ตอนที่แล้วแสงสว่างแห่งจิตใจ (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปแสงสว่างแห่งจิตใจ (7)

แสงสว่างแห่งจิตใจ (6)


[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]

<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 41>

5. แสงสว่างแห่งจิตใจ (6)

*******

"ยาตัวเดียวกับที่รักษาผมครับ"

"..."

เด็กชายหลับตาลง

“ฮ่าๆๆ!”

เขาหัวเราะออกมาดังๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันโดนแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว! ให้อภัยตัวเอง? โอ้ ฉันพูดแบบนั้นด้วยเหรอ? ฉันกำลังจะเป็นบ้าตามเพราะนายเลยเนี่ย!”

แต่อารอนไม่ได้หัวเราะตามไปด้วย

“นั้นแหละ…มันเป็นอย่างนั้น ว่ากันว่าทุกคนที่มาที่นี่มีอาการป่วยทางจิต ฉันก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เฮ้อ…มันไร้สาระจริงๆ”

"อาจารย์…"

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลมากเกินไป อาการของฉันไม่ร้ายแรงแบบที่นายกังวล ฉันไม่ได้อยากติดอยู่ที่นี่และตายไปอย่างว่างเปล่า”

“จริงเหรอครับ?”

“จริง”

เด็กชายพูดด้วยรอยยิ้ม

“ถ้านายออกจากที่นี่ฉันก็จะออกไปด้วย ฉันเบื่อที่จะเล่นคนเดียว ฉันควรพยายามใช้ชีวิตให้สนุกในปีต่อๆ ไป”

“.....”

“ทำไมถึงมองฉันด้วยความสงสัยแบบนั้น? มันเป็นเรื่องจริง ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอดีตอันน่าเศร้าหรือเหตุการณ์อะไรแบบที่นายคิด ฉันแค่ทำเพราะฉันรู้สึกสบายใจที่จะอยู่คนเดียว”

“แล้วตอนนี้อาจารย์เปลี่ยนใจแล้วหรือยังครับ?”

“เดิมมันเปลี่ยนไปแล้ว”

แปะ!

เด็กชายแตะหัวแอรอนเบาๆ

นั้น…มันไม่ได้เจ็บเลย

“อารอน”

"ครับ?"

“นายเป็นคนประเภทที่จริงจังกับทุกสิ่งและชีวิตมันไม่สนุกเลย”

"อาจารย์หมายความว่ายังไงครับ?"

“เฮ้ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ นายเคยฆ่าใครสักคนในภารกิจไหม?”

“ทำไมจู่ๆ…”

“ไม่เหรอ? ไม่จริงๆเหรอ?”

“เคยครับ”

“คืนนั้นนายคงนอนไม่หลับและร้องไห้สะอึกสะอื้นใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่นะครับ ผมไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย!”

“เออ คงคิดอะไรประมาณนี้สินะ! คนที่ฉันฆ่า พวกเขามีครอบครัวรึเปล่านะ? มีเพื่อนไหมนะ? แล้วพวกเขาจะเป็นยังไง? หรือว่าฉันทำเรื่องที่เกินกว่าจะให้อภัยไปแล้ว?”

“ปะ เปล่านะครับ ไม่ขนาดนั้น……!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! คนอื่นเขาสลัดเรื่องพวกนี้ทิ้งแล้วนอนหลับฝันดีกันหมด มีแต่นายนี่แหละ ที่นอนไม่หลับ ดิ้นไปมาอยู่บนเตียงคนเดียว!”

“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!”

อารอนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

แน่นอน การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่เขาก็ผ่านมันมาได้แล้ว

“ถ้านายเป็นตัวเอกในนิยาย คงโดนด่าเละเทะแน่แบบว่า ไอ้โง่! ใครมันจะไปเป็นคนแบบนี้วะ!”

“....”

“ในฐานะรุ่นพี่ ขอเตือนอะไรหน่อยนะ ถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ นายจะเหนื่อยกับทุกเรื่อง ทำตัวแบบพี่ชายนายสิ”

“แบบพี่ชายเหรอครับ?”

