ตอนที่แล้วระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 84 เผ่าอสูร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 86 ตำนานเนตรเทวะ

ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 85 ไม่รับคำขอ


ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 85 ไม่รับคำขอ

“เอาล่ะ ลงไปเถิด ใช่สิ เมฆตีลังกาของเจ้า ฝึกฝนถึงขั้นใดแล้ว”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดราชันฉินกวงกล่าว

“เรียนใต้เท้าราชันฉินกวง เพิ่งจะเริ่มต้น แต่พลังอิทธิฤทธิ์นี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่มรรคแห่งนรกของยมโลก”

เซียวลั่วหลีอดถามขึ้นไม่ได้

พลังอิทธิฤทธิ์และวิชาของยมโลก นางเคยเรียนรู้มาบ้างแล้ว เช่น กรงเล็บผีนรก โซ่นรก มหาผนึกฝ่ามือเก้านรกเป็นต้น

ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับพลังแห่งยมโลก

แต่เมฆตีลังกานี้กลับเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ของเผ่าอสูร

“ถูกต้อง เมฆตีลังกานี้คือพลังอิทธิฤทธิ์ของราชันอสูรไร้เทียมทาน มหาปราชญ์เสมอฟ้า ซุนหงอคง”

เสียงของราชันฉินกวงดังขึ้น แฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ในอดีต ซุนหงอคงผู้นี้ ไม่พอใจที่ยมโลกนำดวงวิญญาณของลิงและลูกหลานของเขาไป จึงบันดาลโทสะ ใช้กระบองเหล็กในมือแทงทะลวงยมโลก”

“การต่อสู้ในครั้งนั้นสะเทือนเลือนลั่นฟ้าดิน เป็นหนึ่งในความอัปยศของยมโลก”

อะไรนะ!?

เซียวลั่วหลีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก

“มหาปราชญ์เสมอฟ้า ซุนหงอคง? มหาปราชญ์หนึ่งคน สามารถสร้างความเสียหายเช่นนี้ให้กับยมโลกได้หรือ?”

“มหาปราชญ์เป็นเพียงตำแหน่งที่เขาใช้ตอนที่เริ่มต้นบำเพ็ญเพียรเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขา มิได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดราชันฉินกวงกล่าว

“ลิงตนนี้ขนานนามตนเองว่าเสมอฟ้า แท้จริงแล้ว จิตใจของเขานั้นสูงส่งกว่าฟ้าดิน ในอดีตวังสวรรค์ต้องการรับเขาเข้าร่วม แต่เขาปฏิเสธ จึงทำลายล้างทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์หนึ่งแสนนาย แม้แต่หยางเจี่ยนก็ยังต่อสู้กับเขาจนเสมอกัน”

ถ้อยคำที่น่าตกใจถูกเปิดเผยออกมาอีกครั้ง

เซียวลั่วหลีรู้สึกตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์หนึ่งแสนนายแห่งวังสวรรค์ยังมิใช่คู่มือของเขา

ส่วนหยางเจี่ยน นางรู้จักเป็นอย่างดี

ท้ายที่สุดแล้ว กายเนื้อแข็งแกร่งดุจยุทธภัณฑ์ยอดมรรคา เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วมณฑลเทพจงถู

ยิ่งไปกว่านั้น หยางเจี่ยนในตอนนี้ ตามที่ใต้เท้าราชันฉินกวงกล่าว ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ได้ฟื้นฟูถึงหนึ่งในร้อย หรืออาจจะน้อยกว่านั้น

หยางเจี่ยนในช่วงเวลาที่รุ่งเรือง ความแข็งแกร่งของเขาคงไม่อาจจินตนาการได้!

มหาปราชญ์เสมอฟ้า ซุนหงอคง สามารถต่อสู้กับหยางเจี่ยนในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองจนเสมอกัน

ความแข็งแกร่งของเขาย่อมต้องลึกลับเกินหยั่งถึง!

“ใต้เท้าราชันฉินกวง ราชันอสูรผู้นี้จะจุติลงมาหรือไม่?”

เซียวลั่วหลีมีจิตใจสั่นไหว

“เรื่องนี้ไม่แน่ใจ แต่หากจุติลงมาคงจะไม่มาเพียงลำพัง”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดราชันฉินกวงกล่าว “ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เข้าร่วมวังอสูรสูงสุด เป็นหนึ่งในเจ็ดราชันอสูรใต้บังคับบัญชาของราชาอสูร”

เห็นได้ชัดว่า จี๋อวิ๋นกำลังเตรียมการสำหรับการปรากฏตัวของเผ่าอสูร

เป็นการเตรียมการล่วงหน้า

ท้ายที่สุดแล้ว เผ่าอสูรในโลกเบื้องล่างนี้เกือบจะสูญพันธุ์ ประวัติศาสตร์ก็ขาดตอน ที่มาของเผ่าอสูรย่อมต้องขึ้นอยู่กับการแต่งเติมของเขา

……

วังอสูร ราชาอสูร เจ็ดราชันอสูร!

เซียวลั่วหลีถูกข้อมูลมากมายเหล่านี้ทำให้ตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก

ไม่ต้องสงสัย นี่คือขุมอำนาจชั้นยอดแห่งยุคอมตะอีกขุมอำนาจ!

หากจุติลงมา ย่อมต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมหาศาล

นางรู้ดีว่า เผ่าอสูรในตอนนี้ตกต่ำอย่างมาก แม้กระทั่งเกือบจะสูญพันธุ์

หากวังอสูรสูงสุดจุติลงมา คงจะต้องเกิดการต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือด

ยิ่งไปกว่านั้น วังอสูรคงไม่ใช่ขุมอำนาจสุดท้าย

เซียวลั่วหลีราวกับเห็นว่ามณฑลเทพแห่งนี้ในอนาคตจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย

แต่นางไม่ได้สนใจ นางเพียงแค่ต้องการทำลายล้างเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ ล้างแค้นให้กับครอบครัวของนาง!

……

ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด เสียงของราชันฉินกวงก็ดังขึ้น

“ใช่สิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลและเผ่าพยัคฆ์ขาวตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

“เรียนใต้เท้าราชันฉินกวง ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลและเผ่าพยัคฆ์ขาว ต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น”

เซียวลั่วหลีตอบกลับ

“อืม เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

จากนั้นจี๋อวิ๋นก็โบกมือให้เซียวลั่วหลีลงไป

“ต้องหาแต้มต้นกำเนิดเพิ่ม แต้มต้นกำเนิดที่ได้รับจากภารกิจสังหาร เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอ”

จี๋อวิ๋นกล่าวอย่างจนใจ

ตอนนี้ยมโลกไม่มีภารกิจใหญ่ ล้วนเป็นภารกิจเล็ก ๆ ไม่ได้รับผลประโยชน์มากนัก

เว้นแต่ว่ามีภารกิจสังหารล้างเผ่าพันธุ์จึงจะสามารถร่ำรวยในชั่วขณะ

แต่น่าเสียดาย มีภารกิจเช่นนี้น้อยมาก

ขุมอำนาจที่สามารถสังหารล้างเผ่าพันธุ์ได้ คงจะไม่มาขอความช่วยเหลือจากยมโลก

ส่วนขุมอำนาจที่ไม่มีพลังก็จ่ายสิ่งตอบแทนไม่ไหว

“ข้าจำได้ว่าขุมอำนาจใหญ่แต่ละขุมอำนาจล้วนมีร้านค้าขายหินตั้งอยู่ทุกเมืองใหญ่”

จี๋อวิ๋นมีแววตาเป็นประกาย

ร้านค้าขายหิน ภายในนั้นวางหินต้นกำเนิดมากมาย ซึ่งนำมาจากขุมอำนาจต่าง ๆ มีทั้งหินที่ดีและไม่ดี

หากโชคดี อาจจะพบสมุนไพรเซียนอมตะครึ่งต้น สมุนไพรเซียนอมตะครึ่งต้นของประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมอินทนิลว่ากันว่าได้มาจากหินต้นกำเนิด

ส่วนหินที่ไม่ดีย่อมไม่ได้อะไรเลย ขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ เรียกว่าการพนันหิน

แน่นอนว่าสำหรับจี๋อวิ๋นแล้วไม่จำเป็นต้องพนัน

เขามีมรรคแห่งโชคชะตา เพียงแค่ใช้วิชาอ่านโชคชะตาชำเลืองมองดูก็สามารถรู้ได้

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ล้วนมีโชคชะตา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้หรือหิน

“ข้าจะเดินทางไปทุกเมือง เลือกหินต้นกำเนิดที่บรรจุสมบัติ เช่นนั้นคงจะไม่ขาดแคลนแต้มต้นกำเนิด”

จี๋อวิ๋นมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ราวกับว่าเขาได้พบเส้นทางแห่งความร่ำรวย

ยิ่งไปกว่านั้น วิธีนี้ยังสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องใช้หุ่นเชิด เพียงแค่ใช้ดวงตามองก็เพียงพอแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว เขามีมรรคแห่งโชคชะตา ราวกับใช้สูตรโกง ผู้ใดจะสามารถเทียบเคียงได้

แม้แต่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังต้องยอมแพ้

จากนั้นจี๋อวิ๋นก็กลับคืนสู่ร่างจริง เริ่มต้นค้นหาร้านค้าขายหินที่ใกล้ที่สุด

ดังนั้น ร้านค้าขายหินของขุมอำนาจต่าง ๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต่างก็ต้อนรับ ‘ราชันมารผู้ยิ่งใหญ่’

ถูกขนานนามว่าผู้ทำลายล้างหินต้นกำเนิด!

………………

อีกด้านหนึ่ง

ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไร้ขอบเขต แสงรุ้งส่องประกายเจิดจรัส

ที่แห่งนั้นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์มหาสุญตา

ในเวลานี้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์มหาสุญตานั่งขัดสมาธิอยู่ภายในโถงใหญ่ ดูเหมือนว่ากำลังปิดด่านบำเพ็ญ

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็สั่นไหว ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หยิบป้ายคำสั่งออกมาจากแหวนเก็บของ

นั่นคือป้ายคำสั่งยมโลก

จิตสำนึกสอดส่องเข้าไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ยมโลกไม่รับภารกิจของวังสวรรค์หรือ?”

เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจอย่างยิ่ง

ยมโลกขึ้นชื่อว่าไม่เกรงกลัวฟ้าดิน บุตรแห่งสวรรค์ของขุมอำนาจระดับหนึ่งยังกล้าสังหาร ไร้ซึ่งความลังเล

แต่ตอนนี้เพียงแค่สังหารทหารสวรรค์ธรรมดา พวกเขากลับไม่รับ?

“วังสวรรค์แห่งนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน ยมโลกถึงขั้นไม่กล้าล่วงเกิน?”

ประมุขศักดิ์สิทธิ์มหาสุญตารู้สึกตกใจ

ยมโลกไม่เกรงกลัวแม้แต่ขุมอำนาจระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับหวาดกลัววังสวรรค์เช่นนี้

ภารกิจที่เกี่ยวกับวังสวรรค์ล้วนปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

เห็นได้ชัดว่าวังสวรรค์แห่งนี้ย่อมต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา พลังที่ซ่อนอยู่ถึงกับทำให้ยมโลกที่ไม่กลัวฟ้าดินต้องยอมศิโรราบ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์มหาสุญตาก็ให้ความสำคัญกับวังสวรรค์มากขึ้น

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่อาจรีบร้อนได้”

เขาพึมพำเบา ๆ บดขยี่ป้ายคำสั่งในมือจนแหลกละเอียด ไม่หลงเหลือหลักฐานใด ๆ

ในเวลาเดียวกัน ขุมอำนาจหรือบุคคลอื่น ๆ ที่เคยส่งคำขอให้ยมโลกจัดการกับวังสวรรค์ ต่างก็หวาดกลัววังสวรรค์เช่นกัน

5 1 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด