ตอนที่แล้วCD บทที่ 536 เรียกฉันว่าจ้าวเทียนปา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 538 หวัดดี พ่อยอดทนายความ

CD บทที่ 537 สัตว์ร้ายที่หลุดจากกรง


เย็นวันนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล และตำรวจท้องที่รุดหน้าไปยังที่เกิดเหตุ พวกเขาต้องตกตะลึงกับฉากอันโหดร้ายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

ตรงหน้าของพวกเขามีอันธพาลมากกว่า 10 คน กำลังคุกเข่าอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาล พวกเขาทั้งหมดถูกตีอย่างหนัก บางคนไหล่หลุดและนิ้วหัก ทุกคนมีสภาพยับเยิน รวมถึงผู้หญิงผมแดงด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอาการบาดเจ็บของพวกเขาจะร้ายแรงสักแค่ไหน พวกเขาก็ต้องคุกเข่าไปตามทางเดินอย่างเชื่อฟัง ไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

ในขณะนั้น จ้าวหยู่คว้าสร้อยทองของชายคนนั้น แล้วตบเขาซ้ำ ๆ จากนั้น เขาก็บังคับให้ชายคนนั้นคุกเข่าต่อหน้าพยาบาลที่ถูกเตะก่อนหน้านี้ และสั่งให้ชายคนนั้นขอโทษเธอ

ตำรวจท้องที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว และต้องการหยุดจ้าวหยู่ อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ก็หันกลับมาและจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาอันดุร้าย จากนั้น เขาก็ตะโกนอย่างดุร้ายว่า

“ไปให้พ้น! ใครก็ตามที่เข้าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ล่ะก็ ฉันจะซัดให้น่วมเลยคอยดู!”

ทางด้านจ้าวหยู่ สภาพของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เสื้อผ้าของเขา ตามตัวเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยฟกช้ำ เขายังมีเลือดออกที่คิ้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ตำรวจในพื้นที่ไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ

“แกไม่ได้ยินที่ฉันสั่งงั้นเหรอ?” จ้าวหยู่เหยียบหูชายคนนั้นแล้วถ่มน้ำลาย “ขอโทษเธอซะ!”

“โอ๊ย!!!”

ชายที่สวมสร้อยทองตัวสั่นขณะคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพยาบาลคนนั้น เขาพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าว่า

“ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ!”

“ไอ้เวร!” จ้าวหยู่เตะเขาอีกครั้ง ทำให้ศีรษะของชายคนนั้นกระแทกกับผนัง

“เสียงแกหายไปไหนหมด!” จากนั้น เขาก็ดึงหูชายคนนั้นและพูดว่า “เอาให้ดังกว่านี้!!!”

“โอย…” ใบหน้าของชายคนนั้นเปื้อนเลือด หลังจากที่เขาได้ยินคำสั่งของจ้าวหยู่ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคุกเข่าลงกับพื้น และขอโทษด้วยเสียงที่ดังขึ้น

ในขณะนั้นเอง พยาบาลที่ถูกเตะก่อนหน้านี้ก็ตกใจ เธอหน้าซีดและตัวสั่น เธอไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี

“คุณตำรวจ… เออ…” คิ้วของเหยาเจียขมวดแน่นขณะที่เธอพยายามโน้มน้าวจ้าวหยู่ “พวกเขาขอโทษไปแล้ว ทำไมไม่ปล่อยพวกเขาไป…”

จ้าวหยู่ไม่สนใจ เขาเหยียบไปที่รอยสักหัวหมาป่าบนตัวชายคนนั้น จากนั้นก็พูดว่า

“ฉันไม่สนใจว่าแกจะมาจากไหน และฉันก็ไม่สนใจว่าแก๊งของแกจะใหญ่โตเพียงใด แต่แกไม่สามารถไปรังแกคนอื่นได้!”

เขาพูดต่อว่า

“เอาล่ะ เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า ในอีกสามวัน ฉันจะไปที่ถิ่นของแกเพื่อต่อสู้ ฉัน จ้าวเทียนปา จะทำตามคำพูดอย่างแน่นอน ดังนั้น แกควรเตรียมตัวให้ดี!”