“ก็ใช้ชีวิตแบบไม่แยแสอะไรทั้งนั้นไง จะไปสนทำไม? พวกนั้นจะมีครอบครัวหรือไม่มี”

อารอนนึกถึงพี่ชายของเขา

ฮาน อัสรัต

เขาเป็นคนเยือกเย็นและมีเหตุผลเสมอ

ความรู้สึกหลังจากฆ่าคน สำหรับเขาแล้วมันเป็นเพียงความลังเลและอุปสรรคที่ไร้ความหมาย

ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจมัน

และไม่จมอยู่กับ ‘ความเศร้า’ ที่ไร้ประโยชน์

แอรอนคิดถึงเจนน่า

เจนน่า ชิราอิ

เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน

ถึงแม้เธอจะห่วงใยเพื่อนร่วมทีม แต่เธอก็แยกแยะคนอื่นกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างชัดเจน และรู้จักจัดการกับอารมณ์ที่ไม่จำเป็น

เธอเป็นเด็กที่ฉลาด

จริงๆ แล้ว ทุกคนในห้องพักทุกคนก็เป็นแบบนั้น

ความรู้สึกไม่ดีหลังจากฆ่าคนหรือความสงสารต่อผู้ตาย เป็นเพียงความฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองสำหรับพวกเขา

ถ้าขวางทางก็ฆ่าทิ้ง

เรื่องของพวกเขาไม่ใช่เรื่องของฉัน

‘แล้วเขาล่ะ?’

อารอนคิดในใจ

ตัวเขาเองก็เป็นแบบนั้นหรือเปล่า?

“มีสักคนก็ได้”

เด็กชายหันมามองเมื่ออาลอนพูด

“ในโลกนี้ มีคนแบบนั้นสักคนก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอครับ?”

“หือ?”

“ความจริงไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ถ้าขวางทางก็ฆ่า ถ้าเป็นอุปสรรคก็กำจัด ถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ โลกคงจะชัดเจนขึ้น และไม่ต้องกังวลอะไรอีก”

“โอ้ งั้นสรุปนายก็ฆ่าพวกเขา?”

“ครับ ผมฆ่าพวกเขา”

ตอนแรกอาลอนลังเล แต่หลังจากนั้นก็ไม่ลังเลอีก

เขาฆ่าคนที่ขวางทางพี่ชายและเพื่อนร่วมทีมของเขา

“แต่ในใจ ผมรู้สึกสงสารพวกเขา”

“รู้ไหมว่าสิ่งที่นายเป็นเรียกว่าอะไร?”

“รู้ครับ หน้าไหว้หลังหลอก”

สงสารแต่ก็ยังฆ่า

ถ้าสุดท้ายผลลัพธ์มันเหมือนกัน แล้วมันต่างกันตรงไหน

‘ถ้าคิดแบบพี่’

ตอนที่ฆ่าพวกเขา เขาคงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย

ทุกอย่างคงจะชัดเจน

โลกจะถูกแบ่งออกเป็นขาวดำอย่างชัดเจน

สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฉันและสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์

ตัดสินความดีความชั่วตามมาตรฐานของตัวเอง

แต่อารอนไม่ใช่แบบนั้น

“วิธีคิดแบบนั้นของนายนั่นแหละ ที่เขาเรียกว่าใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยยาก”

โลกในตอนนี้ไม่สงบสุข

โลกที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้เปลี่ยนเป็นหอคอย เหล่าฮีโร่และสัตว์ประหลาดกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในทุกขณะ

ในยุคสมัยที่วุ่นวายเช่นนี้ คุณธรรมจะมีประโยชน์อะไร

ความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา ความรัก สิ่งเหล่านี้มีค่าอะไร

แม้ทุกคนในโลกจะร้องเรียกหาเทพีแห่งความเมตตา แต่เธอก็ไม่ปรากฏตัว

ในทางกลับกัน เทพีแห่งความบริสุทธิ์กลับปรากฏตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งและยุยงให้เกิดการต่อสู้

เธอพร่ำบอกว่า ความปรารถนาอันบริสุทธิ์เท่านั้นสำคัญกว่าจักรวาลนี้

เธอสนับสนุนให้ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเดียว

“คงงั้นมั้งครับ”

ใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยยาก

จงใจที่จะรับบาดเจ็บทั้งที่ไม่จำเป็น

“ผมรู้ว่ามันโง่เขลา”

ในยุคสมัยที่วุ่นวาย ความบริสุทธิ์เยาะเย้ยความเมตตา

ดูถูก เหยียดหยาม และเหยียบย่ำ

โง่

พวกที่แม้แต่จะดูแลตัวเองยังไม่ได้

หน้าไหว้หลังหลอกแถมยังโง่อีก

“มีคนโง่บ้างก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ?”

“แล้วอะไรที่มันจะดีกว่าล่ะ?”

“มันเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเอง ถึงคนอื่นจะหัวเราะเยาะผม แต่ผมไม่หัวเราะเยาะตัวเอง แค่นั้นก็พอแล้ว”

“หา?”

“เส้นทางของผม ผมเป็นคนกำหนดเอง ไม่ว่ามันจะดูไร้ค่าและตลกแค่ไหน ผมก็แค่จะเดินต่อไปบนเส้นทางนั้น และ…….”

อารอนยิ้ม

“ถ้าโลกนี้มีแต่คนฉลาด ไม่มีคนโง่เลย มันคงน่าเบื่อแย่เลยนะครับ?”

“ก็จริง”

เด็กชายหัวเราะ

“ถ้าไม่มีคนถูกหลอก มีแต่พวกหลอกลวง โลกนี้คงไม่สนุก งั้นเอาอย่างนี้”

“ครับ….”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”

เด็กชายพูดต่อ

“ข้อเสียของนายคือมักจะกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง คิดมากเกินความจำเป็น เข้าใจไหม?”

“ถ้างั้น…….”

“ฉันไม่ได้คิดจะให้นายมาสืบทอดอะไรต่อจากฉัน ฉันก็ไม่ได้คิดจะติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอด ถ้านายแข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่ง ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่เอง”

“พูดจริงเหรอครับ?”

“เออ จะให้เขียนสัญญาให้ไหมล่ะ?”

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอากระดาษ……”

“นี่ แกแยกแยะเรื่องเล่นกับเรื่องจริงไม่ออกรึไง?”

“ผมล้อเล่นครับ”

“โธ่เอ๊ย ยังไงก็เถอะ ถ้าอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่บอกให้เชื่อ ก็เชื่อหน่อยเถอะน่า ถ้านายแข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่ง ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่ เข้าใจไหม?”

“ต้องแข็งแกร่งแค่ไหนครับ?”

“จนกระทั่งนายมองไม่เห็นเงาข้างๆ ตัวนาย”

อารอนเบิกตากว้าง

“นี่คิดว่าฉันไม่รู้รึไง? ฉันเคยสอนเด็กแบบนายมากี่คนแล้ว”

“…….”

“ควบคุมจิตใจของนาย อย่าให้ถูกกรรมครอบงำ แต่จงเป็นฝ่ายควบคุมกรรม ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นายจะกลายเป็นปีศาจ”

“ถ้างั้น เหตุผลที่อาจารย์ไม่ออกไปจากที่นี่ก็เพราะ…….”

เพราะเขาอย่างนั้นเหรอ

เพราะอารอนยังควบคุมพลังได้ไม่ดีพอ

ถ้างั้นก็หมายความว่า ถ้าอารอนสามารถควบคุมกรรมได้ เขาจะออกไปจากที่นี่พร้อมกับอาจารย์ได้

“เพราะงั้น การที่นายกังวลก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

“เข้าใจแล้วครับ…ดีจังเลยนะครับ”

“นายสะสมมาพอแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ควบคุมมันซะ”

อารอนมองไปด้านข้าง

เงาสีแดงขนาดใหญ่กำลังจ้องมองเขา

ในวินาทีที่ถูกเงาสีแดงกลืนกิน อาลอนจะกลายเป็นปีศาจ

‘ต้องตัดสินแพ้ชนะกับเจ้านี่สินะ’

สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้รอด

ความฝันอันบริสุทธิ์ที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น

หรือจิตใจของมนุษย์ที่อารอนมี

ถ้าไม่จบเรื่องนี้ อารอนก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้

นี่คือบททดสอบสุดท้ายที่อารอนต้องจัดการ…

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด