ตอนที่ 99 ข้าอยู่ที่นี่ มาฆ่าข้าเถอะ
ฮั่วหยุนเฟยยกมือขึ้นแล้วคว้าในอากาศ ชายชราในชุดคลุมสีเทาระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับแตงโม ศพของเขากระจัดกระจายไปทั่ว
อีกมือหนึ่งของเขาปิดตาของอ้ายหยูเพื่อไม่ให้ภาพที่น่ากลัวนี้สร้างความกระทบกระเทือนแก่จิตใจที่อ่อนโยนของเธอ
“กระต๊าก...กราะต๊าก…!!”
จินจินเบิกตาโพลง ร่างกายสั่นเทา มองฮั่วหยุนเฟยอย่างหวาดกลัวขาของมันอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ ขนทั้งตัวลุกชัน
ฮั่วหยุนเฟยโบกมือเพียงครั้งเดียว ร่างของชายชราในชุดคลุมสีเทาก็หายไป ภายในถ้ำกลับมาสะอาดอีกครั้ง องค์กรขโมยเต๋ษมีกฎที่เข้มงวดมากต่อสมาชิก ทำให้ไม่สามารถใช้วิชาค้นหาวิญญาณได้ เมื่อค้นหาวิญญาณไม่ได้ ก็จะไม่ได้ข้อมูลสำคัญ ชายชราในชุดคลุมสีเทาจึงไร้ประโยชน์แล้ว ดังนั้นเขาจึงฆ่าเขาทิ้งเสีย
แต่เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรขโมยเต๋าได้ออกคำสั่งให้ชายชราในชุดคลุมสีเทาตรวจสอบวิหารร่างศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง แม้ว่าชายชราในชุดคลุมสีเทาจะตายไปแล้ว แต่พวกเขาจะต้องส่งคนอื่นไปค้นหาวิหารร่างศักดิ์สิทธิ์อีกแน่นอน
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ฮั่วหยุนเฟยก็ได้วางแผนในใจ
เขาหันกลับมา เห็นจินจินกำลังสั่นเทา มองเขาเหมือนมองปีศาจ ฮั่วหยุนเฟยยิ้มแล้วกล่าว “อย่ากลัว ข้าเป็นคนดี เจ้าดูแลอ้ายหยูให้ดี ถ้าเป็นอย่างนั้น เจ้าก็จะไม่ถูกย่างเป็นไก่”
“ข้าต้องเตือนเจ้าก่อน ข้ามีศิษย์คนหนึ่งที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ตอนนั้นเจ้าจงระวังตัวเองให้ดี อย่าให้ถูกย่างเป็นไก่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จินจินก็ร้องคร่ำครวญ มองไปที่อ้ายหยู
อ้ายหยูกัดนิ้วตัวเอง มวยผมสูงบนหัวของเธอแกว่งไปมา เธอเอียงคอด้วยความสงสัยแล้วกล่าวว่า “ทำไมต้องย่างจินจินด้วย?”
ฮั่วหยุนเฟยตอบว่า “ก็เพราะมันอร่อยน่ะสิ”
“กระต๊าก กระต๊าก !”
จินจินร้องครวญครางอ้ายหยูมองไปที่จินจินแล้วกล่าวพึมพำกับตัวเองว่า “มันอร่อย...จริง ๆ หรือ?”
จินจินรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ราวกับว่ามีปีศาจตัวน้อยกำลังจ้องมองมันอยู่
...
หลังจากออกมาจากดาวที่ตายแล้วนั้น ฮั่วหยุนเฟยโบกมือทำลายดาวที่ตายแล้วให้สลายไปเขาตัดขาดเส้นทางโชคชะตาและกรรมและความสัมพันธ์อย่างรอบคอบ องค์กรขโมยเต๋านั้นลึกลับและน่ากลัว ระดับมหานักบุญเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น ย่อมมีผู้แข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลังอีกมากมาย การเผชิญหน้ากับองค์กรเช่นนี้จำเป็นต้องระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
ในใจของฮั่วหยุนเฟยมั่นใจแล้วว่ามีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างองค์กรขโมยเต๋าและวิหารร่างศักดิ์สิทธิ์
ศิษย์คนโตของเขามีร่างกายศักดิ์สิทธิ์รกร้างโบราณ ศิษย์คนที่สี่คือร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณ เห็นได้ชัดว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองค์กรขโมยเต๋า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพียงสัญญาณเริ่มต้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับองค์กรขโมยเต๋า สุดท้ายมันอาจกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างนิกายเกาซานกับอง๕์กรขโมยเต๋า
ฮั่วหยุนเฟยนำเข็มทิศสัมฤทธิ์โบราณออกมาและใช้พลังลึกลับของมันปกคลุมพื้นที่นี้ เพื่อตัดขาดทุกเส้นทางโชคชะตาและกรรม จนกระทั่งเขาเดินทางจากไปพร้อมกับ้ายหยูและจินจิน พื้นที่นั้นก็เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่
หลุมดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นและกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ในพื้นที่นั้น
หนึ่งเดือนหลังจากที่ฮั่วหยุนเฟยจากไป ที่นั่นก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นในอวกาศ มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่า
เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีทองใบหน้าของเขาเย็นชา สูงใหญ่สง่างาม ยืนอยู่อย่างมั่นคง ทั่วร่างปล่อยคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
“อู๋หวัง...ตายจริง ๆ สินะ”
เสียงทุ้มต่ำของชายในชุดเกราะสีทองกล่าวขึ้นขณะมองไปยังหลุมดำตรงหน้า เขายกมือขึ้นแล้วคว้าหลุมดำนั้น หลุมดำแตกสลายไปจนกลายเป็นจุดเล็ก ๆ ก่อนจะหายไป
จากนั้นเขาก็ปล่อยวิชาต่อเนื่องกันออกมาเพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ เส้นโชคชะตาและกรรมในอวกาศกระตุกไหว ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ถูกพลิกดู
ชายในชุดเกราะสีทองทรงพลังอย่างมาก เขารวมพลังวิญญาณเข้ากับวิชาการพยากรณ์ที่แข็งแกร่ง เพื่อคืนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ล้มเหลว ไม่สามารถคืนภาพได้!
ที่นี่ไม่มีเส้นทางดชคชะตาและกรรมใด ๆ ไม่ว่าแม้แต่เส้นทางของอู๋หวังก็ไม่มี นั่นทำให้เขาสงสัยว่าการที่องค์กรสามารถระบุตำแหน่งที่ซ่อนของอู๋หวังได้ นั้นเป็นความผิดพลาดหรือไม่
“ดูเหมือนว่า เขาคงถูกผู้แข็งแกร่งบางคนจับตามอง”
ชายในชุดเกราะสีทองพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงแล้วกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นใคร หากคิดจะยุ่งกับผู้แข็งแกร่งในองค์กรลัขโมยเต๋าของข้า หากข้าพบเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
คลื่นพลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับเป็นเทพสังหารที่เดินออกมาจากขุมนรก
“ข้าอยู่ที่นี่ มาฆ่าข้าเถอะ”
ฮั่วหยุนเฟยปรากฏตัวขึ้นบนดาวตายแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
เขายืนอยู่ที่นั่น พลางยืนกอดอก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขามองไปที่ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทอง พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
หลังจากรออยู่หนึ่งเดือน ในที่สุดก็เจอปลาตัวใหญ่สักที ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ!
【ชื่อ: จินอู๋เต้า】
【อายุ: 12,000 ปี】
【ระดับ: กึ่งจักรพรรดิ ชั้นสอง】
【สถานะ: หนึ่งในผู้พิทักษ์ขององค์กรลักลอบสวรรค์】
【พรสวรรค์ในการฝึกฝน: ขั้นเซียนระดับกลาง】
【พรสวรรค์อื่นๆ: พรสวรรค์ธาตุทองขั้นเซียนระดับกลาง พรสวรรค์วิถีดาบขั้นเซียนระดับกลาง…】
【ร่างกาย: ร่างกายไท่จินเสวียน】
【เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาเทพสุดยอดทองคำ (กึ่งจักรพรรดิ) บันทึกขโมเต๋าที่ไม่สมบูรณ์ (ไร้ระดับ)】
【ทักษะเทพ: อาณาจักรดาบเสวียนเทียน】
【อาวุธ: ดาบมังกรทอง (กึ่งจักรพรรดิ)】
【โชคลาภ: สีแดง】
“ผู้พิทักษ์ขององค์กรขโมยเต๋า”
“ตำแหน่งนี้น่าจะสูงพอสมควร”ฮั่วหยุนเฟยพึมพำ “แต่ก็ไม่รู้ว่าในร่างกายยังมีข้อจำกัดอยู่หรือไม่”
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองมองมา ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นทันที ไม่มีการพูดจาใด ๆ ดาบที่ทำจากกระดูกมังกรปรากฏขึ้นในมือของเขา เขากลายเป็นแสงสายฟ้าสีทองทันที ปรากฏตัวเหนือหัวของฮั่วหยุนเฟยแล้วฟันดาบลงมา
“ฉึก!”
ฮั่วหยุนเฟยยกมือขึ้นคว้าดาบของเขาไว้ ร่างกายไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย เขาเงยหน้ามองชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองที่ตกตะลึงเพียงแค่ใช้แรงเพียงเล็กน้อย “กร๊อบ!”อาวุธของชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
“เป็นไปได้อย่างไร!”ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองรีบถอยหลังไปทันที มองดาบมังกรทองที่เหลือเพียงด้ามดาบด้วยความตกใจ นี่คืออาวุธกึ่งจักรพรรดิ ไม่ใช่อาวุธธรรมดา! แล้วทำไมถึงแตกสลายไปในพริบตา? ชายผู้นี้มีพลังอะไรกันแน่?
“ข้าจะถามเจ้าแค่คำถามเดียว”เสียงดังมาจากข้างหน้า ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองที่กำลังตกใจคิดจะถอยหนี แต่ฮั่วหยุนเฟยปรากฏตัวตรงหน้าเขาทันที ยกมือขึ้นคว้าคอของเขาและยกขึ้นกลางอากาศ
“การเข้ามาใกล้ข้าเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเจ้า”
“ข้าฝึกฝนการเข้าถึงเต๋าด้วยร่างกาย!”ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองสมกับเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ แม้ในขณะนี้ยังคงสงบสติอารมณ์ เขามั่นใจในร่างกายของตน ร่างกายไท่จินเสวียนของเขามีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากศิษย์ที่มีระดับเดียวกันโดนเขาต่อยเพียงหมัดเดียวก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หมัดทอง!” ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองตะโกนเสียงดัง หมัดขวาของเขาปล่อยแสงสีทองสว่างจ้าแล้วชกไปที่หัวของฮั่วหยุนเฟย
“กร๊อบ!”
เสียงกระดูกแตกดังขึ้น ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองร้องเสียงโหยหวน ขณะกุมมือที่แตกสลาย ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว เขาต่อยไปที่หัวของอีกฝ่าย แต่หมัดของเขากลับแตกสลาย!
“การแสดงจบแล้วหรือยัง?”
ฮั่วหยุนเฟยยังคงนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ในระดับเดียวกัน จักรพรรดิ์หลายสิบองค์ก็ยังไม่พอให้เขาสู้ ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองเป็นตัวอะไรกัน? หากเขาไม่ลดพลังลงก็คงจะฆ่าอีกฝ่ายได้ในพริบตา
“สะกด!”
คำพูดคำเดียวนี้สะกดการเคลื่อนไหวของชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองทั้งหมด
ขณะที่ฮั่วหยุนเฟยกำลังเตรียมสอบถาม จู่ๆ ร่างของชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองก็เริ่มเปล่งแสงออกมา คลื่นพลังแห่งการทำลายล้างพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขา
“อ๊าก!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
“ข้าทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์มาเป็นหมื่นปี ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้!”*ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองแสดงสีหน้าหวาดกลัว เขาตะโกนด้วยความไม่เต็มใจ ร่างของเขาเริ่มพองขึ้นและระเบิดออกมาในทันที!
“บึ้ม!”
ในดาวเคราะห์รอบข้างที่อยู่ในพื้นที่นั้นซึ่งมีไม่มากนัก มีดาวชีวิตเพียงร้อยดวงเท่านั้น ครึ่งหนึ่งของดวงดาวในอาณาเขตนี้ถูกทำลายลงในระเบิดครั้งนี้! คลื่นการทำลายล้างสร้างเมฆเห็ดขนาดใหญ่ที่สว่างไสวหลายล้านลี้ขึ้นในอวกาศ ดวงดาวนับไม่ถ้วนกลายเป็นฝุ่นละออง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ! ศูนย์กลางของการระเบิดก่อให้เกิดหลุมดำขนาดมหึมา พลังดูดมหาศาลราวกับพายุพัดกระหน่ำ กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
ณ ใจกลางของหลุมดำ มีระฆังโบราณลอยออกมาเสียงดังขึ้นอย่างหงุดหงิด
“แม่มันเถอะ! จะพูดก็พูดดีๆ ทำไมต้องระเบิดด้วย!”
“ระเบิดก็ระเบิดไปเถอะ แต่ทำไมไม่ใช้กระถางแตกๆ นั่นแทนตัวข้าละ?”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ น้ำเสียงบ่งบอกถึงการดูถูกต่อกระถางบางอย่าง
ภายในของระฆังโบราณ ฮั่วหยุนเฟยนั่งสมาธิอยู่ที่นั่น หน้าอกของเขาเต้นแรง เลือดในกายพลุ่งพล่าน การระเบิดตัวเองของผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิเป็นสิ่งที่น่ากลัว พลังการทำลายล้างที่เกิดขึ้นเหนือกว่าพลังของตนเอง พลังทำลายล้างนั้นสามารถคุกคามผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิได้ หากเขาไม่ตอบสนองทันเวลาและนำระฆังแห่งความโกลาหลออกมาปกป้องตนเอง คงต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่
“ช่างไร้ความปรานีจริงๆ กึ่งจักรพรรดิ ถูกทิ้งก็ทิ้งไปได้!”
“องค์กรขโมยเต๋า เป็นองค์กรเช่นไรกันแน่!”
เขารู้ว่าชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองไม่ได้เลือกที่จะระเบิดตัวเอง แต่มันถูกควบคุม ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้