ตอนที่แล้วตอนที่ 94 นี่หรือคือของขวัญต้อนรับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 96 ลาก่อนคุณปู่!

ตอนที่ 95 ประวัติศาสตร์โบราณของผู้มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์โบราณ


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินมีพลังที่แข็งแกร่งมาก มากกว่าร่างสูงใหญ่เสียอีก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนั้น เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้ ร่างกายของเขาถูกกัดกร่อน เขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ ร่างสูงใหญ่พยายามโน้มน้าวเขาอะไรบางอย่าง แต่ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว เตือนร่างสูงใหญ่ให้ระวังและไม่ต้องค้นหาสิ่งนั้น ทุกอย่างต้องเป็นภาระของเขาแต่เพียงผู้เดียว

“ข้าเป็นจักรพรรดิ์ จะต้องกำจัดศัตรูทั้งหมดให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้ามกาลเวลาเข้ามาในหูของฮั่วหยุนเฟย ฮั่วหยุนเฟยรู้สึกตะลึง นี่คือจักรพรรดิ์อย่างแท้จริง! แต่จักรพรรดิ์ผู้นี้ต้องเผชิญกับอะไร? ถึงได้บาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจรักษาได้ และยังไอออกมาเป็นเลือดสีดำ ความแข็งแกร่งของเขาลดลงเหมือนกับกำลังใกล้จะสิ้นอายุขัย แม้ว่าร่างสูงใหญ่จะพยายามใช้พลังและวิชาต่างๆ เพื่อรักษา แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาบาดแผลของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินได้

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินขอให้ร่างสูงใหญ่หยุดการกระทำของเขา และย้ำเตือนอีกครั้งว่าอย่าตามหาเขา ให้เขาทำหน้าที่ปกป้องสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ จนกว่าจะมีจักรพรรดิ์รุ่นต่อไปเข้ามารับช่วงต่อ โลกมนุษย์ไม่สามารถขาดผู้ที่มีพลังสูงสุดคอยปกป้องได้

ในที่สุด ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินก็ออกเดินทาง ไอเป็นเลือดไปตลอดทาง แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงกลับเริ่มโค้งงอมากขึ้นจนในที่สุดเขาก็หายไปและไม่ปรากฏตัวอีกเลย

ร่างสูงใหญ่รอคอยหลายหมื่นปี แต่ก็ไม่เคยได้พบชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินอีก สุดท้ายเขาก็ออกเดินทางเช่นกัน ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้แล้วหายตัวไป

หลังจากที่เขาหายไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เกิดสงครามขึ้น จักรวาลทั้งหมดยังคงปั่นป่วนและเกิดความโกลาหลที่น่าสะพรึงกลัว หลายปีต่อมา ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีม่วงปรากฏตัวขึ้นมา เขาปราบดวงดาวในจักรวาล กวาดล้างจักรวาลให้สงบสุข

ไม่นานหลังจากนั้น เขาเข้าไปในดวงดาวโบราณ เมื่อออกมาแล้ว เขาก็ยืนนิ่งจ้องมองไปยังที่ห่างไกล คล้ายกับกำลังครุ่นคิด

หลายหมื่นปีต่อมา ในช่วงที่เขาอยู่ในช่วงสูงสุด เขาทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้แล้วหายตัวไป ผู้คนไม่เคยเห็นเขาอีกเลย

จนกระทั่งหลายหมื่นปีต่อมา จักรพรรดิ์องค์หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ผู้ไร้เทียมทานในจักรวาล เขาได้รู้ความลับบางอย่างที่รู้ได้เฉพาะเมื่อถึงระดับนั้น จักรพรรดิ์ผู้นี้มองไปยังที่ห่างไกล ขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ไป

จนกระทั่งช่วงปลายชีวิตของเขา เขาได้พบกับยอดนักรบผู้หญิงคนหนึ่ง นางมีความงดงามและไร้เทียมทานไม่แพ้เขา

สุดท้าย จักรพรรดิ์ผู้นี้ก็จากไป หายตัวไปจากโลกมนุษย์ วางแผนสำหรับอนาคต จนกระทั่งผู้หญิงที่ไร้เทียมทานคนนั้นขึ้นถึงจุดสูงสุด นางเดินทางมาที่ดวงดาวโบราณและได้รู้เรื่องราวในอดีต สุดท้ายนางก็ออกเดินทางโดยไม่มีความลังเล

...

ภาพที่เห็นเหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่าน ฮั่วหยุนเฟยรู้สึกตะลึง นั่นคือจักรพรรดิ์ระดับสูงสุด

พวกเขาทุกคนเคยเป็นผู้ไร้เทียมทานในจักรวาล แต่ก็หายตัวไปและเดินทางไปที่ใดที่หนึ่ง พวกเขาเดินวนเวียนแบบนี้มาตลอด มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันและความไม่ต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้ที่สืบต่อได้ ผู้ที่มาทีหลังต่างก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการเดินตามเส้นทางของบรรพชน โดยไม่รู้สึกกลัว

ภาพเหล่านี้ทำให้เขานึกถึงจักรพรรดิ์เสวียนหวงในชาติที่แล้ว!

มีข่าวลือว่า จักรพรรดิ์เสวียนหวงก็เดินทางไปที่แห่งใดที่หนึ่ง เมื่อกลับมาได้ไม่นานก็เสียชีวิตลง เขาเป็นจักรพรรดิ์ที่มีอายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์

เหตุผลที่จักรพรรดิ์เสวียนหวงเสียชีวิตเร็วขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเขาได้ไปยังสถานที่นั้น ได้รับบาดแผลที่ไม่สามารถรักษาได้ และสุดท้ายก็เลือกที่จะสละชีวิต เพื่อวางแผนสำหรับอนาคตและสร้างหวงเซวียนขึ้นมา

ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่จักรพรรดิ์เสวียนหวงเท่านั้น แต่เหล่าผู้ที่เดินอยู่บนเส้นทางสูงสุดในโลกมนุษย์ เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะได้สัมผัสกับบางสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ในระดับนั้น สุดท้ายพวกเขาก็เลือกเส้นทางเดียวกัน

“พวกเขาทุกคนไปที่ไหนกัน?” ฮั่วหยุนเฟยรู้สึกสงสัย

เขาคิดว่า หากวันหนึ่งเขาเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์ เขาจะต้องสัมผัสกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่? และจะต้องไปเดินตามเส้นทางของบรรพชนเช่นกันหรือไม่?

เมื่อคนบรรลุถึงระดับจักรพรรดิ์ จิตใจของพวกเขาจะยกระดับขึ้น และสายตาของพวกเขาจะไม่จับจ้องแค่จักรวาลและดวงดาวอีกต่อไป แต่จะมองไปยังสถานที่ที่คนระดับพวกเขาควรมองเห็น

ดังนั้น ตลอดประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิ์โบราณจากเผ่าต่างๆ หรือจักรพรรดิ์จากเผ่ามนุษย์ พวกเขาทุกคนล้วนมองการปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกมนุษย์เป็นหน้าที่ของตนเอง

นี่คือสิ่งที่ผู้มีพลังสูงสุดพึงกระทำ

รวมถึงเหล่าผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์ด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่จักรพรรดิ์ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่แทนจักรพรรดิ์ ในยุคที่จักรพรรดิ์ไม่ได้ปรากฏตัว พวกเขาจะเป็นผู้นำในแนวหน้าและรับแรงกดดันมากที่สุด!

ดังนั้น ในบรรดาผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเท่านั้นที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากการเสียสละของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่จักรพรรดิ์ แต่ก็ถือเป็นจักรพรรดิ์เช่นกัน!

ภาพเบื้องหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างของจักรพรรดิ์เสวียนหวง!

เป็นไปตามที่ฮั่วหยุนเฟยคาดคิดไว้ จักรพรรดิ์เสวียนหวงได้พบเจอกับเรื่องราวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แตกต่างกันตรงที่ คนอื่นๆ ไปในช่วงที่พวกเขาอยู่ในช่วงสูงสุด แต่จักรพรรดิ์เสวียนหวงกลับออกเดินทางหลังจากที่ทะลวงผ่านเป็นจักพรรดิ์แล้วหลายพันปี

เมื่อเขากลับมา ไม่มีอะไรผิดปกติให้เห็นเลย

แต่เมื่อโลกเริ่มเสิ่มโทรม และท้องฟ้าก็เสื่อมถอย ผู้คนต่างรู้ว่า จักรพรรดิ์เสวียนหวงที่มีอายุเพียงหมื่นปี ได้จากไปแล้ว!

ภาพหายไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่หัวใจของฮั่วหยุนเฟยยังไม่อาจสงบลงได้

เขาไม่รู้ว่าการที่เขาได้เห็นภาพนี้กำลังบอกใบ้ถึงอะไรบางอย่างหรือไม่

“การที่เจ้ามองเห็นภาพนี้ และรู้ถึงอดีต แสดงว่า...เจ้าจะเป็นผู้ที่จะบรรลุจักรพรรดิในยุคนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้น ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฮั่วหยุนเฟย หันหลังให้เขา ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า

“ข้าคือผู้ที่จะบรรลุจักรพรรดิในยุคนี้หรือ?” ฮั่วหยุนเฟยส่ายหน้าพูดว่า “ผู้ที่แข็งแกร่งเดินอยู่เบื้องหน้าข้ามีมากมาย ผู้ใดจะบรรลุก่อนนั้น ยังไม่อาจรู้ได้”

