Chapter 279 : คู่มือผจญภัยซากโบราณสถานคุนหลุน - แผนการของอินเดีย (2) (ฟรี)
“ถ้าแอเรียAกับแอเรียBถูกหมอกปกคลุมถ้างั้นก็เป็นตัวยืนยันชั้นดีว่าอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่ปรากฏออกมานั้นจะมีระดับเพียงขอบเขตที่8เลเวล9 ถ้าแอเรียAถูกหมอกปกคลุมเช่นนั้นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะเป็นขอบเขตที่9เลเวล9และถ้าแอเรียAไร้ซึ่งหมอก...เช่นนั้นนักสู้ขอบเขตที่9ของพวกเราก็จำเป็นต้องลงมือครั้งใหญ่เพื่อกวาดล้าง” หลี่เหว่ยกั๋วเอ่ยอย่างเนิบช้า
หลินเซวียนฟังแล้วก็เกิดสนใจ
เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับซากโบราณสถานคุนหลุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่คิดเลยว่าแดนลับนี่จะมีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้
“หนนี้หมอกปกคลุมแอเรียAกับแอเรียB” หลี่เหว่ยกั๋วพยักหน้า
“ฉันขอแนะนำให้พวกนายทุกคนลองดูเพราะผลประโยชน์ที่จะได้จากซากโบราณสถานคุนหลุนนั้นมากมายมหาศาลนัก!”
“ถ้าพวกนายได้รูนโบราณเช่นรูนกลืนวิญญาณหรือรูนปกปักษ์มาซักก้อนหรือสองก้อนก็ถือว่าได้กำไรมากแล้ว”
รูนเหล่านั้นควรจะถูกเรียกว่าหินรูนจึงจะเหมาะกว่า
พวกมันแตกต่างจากรูนที่ฝังลงไปในอุปกรณ์สวมใส่เพราะหินรูนเหล่านี้เป็นไอเทมใช้แล้วหมดไปและพวกมันมีดรอปภายในซากโบราณสถานคุนหลุนเท่านั้น
ทุกคนพยักหน้ารับเล็กน้อย
หลี่เหว่ยกั๋วให้คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนจะหมุนตัวจากไป
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลี่เหว่ยกั๋วกล่าวทุกคนก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมกันอีกต่อไป
“ไปกันเถอะ! ไปลงทะเบียนกัน!” เซี่ยงเทียนซิวตะโกนออกมาและเป็นคนแรกที่วิ่งออกไป
หลินเซวียนกับคนอื่นๆเองก็ตามเขาไปติดๆ
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ลงทะเบียนที่หลี่เหว่ยกั๋วบอกเอาไว้
ในเวลานี้สาวน้อยที่รับหน้าที่ลงทะเบียนให้นั้นทำลังวุ่นอยู่กับการตรวจสอบผู้เข้าลงทะเบียน
“ซงกั๋งอาชีพนักดาบทมิฬ - ไม่ผ่าน”
“ทำไมล่ะ?”
“คุณตัวใหญ่เกินไปไม่ผ่านเงื่อนไข”
“ไม่จริงน่า...ฉันสูงแค่1.8เมตรแถมยังหนักแค่83กิโลเอง หนักกว่าค่าเฉลี่ยแค่เล็กน้อยเท่านั้นแล้วจะถือว่าตัวใหญ่ได้ยังไง?”
เจ้าหน้าที่ของกองพลก่อสร้างนามซงกั๋งสบถและเดินจากไป
ท่าทีของเขาดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่พอสมควร
เมื่อทุกคนมาถึงก็สังเกตเห็นกลุ่มคนที่แยกออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจนอยู่เบื้องหน้า
คนที่ผ่านเงื่อนไขดูมีความสุขยิ่งขณะที่คนที่ไม่ผ่านนั้นต่างมีท่าทีไร้ความสุขแม้เพียงนิด
เงื่อนไขอื่นพวกเขายังพอเข้าใจได้แต่ไอ้เชี่ยเงื่อนไขห้ามตัวใหญ่ห้ามกำยำนี่มันห่าอะไรวะ?
เงื่อนไขนี้มันตั้งมาเพื่อเลือกปฏิบัติต่อพวกเขาเพียงเพราะพวกเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำรึไง?
“แข็งแกร่งกำยำสินะ...ยังไงซะพวกเราก็ใช้พื้นฐานมาวัดไม่ได้คงทำได้เพียงคาดคะเนจากสายตาเท่านั้นเรื่องนี้ก็คงทำให้หลายๆคนรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่”
เย่อู่ชิวที่เห็นภาพนี้จึงบังเกิดความรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา
หลินเซวียนและคนอื่นๆเองก็ไม่เคยเจอสานการณ์เช่นนี้มาก่อน
ตัวหลินเซวียนนั้นฉากหน้าเป็นนักปรุงโพชั่นเดิมทีจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านเงื่อนไขแต่ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเขามีร่างแยกซึ่งก็คือดาบพิษถ้างั้นก็ง่ายแล้ว
หลังจากนั้นเย่อู่ชิว หยินหู แบล็ค เซี่ยงเทียนซิว ไป๋ชิงเหอ ระเบิดเพลิง โคลด์โดเมนและคนอื่นๆต่างก็พากันผ่านการประเมินทีละคนๆ
โล่วิญญาณเป็นอาชีพสายแทงค์ดังนั้นจึงไม่เข้าเงื่อนไขโดยปริยาย
อาวุธของลู่หลัวเป็นเคียวและถึงแม้ว่าหากจำเป็นจริงๆเจ้าหล่อนจะใช้ดาบได้แต่ก็จะไม่ใช้เด็ดขาดดังนั้นจึงไม่เข้าเงื่อนไขเช่นกัน
“ทุกคนโปรดเตรียมตัวกันให้ดีนะเจ้าคะ พวกเราจะเข้าสู่ซากโบราณสถานคุนหลุนในอีกสองวันให้หลัง”
“ข้อมูลเหล่านี้คือเรื่องที่พวกคุณจะต้องระวังเมื่อเข้าไปภายในซากโบราณสถานคุนหลุน โปรดกลับไปอ่านให้เข้าใจและจำเอาไว้ให้ดีด้วยนะเจ้าคะ” สาวน้อยผู้รับหน้าที่ลงทะเบียนชี้ไปที่กล่องข้างกายของพวกเขาซึ่งอัดแน่นไปด้วยแผ่นพับบางๆ
หลินเซวียนหยิบขึ้นมาแผ่นหนึ่ง
บนหน้าปกนั้นมีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวดูแล้วเรียบง่ายยิ่ง
คู่มือต้องมีในการผจญภัยซากโบราณสถานคุนหลุน : ผู้เขียน – เย่หลี่เจียง
“ว้าว..เจ้านี่เป็นผู้นำลำดับหนึ่งเขียนขึ้นมาเองเลยงั้นหรอ?” เซี่ยงเทียนซิวอุทานออกมา
เย่อู่ชิวขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่มีใครรู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่
จากนั้นหลินเซวียนก็มุ่งหน้ากลับไปยังห้องพักของเขา
เย่อู่ชิวกับคนอื่นๆนั้นไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องพักหากแต่เลือกที่จะอยู่ในบ้านของตัวเองในเมืองซีจิงแทน
ดังนั้นห้องพักใกล้ๆกับหลินเซวียนจึงว่างเปล่า
หากแต่นี่ก็เป็นสภาพแวดล้อมเงียบเชียบที่ดีในการอ่านคู่มืออย่างตั้งอกตั้งใจ
หลินเซวียนเปิดคู่มือและเริ่มอ่านอย่างตั้งใจ หลังจากอ่านไปได้สามบรรทัดเกือบทุกคำที่เขียนเอาไว้ก็แทบจะถูกสลักเอาไว้ในจิตใต้สำนึกของเขาแล้ว
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวออกมา “ซากโบราณสถานคุนหลุนนี่ให้ความรู้สึกว่าเป็นแดนลับที่แปลกประหลาดจริงๆ”
“เช่นเดียวกับแดนลับอย่างแดนต้นกกและเมืองสุริยัน ซากโบราณคุนหลุนเองก็เป็นแดนลับที่มีฉากหลังเป็นเมืองโบราณเหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นสิ่งก่อสร้างภายในนั้นยังดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาเอาไว้อีกด้วย แม้จะถูกทำลายก็จะกลับสู่สภาพเดิมใน24ชั่วโมงราวกับตกลงสู่ห้วงกาลอวกาศแห่งการหวนคืน”
หลินเซวียนเริ่มคิดแล้วว่าหลังจากเขาแข็งแกร่งขึ้นเขาอาจจะต้องเริ่มออกค้นหาความลับของโลกใบนี้เสียแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นทำไมโลกถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเกม
และอีกหนึ่งตัวอย่างก็คือเหตุใดถึงได้มีแดนลับปรากฏขึ้นมา
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าจำนวนของความลับที่เขาเห็นอยู่นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะราวกับแกล้งกัน
“หรืออาจจะเป็นเพราะเรายังแข็งแกร่งไม่พอ?” หลินเซวียนคิดอยู่ซักพักและในที่สุดก็ได้ข้อสรุป
สองวันหลังจากการเตรียมการผ่านไปราวกับสายฟ้า
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้หลินเซวียนเองก็ได้จัดการของไร้ประโยชน์ทั้งหมดที่เขามีและแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นแก่นแท้กับไข่มุกแดนลับจนสิ้น
แก่นแท้เหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาเพิ่มระดับนักสู้แต่เป็นระดับของสกิลแทน
ไข่มุกแดนลับเองก็ถูกนำมาใช้ยกระดับสกิลมากมายให้กลายเป็นระดับทองดำ
ส่วนอุปกรณ์สวมใส่เองก็ถูกเขานำแก่นแท้อุปกรณ์มายกระดับเช่นกัน
เขามีแก่นแท้อุปกรณ์อยู่มากมายและสามารถสร้างและขายมันได้ด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปซื้อแต่อย่างใด
ไม่นานนักก็ได้เวลารวมตัวเข้าสู่ซากโบราณสถานคุนหลุน
“ไปกันเถอะ ประตูสู่แดนลับของคุนหลุนนั้นมีประตูพิเศษอยู่ทำให้พวกเราประหยัดเวลาในการเดินทางได้” หลี่เหว่ยกั๋วยังคงรับหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนการเช่นเดิม
เขานำคนที่ผ่านการประเมินกว่า500คนของกองพลก่อสร้างเดินกรีฑาทัพผ่านประตูแสงและเข้าสู่แดนลับขอบเขตที่3อย่าง - นาคลื่นน้ำ
พื้นดินที่นี่นั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่ง สภาพอากาศเองก็ยอดเยี่ยมและมีอสูรอยู่น้อยมาก
นี่คือหนึ่งในแดนลับไม่กี่แห่งของกองพลก่อสร้างที่สามารถปลูกพืชพรรณได้
จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าผ่านหนึ่งในประตูแสงภายในนาคลื่นน้ำและมาถึงแดนลับขอบเขตที่5อย่าง - หุบเขาสายลม