ตอนที่ 23 : สาวกเทพเจ้า
.
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของฉู่มู่อวิ๋นก็ฉายแววความประหลาดใจ
.
“ทำไม? คุณสนใจเส้นทางเทพเจ้าด้วยเหรอ?”
“สนใจนิดหน่อยครับ ผมวางแผนที่จะเป็นผู้คุมกฎ ดังนั้น…”
“ผู้คุมกฎ” ฉู่มู่อวิ๋นพยักหน้า “ดังนั้น คุณคิดที่จะไปที่ถนนปิงฉวนถูกมั้ย?”
"ก็ควรจะเป็นแบบนั้นครับ...สำหรับผู้คุมกฎมีเพียงเส้นทางการทหาร เท่านั้นเหรอครับ?"
"ใครพูดแบบนั้น?" ฉู่มู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ "ผู้คุมกฎ ไม่สิ ควรพูดว่าในหมู่ผู้พิทักษ์ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางการทหาร เพราะนี่เป็นเส้นทางสู่เทพเจ้า เส้นทางเดียวที่ควบคุมโดยอาณาจักรออโรร่า"
"แต่ในหมู่ผู้พิทักษ์ในเมืองออโรร่า ก็ยังมีเส้นทางอื่นอีก อย่างเช่น 'ผู้ได้รับความโปรดปรานจากทวยเทพ' พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้พิทักษ์เหมือนกัน"
"ผมไม่มีพรสวรรค์อะไรเลย ผมอาจไม่มีโอกาสได้รับความโปรดปรานจากเทพเจ้า" เฉินหลิงถอนหายใจ
"มีความเป็นไปได้สูง ที่ผมต้องรออีกสามปีให้หลัง หลังจากเป็นผู้คุมกฎครบกำหนดจะมีสิทธิ์ไปเสี่ยงโชคที่คลังโบราณ...."
"ใครบอกว่าพี่ไม่มีพรสวรรค์!" เฉินเยี่ยนวางตะเกียบลงทันที และพูดอย่างจริงจังว่า "พี่เก่งมาก จะต้องมีทางเอ่ออะไรนะ....เส้นทางเทพเจ้ามากมายมาอยู่ในมือแน่นอน!"
เฉินหลิงยิ้มอย่างขมขื่น
เฉินหลิงอยากบอกความจริง...ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เขาเป็นเพียงหยดน้ำที่จมอยู่ในกระแสน้ำนิ่งสงบ ไม่เด่นสะดุดตา
ตอนที่เขายังเป็นเด็ก พ่อแม่บังคับให้เรียนดนตรี หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพ แต่เขาก็ไม่เชี่ยวชาญด้านไหนเลยสักด้าน เมื่อเขาโตขึ้นเขาก็ลืมมันไปหมดแล้ว ส่วนผลการเรียนก็อยู่ในระดับปานกลาง สมรรถภาพทางกายก็ย่ำแย่ เขาอาจจะรู้ในหลายๆ เรื่องแต่มันก็เพียงเล็กน้อย สรุปคือเขาเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
เหมือนกับเฉินหลิงในชีวิตนี้
ความธรรมดาของชีวิตทั้งสองทับซ้อนกัน และเฉินหลิงไม่คิดว่าตนเองจะมีศักยภาพพอจะเลือกได้...
"เรื่องพรสวรรค์มันเป็นเรื่องที่พูดยาก" ฉู่มู่อวิ๋นพูดอย่างครุ่นคิด "บางคนอาจมีพรสวรรค์บางอย่าง แต่ไม่เคยแสดงออกมา บางทีมันอาจต้องรอเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลามันจะออกมาเอง…”
“แล้วถ้าเป็นเส้นทางการทหาร คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคุณมีความสามารถด้านนี้?”
“มันง่ายมาก”
รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉู่มู่อวิ๋นค่อยๆ จางหายไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“คุณไปฆ่าคนเดี๋ยวก็รู้...ถ้าฆ่าคนเดียวยังไม่เพียงพอ ก็ฆ่าสิบ ฆ่าร้อย... ถ้าหลังจากฆ่าคนพันคน เส้นทางการทหารยังไม่เลือกคุณ งั้นคุณก็แน่ใจได้เลยว่าคุณไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้”
เฉินหลิงถือตะเกียบค้างไปชั่วขณะ ห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความเงียบงัน
“ล้อเล่นน่า” ฉู่มู่อวิ๋นยิ้มราวกับว่าน้ำแข็งละลาย สายลมอันอบอุ่นพัดผ่านโต๊ะอาหารอีกครั้ง “ถ้าไม่ฆ่าคน ก็เหลือแต่เข้าไปคลังโบราณเท่านั้น...แม้ว่าสามปีมันจะนานมาก แต่คุณยังเด็กอยู่ สามารถรอได้”
ฆ่าคน...