ในระดับมหาจักรพรรดิ ไม่สามารถใช้สิ่งของใดๆ มาช่วยให้บรรลุได้ โชคชะตา ความเข้าใจ และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องสอดคล้องกับวิถีแห่งฟ้า ถึงจะสามารถบรรลุได้ ไม่มีใครกล้าพูดว่าตนเองจะบรรลุได้แน่นอน ในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ มีอัจฉริยะมากมายที่โดดเด่นและก้าวหน้ารวดเร็ว แต่สุดท้ายก็ถูกขวางที่ระดับกึ่งจักรพรรดิ และไม่สามารถบรรลุถึงระดับจักรพรรดิ ได้ ท้ายที่สุดบางคนก็กลายเป็นผงธุลี หรือไม่ก็ผนึกตัวเองเพื่อรอคอยโอกาสในยุคถัดไป

ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าเขาคือผู้ที่จะบรรลุในยุคนี้ ฮั่วหยุนเฟยไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เพราะขาดความมั่นใจ แต่เพราะนึกถึงบรรพบุรุษท่านหนึ่งที่ได้ออกมาจากร่างของเซวียนอี้บรรพบุรุษท่านนั้นเพียงปรากฏตัวออกมา ก็เรียกสายฟ้าฟาดอันน่าสะพรึงกลัวลงมา เห็นได้ชัดว่าระดับของเขาอยู่ที่ขอบเขตสุดขั้วแล้ว

การมีอยู่เช่นนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ในนิกายเกาซาน ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงก็อาจมี ในบรรดาตระกูลโบราณก็อาจมี หรือในบรรดาอสูรโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ก็อาจมี ผู้คนมากมายเลือกที่จะผนึกตัวเองเพื่อรอโอกาสในยุคถัดไป การจะบรรลุถึงขั้นจักรพรรดิจะมีได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น แต่จะเป็นใครนั้น ยังไม่อาจแน่ชัด

ฮั่วหยุนเฟยเพียงพูดว่า เขาจะพยายามบรรลุในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในช่วงเวลาที่เหลือ หากยังไม่จำเป็นต้องบรรลุ ระดับพลังที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ชายชราที่หันหลังให้กับเขาก็พูดขึ้นว่า "เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเป็นใคร? แล้วทำไมถึงสามารถมองเห็นภาพนั้นได้?"

"เจ้าคิดว่า คนธรรมดาในระดับกึ่งจักรพรรดิจะมีคุณสมบัติพอที่จะเห็นได้หรือ?"

"เจ้าต้องบรรลุถึงระดับนี้ เมื่อใดที่เจ้าต้องการ ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเจ้าได้"

ฮั่วหยุนเฟย "......" ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเขามากกว่าเขาเอง เขาดูเหมือนจะรู้จักตัวตนของเขาเป็นอย่างดี?

"ว่าไปแล้ว แม้เจ้านั้นจะมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ในตอนนี้ ระดับของเจ้านั้นยังไม่เพียงพอ"

"กลับไปเถอะ รอให้แข็งแกร่งกว่านี้ก่อนค่อยมาใหม่"

"ก่อนหน้านั้น ข้าอาจจะได้พบกับคนอื่น"

"แต่สำหรับเจ้า ไม่ว่าเมื่อใดที่เจ้ามา ข้าก็ยินดีต้อนรับเสมอ"

เมื่อสิ้นเสียง ชายชราก็หายตัวไป "อ้ายหนู พาเธอออกไปเสีย เธอเป็นผลงานรวมของบรรพชนโบราณทั้งหมด หากเธออาจจะก้าวข้ามเจ้าไปได้ หรืออย่างน้อย...ก็เป็นความหวังหนึ่ง" เสียงสุดท้ายดังก้องมาจนทำให้ฮั่วหยุนเฟยรู้สึกถึงแรงกดดันที่เหลือคณานับ สำหรับผู้ที่มีวิถีการฝึกตนที่ระมัดระวังเช่นเขา เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเจอมากที่สุด เหตุเพราะกรรมผลที่หนักหน่วง หากก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว อาจนำพาทั้งหมดไปสู่หายนะที่ไม่อาจกู้คืนได้ แม้แต่ผู้คนรอบข้างเขาเองก็อาจถูกดึงลงสู่หุบเหวลึกได้เช่นกัน

"อ้ายหยู อาจจะก้าวข้ามข้าไปได้..." ฮั่วหยุนเฟยพึมพำ เขาได้กลับมายังวิหารร่างศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในวิหารอันยิ่งใหญ่ มีรูปปั้นตั้งเรียงรายที่ดูราวกับมีชีวิตอยู่ จำนวนทั้งสิ้นหนึ่งร้อยเก้าสิบหกองค์ รูปปั้นที่อยู่ด้านหน้าสุด คือร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม — ฮั่วซางเทียน!