ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (17)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 37>
4. ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (17)
**********
การไม่มีหัวใจ การไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใด ๆ นั้นจะเป็นอย่างไร?
อารอนลองจินตนาการดู
เขาจินตนาการถึงภาพงานศพ
ผู้ตายถูกฝังในโลงศพ และคนรอบข้างต่างก็ร้องไห้
พวกเขาร่วมแบ่งปันความเศร้าโศก โดยนึกถึงคำพูดที่ยังไม่ได้พูดและสิ่งต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับผู้จากไป
แต่ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีเพียงคนเดียว
คนที่ยืนนิ่ง
เขาไม่ได้แข็งทื่อเพราะความเศร้าโศกอย่างมากล้น
แต่เขาแข็งทื่อเพราะไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาเข้าใจด้วยเหตุผล
ว่าตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่เขาควรจะเศร้า เขาควรจะหลั่งน้ำตาและเสียใจกับการจากไปของผู้ตาย
ยิ่งถ้าสนิทกันมาก่อนก็ยิ่งควรจะเป็นเช่นนั้น
แต่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้น
เขาไม่เศร้า
เขาแค่คิดอย่างใจเย็นว่าคน ๆ นั้นตายไปแล้ว
มีเพียงตัวเขาที่ยอมรับความจริงอย่างเฉยชา
คนรอบข้างมองเขาแล้วคิด
เขาคงแข็งทื่อเพราะความเศร้าโศกอย่างท่วมท้น
เขาคงยังรับไม่ได้กับความจริงที่ว่าผู้ตายจากไปแล้ว
ไม่ใช่อย่างนั้น
มันไม่ใช่อะไรที่เป็นมนุษย์แบบนั้น
เขาไม่ได้รับไม่ได้กับการตายของคน ๆ นั้น
เขาแค่ไม่เศร้า
เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
แค่นั้นเอง
ถ้ามีใครที่นี่มองเข้าไปในใจเขา พวกเขาคงจะขนลุก
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มตระหนักรู้และเริ่มแสร้งแสดงอารมณ์ออกมา เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะถูกมองว่าแปลก
เขาแกล้งทำเป็นเศร้า แกล้งทำเป็นร้องไห้ ขมวดคิ้ว จับโลงศพและแสร้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย
ด้วยใจที่ว่างเปล่า
ด้วยหัวใจที่ไม่รู้สึกอะไรเลย
และในที่สุด เขาก็เริ่มสงสัย
เขาเป็นพวกเดียวกับคนพวกนี้จริงหรือ
เขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อะไรบางอย่างหรอกหรือ
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่รู้สึกกลัวกับเรื่องนั้น เขายังคงเฉยเมย
มันคือโรคบางอย่าง
โรคที่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด
เขาป่วยเป็นโรคนี้
.
.
.
สุสานตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากกระท่อม
อาจเป็นเพราะอาจารย์ไม่อยากให้เขาเห็นสถานที่แห่งนี้
อารนเข้าใจคร่าว ๆ และกลับไปที่กระท่อมพร้อมกับเด็กชาย
"ช่วยอะไร? ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ เจ้าโง่!"
ระหว่างทางกลับ อาจารย์ยังคงบ่นต่อไป
อารอนยิ้มและปล่อยผ่านมันไป
"โอ้โห หน้าด้านจริง บ้าไปแล้วหรือไง หา?"
อาจารย์ป่วยเป็นโรคทางใจ
เขาเป็นผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลด้วยสายตาที่อบอุ่นและท่าทีที่อ่อนโยน
"นี่ อยากตายหรือไง หา!"
การที่อาจารย์อาละวาดแบบนี้ อาจเป็นเพราะอาจารย์กำลังอายหรือเปล่านะ?
อาจารย์มักจะคอยช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ
อาจารย์อาจจะไม่คุ้นเคยกับการเป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือ
"ไม่เป็นไรครับ อาจารย์ ผมจะช่วยอาจารย์... อั๊ก!"
เด็กชายฟาดเข้าที่หลังศีรษะของอารอน
อารอนล้มลงโดยที่ยังหันหลังให้
"ฉันรู้สึกแย่ เพราะงั้นอย่ามาทำเหมือนฉันเป็นคนป่วย ฉันทำได้ด้วยตัวเอง"
"..."
"...ตายหรือยัง?"
"ยังครับ"
อารอนลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
เลือดกำเดาไหลออกมา
เด็กชายพึมพำด้วยความตกใจ
"ไม่เคยเห็นคนบ้าแบบนี้มาก่อน"
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมแข็งแรงมาก"
.
.
.
ดูเหมือนว่าคนสองคนที่เดินทางมาเยือนมิติลัวนานจะจากไปในทันที
เด็กชายมอบหมายให้อารอนเป็นคนไปส่งแขก
ตำแหน่งที่ประตูมิติเปิดออกคือลานว่างข้างสนามฝึกซ้อม
ประตูมิติเปิดออกอยู่กลางลานว่าง
"มาแล้วสินะ"
ประตูมิติเชื่อมต่อไปยังเนลม์ไฮมฟ์
มีบุคคลสองคนยืนอยู่ด้านหน้า
นักดาบอันดับหนึ่งของเนลม์ไฮมฟ์ อย่างรีเจียนและหมอรักษาที่เขานำมาด้วย
เมื่อทั้งสองเห็นอารอน พวกเขาก็หันกลับมาเหมือนกำลังรอเขาอยู่
"ขออภัยที่ให้รอนานครับ"
อารอนโค้งคำนับ
"ไม่เป็นไร พวกเราก็กำลังจะกลับอยู่แล้ว"
"มีอะไรจะบอกผมเป็นพิเศษไหมครับ?"
"ธุระของฉันเสร็จแล้ว"
รีเจียนส่ายหัว
ธุระที่ชายคนนี้คือการที่ต้องมาที่นี่
อาจเป็นเพราะการทดสอบ
เพื่อดูว่าอารอนมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดของเด็กชายหรือไม่
ผลการต่อสู้ทำให้รีเจียนยอมรับ และตอนนี้เขากำลังจะกลับไปที่ห้องพัก
ถ้าอย่างนั้น ธุระอื่นคงเป็นของผู้หญิงที่แนะนำตัวเองว่าเป็นหมอรักษา
ตั้งแต่เมื่อครู่นี้ เธอจ้องมองอารอนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
สายตาที่มองลอดผ่านหน้ากากนั้นน่าอึดอัด
"ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้วก็ดีใจด้วยนะคะ"
"ครับ ขอบคุณ...ครับ"
"ดูเหมือนว่าท่านรีเจียนจะยอมรับในตัวคุณแล้ว"
รีเจียนพูดแทรกขึ้นมาทันที
"ฉันไม่ได้ยอมรับ ฉันแค่เข้าใจการตัดสินใจของเจ้าเด็กนั่นเท่า"
"การตัดสินใจอะไรหรือครับ?"
"การตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่จนถึงที่สุดไงล่ะ"
สายตาของทั้งสองประสานกัน
ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้ามาแทนที่
'ทำไมบรรยากาศถึงเป็นแบบนี้'
มันเหมือนกับกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ
"เมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปเปลี่ยนแปลงมัน"
"นั่นเป็นเหตุผลที่คุณมาที่นี่เพื่อโน้มน้าวเขาไม่ใช่หรือคะ คุณรีเจียนยอมรับการตัดสินใจของเขาหรือยังคะ?"
"ไม่รู้สิ ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเขาตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว ในฐานะเพื่อนร่วมทีย ฉันก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา"
"แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะนำมาซึ่งอันตรายต่อตัวเขาเองหรือคะ?"
"ใช่"
หมอคนนั้นมองไปทางอื่น
ดูเหมือนเธอกำลังจัดระเบียบความคิดภายใต้หน้ากาก
"ฉันไปก่อนล่ะ จัดการคุยกันเองแล้วกัน"
รีเจียนหายตัวไปในประตูมิติ
เขาจากไปโดยไม่ลังเล
"..."
คนที่เหลืออยู่คืออารนอและผู้หญิงปริศนา
อารอนกลืนน้ำลายลงคอแรงๆ
เขาไม่สามารถเข้าใจบรรยากาศในตอนนี้ได้เลย
'การตัดสินใจของเขา การโน้มน้าว อันตราย?'
เขารู้ว่าพวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับอาจารย์ แต่อารอนกลับไม่รู้รายละเอียด
ในที่สุด สายตาของผู้หญิงคนนั้นก็หันมาทางอารอน
"คุณบอกว่าคุณเป็นศิษย์ของเขาใช่ไหมคะ?"
"ใช่ครับ"
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ที่คุณรีเจียนยอมรับคุณแล้ว แสดงว่าคุณทำสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว"
อารอนอ่านอารมณ์เธอไม่ออก
เธอแสดงความยินดีจากใจจริงหรือไม่
หรือเธอกำลังเยาะเย้ยกันแน่
"หึหึ อย่าเครียดไปหน่อยเลยค่ะ ฉันไม่ได้ตำหนิคุณนะคะ"
"อะ ครับ..."
"ฉันแค่อยากจะขอร้องอะไรคุณหน่อยค่ะ"
"ขอร้องอะไรครับ"
"เกี่ยวกับเขาน่ะค่ะ"
หมอคนนั้นพูดต่อ
"น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมฟังพวกเรา เขาปิดกั้นตัวเองจากพวกเราแล้ว เมื่อก่อนเขาไม่เป็นแบบนี้ น่าเสียดายจริง ๆ"
เธอพูดราวกับกำลังนึกถึงอดีต
เมื่อก่อน เด็กชายไม่เป็นแบบนี้
เขาเป็นคนที่เข้ากับพวกเขาและทำให้บรรยากาศสดใสอยู่เสมอ
แต่แล้ววันหนึ่ง เด็กชายก็ขังตัวเองอยู่ในมิติแห่งนี้และไม่ยอมออกมา
"คุณคงรู้ใช่มั้ยคะว่ายิ่งอยู่ในมิตินี้นานเท่าไหร่ จิตใจของมนุษย์ก็จะยิ่งถูกกัดกร่อนมากขึ้นเท่านั้น"
"..."
"แน่นอน ฉันเข้าใจพลังแห่ง ‘กรรม’ ค่ะ มันต้องใช้การฝึกฝนอย่างหนัก แต่ถ้าเขายังคงอยู่ในนี้ต่อไปแม้ว่าจะมีพลังมากพอแล้ว มันจะก่อให้เกิดอันตรายเกินความจำเป็นค่ะ"
ผู้หญิงคนนี้
เธอรู้แจ้งถึงแก่นแท้ของ ‘กรรม’
"ฉันรู้ว่าจิตใจของเขาพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีขีดจำกัดค่ะ เขาอยู่ในที่นี่นานเกินไป นานเกินไปมาก"
"ช่วยเล่าให้ผมฟังอีกหน่อยได้ไหมครับ"
อารอนพูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
"จะพูดตรง ๆ เลยนะคะ"
"..."
"การดำรงอยู่ของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วค่ะ"
ใกล้ถึงขีดจำกัด
หมายความว่าเขาใกล้ตายแล้วงั้นเหรอ?
"ไม่ใช่อายุขัย แต่เป็นการดำรงอยู่ค่ะ เมื่อบรรลุ 'กรรม' แล้ว คุณคงรู้ถึงความพิเศษของมันใช่มั้ยคะ? ผู้ที่ปลุก 'กรรม' นั้นขึ้นมาได้จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เขาจะกลายเป็นวิญญาณชนิดหนึ่ง"
คำศัพท์ที่ซับซ้อนหลั่งไหลออกมาจากปากของหมอร
อารอนต้องใช้สมองอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้น
"คุณรู้ไหมคะว่าความตายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
"ผมไม่รู้ครับ"
"มันคือการตายของตัวตน การมีอยู่ของเขาในจักรวาล ข้อมูลเหล่านั้นจะหายไป ไม่มีใครรับรู้หรือจำได้ว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่ เขาจะถูกลืมเลือนไปตลอดกาล"
อารอนอ้าปากค้าง
ไม่ใช่แค่ตายไปเฉย ๆ
แต่การมีอยู่ของเขาก็หายไปด้วย?
ไม่มีใครจำเขาได้?
"ชื่อ หน้าตา อายุ"
ความตายแบบนั้น... เขาไม่ต้องการ
"ในตอนแรก เขาอาจจะยังคงอยู่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะถูกลืมเลือนไปเรื่อย ๆ"
ไม่มีใครจำเขาได้
ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่
มันน่ากลัวยิ่งกว่าความตาย
อารอนนึกถึงชื่อของอาจารย์
'...'
ดี
แน่นอนว่าเขานึกออก
เขาไม่มีทางลืม
เด็กชายคนนี้เป็นผู้มีพระคุณที่ชี้ทางให้เขา เป็นอาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และเป็นเหมือนพ่ออีกคนของเขา
เขาทำให้อารอนผู้สิ้นหวังได้เริ่มต้นชีวิตครั้งที่สอง
"เข้าใจหรือยังคะ?"
หมอพูดขึ้น
"เขาต้องการการพักฟื้น เขาต้องออกจากที่นี่และไปอยู่ในที่ที่ปกติ ถ้าเราสามารถดับไฟของ 'กรรม' ได้ บางทีอาจจะมีวิธีทำให้เขากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง"
เธอกล่าวอย่างหนักแน่น
เด็กชายต้องการการพักฟื้น
เขาต้องออกจากสถานที่บ้า ๆ นี่เดี๋ยวนี้
'อาจารย์กำละงตกอยู่ในอันตราย'
อาจารย์อยู่ในที่แห่งนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
อาจารย์ต้องทนเดียวดายอยู่ในนี้มากี่ปีแล้วนะ
อารอนเองก็ไม่รู้
แม้ว่าเด็กชายจะไม่มีหัวใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่กาลเวลาก็ยังคงกัดเซาะทุกสิ่ง
เขาแค่ทนได้นานกว่าคนอื่นเท่านั้น
แต่ก็ยังมีขีดจำกัด
"แม้ว่าเขาจะตาย แต่มันก็ควรจะเป็นการตายในฐานะมนุษย์ ถ้าเขาหายไปในฐานะวิญญาณ ... พวกเราจะไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่"
"..."
"เข้าใจไหมคะ?"
“....”
"ขอพูดตรง ๆ นะคะ สถานการณ์ของพวกเราไม่ค่อยดี นายท่านเองก็อยู่ที่อื่น และคุณเซริสก็หายตัวไป นอกจากนี้ยังมีปัญหาใหญ่น้อยอีกมากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องขอร้องคุณค่ะ"
"มีแต่ผมเท่านั้นที่ทำได้สินะครับ"
"ค่ะ ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนพิเศษสำหรับเขา การที่เขาออกไปข้างนอกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากค่ะ"
เด็กชายออกไปนอกลัวนานเพื่อช่วยให้อารอนเติบโต
นั่นเป็นสิ่งที่หมอไม่สามารถจินตนาการได้เลย
ไม่จำเป็นต้องลังเล
อารอนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
"ผมจะทำครับ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำเพื่ออาจารย์"
"ฉันขอร้องคุณจริง ๆ ได้ไหมคะ?"
ผู้หญิงภายใต้หน้ากากพูด
แม้จะเป็นเสียงที่นุ่มนวล แต่ก็มีความสั่นไหวเล็กน้อยแฝงอยู่
อารอนรับรู้ได้ว่าเธอห่วงใยเด็กชายมากแค่ไหนในฐานะเพื่อนร่วมทีม
"ผมจะทำครับ"
ตอบความจริงใจด้วยความจริงใจ
อารอนตั้งปณิธาน
"แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของผมก็ตาม"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเชื่อใจคุณค่ะ"
เขารู้สึกเหมือนผู้หญิงภายใต้หน้ากากกำลังยิ้ม
หมอโค้งคำนับอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปที่พอร์ทัล
"อ้อ รอสักครู่นะครับ ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณเพื่ออาจารย์สักหน่อย"
"ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันทำได้"
อารอนแจ้งความต้องการบางอย่าง
"แค่นั้นเองเหรอคะ ได้สิ ฉันจะลองดู"
"ขอบคุณมากครับ"
"หึหึ ขยันจังเลยนะคะ"
หมอทิ้งเสียงหัวเราะเบา ๆ ไว้ ก่อนจะหายตัวเข้าไปในประตูมิติพร้อมกับชายเสื้อคลุมที่พลิ้วไหว
และแล้วพอร์ทัลก็ปิดลง
แขกสองคนออกจากลัวนานไปแล้ว….