เฉินหลิงมองดูข้าวในชาม จู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้เมื่อนึกถึงคืนที่สัตว์ประหลาดกระดาษสีแดงฆ่าผู้คุมกฎสองคน
เฉินหลิงเป็นคนธรรมดา แม้ว่าชีวิตก่อนจะฆ่าคนนับไม่ถ้วนในเกม และดูหนังนองเลือดมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาต้องฆ่าด้วยมือตนเอง เขายังไม่กล้าพอ...เขาไม่สามารถข้ามขีดจำกัดล่างสุดในใจได้
“แล้ว 'เส้นทาง' คืออะไรกันแน่?”
เฉินหลิงจำได้ว่า [ระบำสังหาร] ที่เขาดึงมาจากหานเหมิง เป็นเส้นทางการพิพากษาจากเส้นทางการทหาร ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร?
“คุณยังรู้จัก 'เส้นทาง' ด้วย?” ฉู่มู่อวิ๋นมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
"เอาเป็นว่า ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนทางปีนขึ้นเขา นอกจากเส้นทางหลักแล้ว ยังมีเส้นทางเล็กๆ เส้นทางสู่เทพเจ้าคือถนนสายหลัก และเส้นทางก็ขึ้นอยู่กับบุคลิก ความสามารถของแต่ละคนด้วย"
"ตัวอย่างเช่น หานเหมิงเป็นคนค่อนข้างดื้อรั้น มีความยุติธรรม ดังนั้นเขาจึงมีเส้นทาง [การพิพากษา]...ความสามารถที่ได้รับระดับอาจแตกต่างจากเส้นทางอื่นๆ และมีลักษณะเฉพาะตัวมากกว่า"
เฉินหลิงคิดครุ่นคิด "ถ้างั้นหนึ่งเส้นทางสู่เทพเจ้า จะมีกี่เส้นทางเส้นทาง?"
"มันก็พูดยาก เส้นทางสู่เทพเจ้าเส้นทางหนึ่งก็มีหลายคน กล่าวคือยิ่งมีคนเลือกเส้นทางมากเท่าใด เส้นทางก็ยิ่งถูกสำรวจมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น 'เส้นทางการทหาร' ที่แตกต่างกันเจ็ดเส้นทาง แต่เส้นทางสู่เทพเจ้าบางเส้นทางที่ได้รับความนิยม บางเส้นทางนิยมน้อยก็มีเพียงไม่กี่เส้นทาง"
"คุณฉู่ก็เป็นเจ้าของเส้นทางสู่เทพเจ้าใช่มั้ยครับ?” เฉินหลิงถามอย่างสงสัย เมื่อคิดถึงการประเมินของหมอหลิน
“ใช่ครับ” ฉู่มู่อวิ๋นยอมรับอย่างเปิดเผย “เส้นทางที่ผมเดิน คือ 'เส้นทางการแพทย์'”
"เส้นทางการแพทย์ ในคลังโบราณที่เมืองออโรร่ามีเช่นทางนี้ด้วยเหรอครับ?"
ทันทีที่ถามคำถามนี้ เฉินหลิงก็พูดด้วยความตกใจ
"คุณ...คือผู้ได้รับความโปรดปรานจากเทพเจ้า สาวกเทพเจ้า"
ฉู่มู่อวิ๋นยิ้มไม่พูดอะไร
แม้ว่าเฉินหลิงจะเดาได้แล้ว ว่าฉู่มู่อวิ๋นอยู่บนเส้นทางการแพทย์ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็น [สาวกเทพเจ้า] ไม่ใช่บอกว่าสิ่งนี้หายากมากเหรอ?
ทำไมฉันถึงบังเอิญได้เจอเขาแบบนี้?
“คุณรู้สึกยังไงเมื่อกลายเป็นสาวกเทพเจ้า?” เฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่มู่อวิ๋นครุ่นคิด
"ก็...นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบาย คือมันอาจมีความรู้สึกถูกแยกออกจากความเป็นจริงอยู่พักหนึ่ง ถูกจ้องมองจากที่ไหนสักแห่ง... จากนั้น สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเปลี่ยนไป เส้นทางสู่เทพเจ้าจะนำสู่ความว่างเปล่า มันจะปรากฏต่อหน้าคุณโดยอัตโนมัติ..."
"เส้นทางสู่เทพเจ้า? มันคือทางเดินที่มีอยู่จริง ไม่ใช่ภาพลวงตาใช่มั้ยครับ"
"มันคือความจริง อย่างน้อยก็ในขณะนั้น แต่ก่อนจะขึ้นไปบนนั้น มันจะลอยอยู่บนท้องฟ้าและแกว่งไม่หยุด มันก็เหมือนกับ...เหมือนกับ..." ฉู่มู่อวิ๋นไม่สามารถนึกถึงคำศัพท์ที่เหมาะสมได้พักหนึ่ง
“เหมือนริบบิ้นเหรอ?” เฉินเยี่ยนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการกินก็พูดขึ้น
“ริบบิ้น?” เฉินหลิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ริบบิ้น” ดวงตาของฉู่มู่อวิ๋นเป็นประกายและเขาพูดต่อ “จากนั้นทันทีที่คุณเหยียบมัน มันจะแข็งตัวและหายไป...แม้ว่าคุณจะมองไม่เห็นมัน แต่มันก็จะคงอยู่ในตัวคุณ”
เฉินหลิงมองที่เฉินเยี่ยนด้วยความสับสน และคนหลังก็หดคอของเขาแล้วกระซิบ "ผมเพิ่งฟังคำอธิบายของเขา..."
"...เอาเถอะ"
เฉินหลิงถอนหายใจ "ผมหวังว่า สักวันหนึ่งผมจะก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้า"
.
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฉินเยี่ยนก็พับแขนเสื้อขึ้นล้างจานอย่างตั้งใจ ฉู่มู่อวิ๋นหยิบหนังสือออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ นั่งข้างตะเกียงน้ำมันก๊าด อ่านหนังสือใต้แสงไฟสลัว บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว บางครั้งเขาก็ดูสับสน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เมื่อฟ้าเริ่มมืดลง ทั้งสามคนก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
เฉินหลิงเป็นคนสุดท้ายที่ออกไป เขาเป่าเทียนบนโต๊ะจนดับลง แล้วเขาก็ตกอยู่ในความมืดมิดทันที...
ดวงตามองไปที่ห้องของเฉินเยี่ยน
เฉินหลิงเดินช้าๆ ไปที่ประตูห้องเฉินเยี่ยน หยิบเครื่องรางที่ฉีกขาดออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา กำลังจะเคาะประตู แต่ก็ต้องชะงักกลางคัน
[“หลังจากที่ผมตื่นหลังการผ่าตัด ผมรอพี่มารับที่โรงพยาบาล…แล้วผมก็ได้ยินจากข้างนอกว่ามี...ภัยพิบัติระดับ 'ทำลายล้างโลก' ปรากฏขึ้น ผมเป็นห่วงพี่]
[ผมแอบออกมาตอนที่คนในโรงพยาบาลไม่สนใจ ผมกำลังจะกลับบ้านไปหาพี่ แต่ผมก็เห็นพี่ถูกสัตว์ประหลาดจับห้อยหัว..."]
["พี่ เราไม่วิ่งเหรอ? "]
["ถึงพี่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่เป็นไร ขอแค่...พี่ยังเป็นพี่อยู่"]
["หมอคนนั้นเก่งมาก ผมก็เลยหายเร็ว "]
[“ผมไม่รู้...บางทีอาจจะหายไปตอนที่แอบออกมา”]
คำพูดของเฉินเยี่ยนฉายอยู่ในใจของเขา เฉินหลิงกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ... เขามองดูเครื่องรางในมือของเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
นับตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในซากปรักหักพังบนถนนปิงฉวน ตลอดสองชั่วโมงขณะเดินกลับ เฉินหลิงเอาแต่คิดเรื่องนี้อยู่ในใจ....
เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่เฉินเยี่ยนปรากฏตัว มันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้
เวลาและสถานที่ที่เขาปรากฏตัวนั้นบังเอิญเกินไป...
เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับการปลูกถ่ายหัวใจ สามารถผ่านด่านผู้คุมกฎและเดินอย่างน้อยสองชั่วโมงไปยังภูเขาด้านหลัง?
นี่ยังสามารถพูดว่า...เขาเป็นมนุษย์ได้อีกเหรอ?
.
.