“แค่ก! แค่ก!” ชายที่สวมสร้อยทองไอออกมาเป็นเลือด เขาเอาแต่ก้มหน้าโดยไม่กล้าแม้แต่จะมองจ้าวหยู่

“เอาล่ะ พวกแกไปได้แล้ว!” จ้าวหยู่โบกมือเรียกพวกเขาไปที่ประตู จากนั้นก็เตือนว่า “หวังว่าพวกแกจะรู้กฎของพวกเราดี”

เมื่อจ้าวหยู่พูดจบ กลุ่มคนที่อยู่ภายใต้การนำของชายที่สวมสร้อยทองก็ลุกขึ้น พวกเขาก้มหน้าลงด้วยความอับอายขณะที่พวกเขาเดินโซเซออกจากโรงพยาบาล

จ้าวหยู่เช็ดเลือดที่แก้มของเขา จากนั้นก็พูดกับเหยาเจียอย่างใจเย็นว่า

“เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้กับทางโรงพยาบาลเอง”

“ไม่ ไม่ ไม่… ฉัน ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง…” เหยาเจียกล่าว “ท้ายที่สุดแล้ว คุณได้ช่วยเราไว้ แล้วเราจะให้คุณจ่ายได้ยังไง?”

เหยาเจียประคองจ้าวหยู่ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็พูดว่า

“เรามาทำแผลกันก่อนดีกว่านะ”

ทันทีที่พวกเขาจะออกไปจากที่เกิดเหตุ ตำรวจท้องที่ก็เข้ามาสอบถามจ้าวหยู่ทันที โชคดีที่เหมาเว่ยรีบไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานจากสถานีหรงหยางหลังจากได้ยินข่าว หลังจากที่เหมาเว่ยอธิบายสถานการณ์ให้ตำรวจท้องที่ฟังแล้ว เรื่องทั้งหมดก็ยุติลงได้

อย่างไรก็ตาม เป็นการทะเลาะกันที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะ ดังนั้นข่าวนี้จึงเข้าหูผู้การหลัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ในเทศบาลอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้การหลันจึงเรียกจ้าวหยู่ไปยังห้องทำงานของเธอ

แม้ว่าเธอจะเป็นผู้บังคับบัญชาของเขา แต่ผู้การหลันก็กลัวจ้าวหยู่อยู่เสมอ ถึงเธอจะเป็นคนตำหนิและลงโทษเขา แต่ผู้การหลันก็ระมัดระวังที่จะถ่ายทอดคำพูดของเธอในทางที่ดี

เธอกล่าวว่าจะจัดการเรื่องของเหมี่ยวอิงเอง เพื่อให้จ้าวหยู่จะได้สงบสติอารมณ์ลง จากนั้น เธอก็แนะนำเขาว่า หากเขาพบความอยุติธรรมใด ๆ เขาต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม แทนที่จะตอบสนองตามอารมณ์

จ้าวหยู่มีท่าทีสุภาพต่อผู้การหลันมาก เขาตั้งใจฟังเธอและพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ตลอดเวลา

ผู้การหลันเห็นว่าจ้าวหยู่มีพฤติกรรมดี เธอจึงไม่คุยเรื่องนี้ต่อ เธอคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้ว

แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์ในโรงพยาบาลเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...

ในอีกสองวันต่อมา จ้าวหยู่มีเรื่องทะเลาะวิวาท ในระหว่างที่เขากำลังไล่ล่าผู้ต้องสงสัย จนสถานการณ์เริ่มบานปลายจนควบคุมไม่ได้

ในเวลานั้น ตำรวจสงสัยว่าผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกาย และต้องการจับกุมเขาเพื่อสอบสวน อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่เริ่มทะเลาะวิวาทตรงที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงไล่ตามผู้ต้องสงสัยบางคนเข้าไปในตรอกใกล้เคียง

การต่อสู้จบลงด้วยการนองเลือด ผู้ต้องสงสัยกับลูกน้องของเขา ทั้งหมดต้องถูกส่งเข้าห้อง ICU แต่ทว่าจ้าวหยู่กลับไม่มีรอยข่วนใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

ในวันที่สาม จ้าวหยู่ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขานำทีมพาโจวหยางและแก๊งของเขาไปยังถิ่นของชายสวมสร้อยทอง

ชายที่สวมสร้อยทองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหยู่แม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้ในเวลาต่อมา จากนั้น แหล่งกบดานของพวกเขาก็ถูกทำลายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก

อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ก็ยังไม่หนำใจ ดังนั้นเขาจึงพาลูกน้องของเขา และบุกเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อทำร้ายพวกลูกน้องของชายสวมสร้อยทอง

วันที่สี่ จ้าวหยู่ไปหาเหลยปิ่นที่โรงฝึกเทควันโด ทางด้านเหลยปิ่น เขาไม่กล้าปรากฏตัว แต่บอกลูกศิษย์ของเขาให้ส่งรูปถ่ายของเหมี่ยวอิงให้จ้าวหยู่ รูปนั้นเป็นรูปของเธอตอนรับรางวัลเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก

เมื่อมองดูรูปถ่ายของเหมี่ยวอิง จ้าวหยู่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองหาข้ออ้างในการสร้างความวุ่นวายในโรงฝึกเทควันโดอีกครั้ง ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้โรงฝึกเทควันโดต้องปิดตัวลงอีกวัน และในที่สุด พวกเขาก็ทำเรื่องย้ายออกจากสถานที่แห่งนั้น...

...

จากนั้นเป็นเวลาหลายวันต่อเนื่องกัน จ้าวหยู่ในตอนนี้ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากกรง เขากระทำตามสิ่งที่เขาต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความคิดเห็นของผู้อื่น

มันเหมือนกับคติประจำใจของเขาในชีวิตก่อนหน้านี้ นั่นก็คือ ‘ไม่ว่าปัญหาจะเป็นอะไร เขาจะแก้ไขมันด้วยกำปั้นของเขาเท่านั้น’

แน่นอนว่าการกระทำของจ้าวหยู่ส่งผลให้มีการร้องเรียนมากมายต่อเขา ซึ่งโปรยปรายลงมาบนโต๊ะของผู้การหลันราวกับเกล็ดหิมะ เธอรู้สึกว่าถูกบีบให้จนมุม

ในท้ายที่สุด เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสั่งให้จ้าวหยู่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เขาได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับการกระทำผิดของเขา

อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ยังคงไไม่รู้สึกรู้สา เขายังคงก่อปัญหาด้วยความรุนแรงของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

เพื่อนร่วมงานของเขาต่างกังวลว่าจ้าวหยู่จะประสบความลำบากในการสะสางปัญหาที่เขาก่อในอนาคต ดังนั้น ตัวแทนจากทั้งสถานีหรงหยางกับสถานีรุ่ยหยางต่างก็มาให้คำแนะนำเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่จ้าวหยู่ไม่ฟังใครเลย เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งมาเยี่ยม เขาจะลากพวกเขาไปดื่ม หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่มีใครมาคุยกับเขาอีกเลย…

ไม่กี่วันต่อมา จ้าวหยู่ก็ได้รับหมายศาล เขาพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งคนที่ฟ้องเขาไม่ใช่ใครอื่น คน ๆ ก็คือทนายความของลูกชายคนโตของตระกูลของฉิว

เฟิงเชาหยาง

เฟิงเชาหยางเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีกลวิธีมากมาย แม้ว่าเสี่ยวจางและคนอื่น ๆ ในสถานีรุ่ยหยางจะช่วยปกป้องจ้าวหยู่เท่าที่พวกเขาจะทำได้แล้ว แต่เฟิงเชาหยางก็ยังหาหลักฐานมาเอาผิดจ้าวหยู่เจออยู่ดี

เขากำลังพาจ้าวหยู่ไปไตร่สวน โดยอ้างว่าจ้าวหยู่ได้ทำร้ายร่างกายลูกความของเขาอย่างผิดกฎหมาย และบังคับให้ลูกความของเขารับสารภาพผ่านการซ้อมทรมาน ในเวลาเดียวกัน เขาก็หาทางช่วยให้ลูกความพ้นผิด โดยหวังว่าจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อผู้บริสุทธิ์

เมื่อได้รับข่าวนี้ เพื่อนร่วมงานและเพื่อนของจ้าวหยู่ต่างแตกตื่นนั่งไม่ติด พวกเขามาเสนอไอเดียต่าง ๆ นานาให้จ้าวหยู่ทีละคน แต่จ้าวหยู่ก็ยังคงไม่สนใจคำแนะนำของพวกเขาอยู่ดี

“ฮิฮิฮิ! เฟิงเชาหยาง!” เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นก็บอกเพื่อนร่วมงานและเพื่อน ๆ ของเขาว่า “ถึงเขาจะไม่อยากเจอฉัน แต่ฉันแม่งอยากเขาจนแทบใจจะขาดเลย ทุกคนไม่ต้องกังวลไป ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเอง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด