บทที่ 448 การปรุงโอสถครั้งที่ 3 หรือ? ข้าจะเติมไฟให้มัน!
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
บทที่ 448 การปรุงโอสถครั้งที่ 3 หรือ? ข้าจะเติมไฟให้มัน!
แม้หนีไปไกลแล้ว ไป๋กวนอิมยังได้ยินบทสนทนาของหลินเป่ยฟานและชายชรา ใบหน้างามแดงก่ำ ขบฟันแน่น "ช่างเป็นชายชราหน้าไม่อาย!” ว่าแล้วก็ทะยานจากไป ไร้ร่องรอย
หลังจากอำลาชายชรา หลินเป่ยฟานเร่งกลับนครหลวง ผลจากการประลองยังไม่จางหาย ตรงกันข้าม กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?" คนผู้หนึ่งเอ่ยถาม
"พวกข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร เสียงดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหว ผู้คนต่างตื่นตระหนก! ตอนนั้น ข้าคิดว่าแผ่นดินไหว จึงคว้าลูกและดึงภรรยาออกมา!”
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
"ข้ามาจากทางนั้น เดิมมีเนินเขาแห้งแล้งอยู่หลายลูก บัดนี้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง! ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อวานยังปกติดี พอข้ามคืนกลับกลายเป็นเช่นนี้!”
"หรือว่าจะเป็นการประลองของยอดฝีมือ?"
"แม้แต่ยอดฝีมือก็มิอาจทำให้ภูเขาราบเรียบได้กระมัง? ชาวบ้านเล่าว่า คืนนั้นอากาศวิปริต มีลมแรงและฝนตกหนัก! พวกเขาเห็นมังกรทองห้ากรงเล็บและเทพธิดาต่อสู้กันบนฟ้า!”
"เจ้าคงแต่งเรื่องขึ้นมา มันจะเป็นไปได้อย่างไร?"
"เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้? พวกเขายังพบกระดูกมังกรที่มีกระดูกขาครบสมบูรณ์ นั่นไม่ใช่หลักฐานหรือ?"
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว
ในราชสำนัก มีผู้รายงานเรื่องนี้
"ฝ่าบาท เมื่อคืนมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนครหลวง กระหม่อมส่งคนไปสืบ พบว่าในเทือกเขาศิลา ห่างจากนครหลวงไปสองร้อยลี้ มีภูเขาและป่าหลายแห่งถูกทำลายราบ ดูเหมือนจะทั้งเกิดจากฝีมือมนุษย์และไม่ใช่ฝีมือมนุษย์"
"ชาวบ้านเล่าว่า คืนนั้นอากาศวิปริต มีลมแรง ฝนตก และฟ้าร้องไม่หยุด! พวกเขาเห็นมังกรทองและเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ต่อสู้กันบนภูเขา!”
"กระหม่อมมิบังอาจละเลย จึงขอมารายงานฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์จักรพรรดินีพยักหน้าเล็กน้อย "สิ่งที่ท่านพูด เราก็รู้สึกได้เมื่อคืนเช่นกัน"
องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรหลินเป่ยฟาน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะทรงกลอกพระเนตรอย่างเหนื่อยพระทัย ชายผู้นี้อีกแล้ว! ตามที่พี่สาวไป๋กวนอิมรายงาน ชายผู้นี้ทะลวงพลังเมื่อคืน กลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ไร้เทียมทานของโลก จากนั้นก็ได้ต่อสู้กับสุดยอดปรมาจารย์อีกสองคน แถมยังแปลงกายเป็นมังกรทองได้อีก ช่างชอบก่อเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้คนไม่น้อย!
"เรื่องนี้เกิดขึ้นใกล้นครหลวงไม่อาจละเลยได้ ดังนั้น... เราจะมอบหมายให้ท่านเสนาบดีหลินเป็นผู้จัดการ!” องค์จักรพรรดินีตรัส เพื่อแก้ไขปัญหาที่เขาเป็นผู้ก่อขึ้นมาเอง
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานรับพระราชโองการ
เขาคิดจะทำตามพิธีการ ส่งคนไปสืบสวนตามปกติ แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปตามกาลเวลา ทว่า ในเวลานี้ ณ นครหลวงอันไกลโพ้นของอาณาจักรหยานอันยิ่งใหญ่ กำลังเกิดเรื่องราวอันน่าตื่นตะลึง นักพรตขุนเขามหาสุญได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหยาน กำลังเตรียมการปรุงโอสถครั้งที่ 3 เพื่อปรุงยาอายุวัฒนะ
นี่เป็นเรื่องใหญ่หลวง ในฐานะบุคคลเดียวในโลกที่สามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้ ทุกการเคลื่อนไหวของนักพรตขุนเขามหาสุญล้วนดึงดูดความสนใจจากทั่วทุกสารทิศ ความพยายามครั้งแรกในการปรุงยาสำเร็จ แต่กลับถูกทำลายโดยสวรรค์ ความพยายามครั้งที่สองในอาณาจักรเซี่ยยิ่งใหญ่กลับทำให้จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ยได้รับพิษ ทว่า มีผู้กล่าวอ้างว่าในครั้งนั้น นักพรตขุนเขามหาสุญไม่ได้ตั้งใจจะปรุงยาให้จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ย แต่กลับปลอมยาขึ้นมา ซึ่งนำไปสู่การสวรรคตของจักรพรรดิ
บัดนี้ นี่เป็นความพยายามครั้งที่สามในการปรุงยา และโอกาสที่จะสำเร็จก็สูงยิ่งไม่มีผู้ใดสามารถเพิกเฉยต่อยาอายุวัฒนะได้!
ยุทธภพกำลังปั่นป่วน เหล่าจอมยุทธ์จากทุกสารทิศต่างมุ่งหน้าสู่นครหลวงแห่งอาณาจักรหยานอันยิ่งใหญ่
"นักพรตขุนเขามหาสุญกำลังจะปรุงโอสถวิเศษอีกครั้ง!”
"ครานี้โอกาสสำเร็จมีสูงยิ่งนัก เราต้องช่วงชิงโอสถมาให้จงได้!”
"ระดมยอดฝีมือทั้งสำนัก ชิงโอสถมาให้ได้!”
ณ พระราชวังหลวงแห่งอาณาจักรหยานอันยิ่งใหญ่...
ข่าวนี้ทราบถึงโสตของเซี่ยเทียนฉุง จักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรเซี่ย พระองค์ทรงพิโรธยิ่งนัก กัดฟันกรอด ตรัสว่า "นักปรุงยาผู้นั้นมิเพียงหนีไปได้ ยังคิดปรุงโอสถวิเศษอีกหรือ? เราจะไม่มีวันปล่อยมันไป! ใครอยู่ข้างนอก เข้ามา!”
ขันทีชราผู้หนึ่งก้าวเข้ามา คารวะ "ฝ่าบาท"
สีพระพักตร์ของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ยมืดครึ้ม"นักปรุงยาที่ปลงพระชนม์เสด็จพ่อของเรา หนีไปยังนครหลวงแห่งอาณาจักรหยาน และยังคิดปรุงโอสถวิเศษต่อไป นี่เป็นความแค้นของแผ่นดิน ความแค้นของวงศ์ตระกูล ต้องชำระให้สาสม! รีบส่งยอดฝีมือไปยังนครหลวงแห่งอาณาจักรหยาน นำหัวของนักปรุงยามา!”
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ขันทีชรารับคำแล้วถอยออกไป
"เดี๋ยวก่อน!” จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ยร้องเรียก
"ฝ่าบาท มีรับสั่งอันใดอีกหรือ?" ขันทีชรากลับเข้ามา
"หากนักปรุงยาผู้นั้นปรุงโอสถวิเศษสำเร็จ จงนำมาถวายเรา!” แววตาของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ยเป็นประกายด้วยความทะเยอทะยาน
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ขันทีชรารับคำแล้วถอยกลับไป
ณ พระราชวังแห่งอาณาจักรเซียนเยว่...
ขุนนางเข้าเฝ้าในวัง ทูลรายงานเรื่องนี้ และทูลถามว่าควรส่งคนไปแย่งชิงโอสถหรือไม่
จักรพรรดินีซือเยว่ยังคงสงบนิ่ง ทรงส่ายพระพักตร์ "ไม่จำเป็น"
"เหตุใดเล่า ฝ่าบาท?" เหล่าขุนนางต่างฉงน
ใต้หล้าฟ้าดิน ใฝ่หาชีวีอมตะ นิรันดร์กาล ใครจักไม่ปรารถนา อำนาจบารมีไร้สิ้นสุด ราชันย์ทั่วหล้าล้วนไขว่คว้า เหตุใดองค์จักรพรรดินีจึงมิทรงใส่พระทัย?
“ราชวงศ์เซียนเยว่เราเพิ่งจักกอบกู้คืนมา ภาระกิจมากล้น กำลังยังอ่อนแอ หากมัวหลงใหลในยาอมตะ เสียกำลังไปมากมาย อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของแผ่นดิน ข้ามิอาจนำพาราษฎร์ไปเสี่ยงภัยได้” จักรพรรดินีซือเย่ว์ทรงแย้มสรวล
“ฝ่าบาททรงรอบคอบยิ่งนัก” เหล่าขุนนางต่างหมอบกราบ โล่งใจที่มีจักรพรรดิทรงปัญญาปกครองอาณาจักร
แววตาชื่นชมของเหล่าขุนนาง ทำให้จักรพรรดินีซือเย่ว์ทรงอิ่มเอมพระทัย แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังความสุขุมรอบคอบนี้ ล้วนมาจากหลินเป่ยฟาน
ยามเมื่ออยู่ด้วยกัน หลินเป่ยฟานได้นำความจริงอันน่าตกตะลึงมาบอกกล่าว กระดูกมังกรที่ใช้ปรุงยาอมตะ ล้วนแต่ซื้อมาจากเขาในราคาสูงลิบลิ่ว ทว่ากระดูกมังกรเหล่านั้น กลับเป็นของปลอม มิได้มีอิทธิฤทธิ์อันใด
กระดูกมังกรปลอมย่อมมิอาจรังสรรค์ยาอมตะได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดินีซือเย่ว์ก็ทรงตะลึงงัน
สหายผู้นั้น กุนซือผู้เป็นที่รักยิ่ง กล้าหาญยิ่งนัก หลอกลวงคนทั้งใต้หล้าด้วยกระดูกมังกรปลอม!
"ทว่า ถึงแม้เราจะมิได้หมายปองโอสถวิเศษนั้น แต่เราสามารถส่งผู้คนไปยังสถานที่นั้นเพื่อก่อความวุ่นวายได้!“จักรพรรดินีซือเย่ว์ทรงแย้มสรวล”มีแต่การทำให้พวกมันหวั่นวิตกเท่านั้นจึงจะเป็นประโยชน์ต่อเซียนเยว่แห่งเรา!”
"ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถยิ่งนัก!” เหล่าขุนนางต่างหมอบกราบคำนับอีกครา
ท่ามกลางอาณาจักรน้อยใหญ่ มีเพียงราชวงศ์แห่งอาณาจักรอู๋อันยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งไม่ว่าข่าวลือนอกวังจะปั่นป่วนเพียงใด ก็มิได้ส่งผู้ใดออกไป ราวกับมิได้ใส่ใจในเรื่องราวเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ในค่ำคืนแห่งการหลอมโอสถ หลินเป่ยฟานได้ออกจากนครหลวงด้วยรอยยิ้มอันไร้กังวล มุ่งหน้าสู่อาณาจักรหยานอันยิ่งใหญ่ไกลโพ้น "เหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นเช่นนี้ ข้าจะพลาดไปได้อย่างไร? ข้าจะไปเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนและร่วมสร้างความสนุกสนานให้กับงานนี้!”