้าของมัน

เทพมังกรผงะไปชั่วขณะ “นี่คือ...”

“นี่คือชินระจากอาณาจักรเบื้องบน แต่มันเป็นเพียงร่างวิญญาณเท่านั้น เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็น ‘เจ้าพิภพ’ ที่อยู่เบื้องหลังชินระตนนี้?” เหลิงอู่เหยียนเอ่ยถาม

ขณะที่อยู่ในพระราชวังเต๋าสูงสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน นางได้ค้นความทรงจำของผู้ตรวจการเหมิงเย่และเรียนรู้ถึงตัวตนที่เรียกว่า “เจ้าพิภพ” ซึ่งอยู่เหนือชินระบนท้องฟ้าอันไกลโพ้นแห่งทิศพายัพ

มันควรเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ดูแลดินแดนอันกว้างใหญ่ เพียงว่ามีข้อมูลน้อยมาก และเหมิงเย่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เทพมังกรขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย “โดยทั่วไปแล้วชินระจะไม่ลงมายังโลกเบื้องล่าง ร่างวิญญาณของมันมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไร?”

เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเฉยเมย “คงเป็นเพราะข้าสังหารผู้ตรวจการมากเกินไป”

เทพมังกรขมวดคิ้วลึกยิ่งขึ้น

นั่นหมายความว่าสตรีนางนี้สังหารคนจากโลกลึกลับไปมากกว่าหนึ่ง?

และแม้กระทั่งตัดหัวร่างวิญญาณของชินระ?

“เจ้าพยายามที่จะ...”

เหลิงอู่เหยียนกล่าวแทรกอย่างเย็นชา “ในเมื่อความบาดหมางเกิดขึ้นแล้ว งั้นเราก็ต้องชิงกวาดล้างดินแดนพายัพเสียก่อน!”

ตอนนี้ชินระลงมาแล้ว นั่นหมายความว่าเรื่องของดินแดนอันกว้างใหญ่ไม่อาจซ่อนเร้นได้อีกต่อไป และการนั่งอยู่เฉยๆไม่ใช่อุปนิสัยของนาง

“กวาดล้างดินแดนพายัพ?” เทพมังกรกลืนน้ำลาย

สตรีสามนางนี้ต้องการเป็นศัตรูกับอาณาจักรเบื้องบนทั้งหมดจริงๆ?!

เขามาถึงดินแดนอันกว้างใหญ่ด้วยต้องการพบกับทายาทของตน และอีกทางหนึ่งก็ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและพักผ่อนชั่วขณะ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้เสียก่อน!

‘คนพวกนี้เสียสติไปแล้ว!’

เทพมังกรกลับมามีสติอีกครั้งและถอนหายใจอย่างเงียบๆ

แต่เมื่อนึกถึงวิธีการของเหลิงอู่เหยียนก่อนหน้านี้ เขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เทพมังกรเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนที่จะตอบคำถามของเจ้า ข้าขอถามอะไรสักเล็กน้อยได้ไหม”

เหลิงอู่เหยียนพยักหน้า “พูดมา”

เทพมังกรถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เต๋า(วิถี)ของโลกนี้ถูกตัดขาด แล้วเจ้าบ่มเพาะมาจนถึงระดับนี้ได้ยังไง?”

เหลิงอู่เหยียนส่ายหัว “ใครบอกว่าผู้นำนิกายคนนี้กำลังบ่มเพาะเต๋า?”

เทพมังกรตกตะลึงเมื่อได้ยิน “เจ้าหมายถึงอะไร”

ดวงตาของเหลิงอู่เหยียนทั้งเย็นชาและเย้ยหยัน “ตั้งแต่ชั่วอึดใจที่ข้าก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ข้าไม่เคยเชื่อในเต๋าแห่งสวรรค์เลย!”

“เส้นทางถูกตัดขาด? แล้วไงล่ะ?”

“ผู้นำนิกายคนนี้มีวิถี(เต๋า)เป็นของตนเอง!”

เทพมังกรนึกถึงบางสิ่ง และม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที “เจ้าเป็นคนนอกรีต?!”

เมื่อมองไปยังฉู่หลิงฉวนและอวี้ชิงหลันที่อยู่ด้านข้าง เขาก็กลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง “ไม่น่าแปลกใจเลย คนพวกนี้มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ!”

/////