บทที่ 1078 (199) นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ (ตอนฟรี)
บทที่ 1078 (199) นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่
ใบหน้าสวยของหรงซูเยี่ยนแดงเล็กน้อย ดวงตาของเธอสั่นไหว เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเขินอาย “พ่อคะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยนะคะ หนูขอลงไปรับจี้เฟิงมาก่อน แล้วค่อยให้พ่อเป็นคนคุยกับเขาก็ได้ แต่พ่อห้ามพูดเรื่องของหนูนะ!”
พูดจบเธอก็รีบวิ่งออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและว้าวุ่นใจ
ในด้านหนึ่ง หรงซูเยี่ยนรู้สึกเกลียดชังความเลวทรามของทุกคนในตระกูลอู๋ โดยเฉพาะสองคนพี่น้องอู๋จื้อเหอและอู๋จื้อหยาง
อู๋จื้อเหอเคยเป็นผู้ชายที่สาบานรักกับเธอต่อหน้าฟ้าดิน พูดคำหวานให้เธอฟังมากมาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาทิ้งความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกันมาหลายปีไปอย่างง่ายดาย ส่วนอู๋จื้อหยางนั้นก็เลวร้ายไม่แพ้กัน เขาโหดร้ายและเจ้าเล่ห์ ตอนนี้หรงซูเยี่ยนได้สัมผัสกับความโหดเหี้ยมของสองพี่น้องตระกูลอู๋แล้ว
ตระกูลหรงเพิ่งแยกทางกับตระกูลอู๋ได้ไม่นาน อู๋จื้อเหอและอู๋จื้อหยางก็เข้าควบคุมหรงเป่ากังแล้ว พ่อได้ฟังพ่อพูดหรงซูเยี่ยนก็เพิ่งจะเข้าใจว่า สองพี่น้องตระกูลอู๋ยังมีแผนที่จะทำร้ายคนในครอบครัวเธอต่อไป ถึงแม้พวกเขาจะยึดหรงเผิงกรุ๊ปกลับคืนไปแล้ว ก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยตระกูลหรงไป....
หรงซูเยี่ยนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เธอไม่เข้าใจว่าตอนนั้นตัวเองไปชอบคนแบบนี้ได้ยังไงกันนะ ถึงได้คบกันมานานหลายปี
ในตอนนี้ หรงซูเยี่ยนไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้กับอู๋จื้อเหออีกแล้ว แม้แต่ความคุ้นเคยก็ไม่มีเหลืออยู่เลย ที่เหลืออยู่คงมีแต่ความเกลียดชังและความรู้สึกเป็นคนแปลกหน้า
อย่างไรก็ตาม ในใจลึกๆของหรงซูเยี่ยนก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวและสับสนอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ฟังสิ่งที่พ่อของเธอเพิ่งพูดไป มันทำให้เธอรู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก ในการมากวางตุ้งของจี้เฟิงครั้งนี้เขามาเพื่ออะไรกันแน่ มาเพื่อหรงเผิงกรุ๊ป? มาเพื่อช่วยเหลือตระกูลหรง? หรือ... เขามาหาเธอ หรงซูเยี่ยน?
หรงซูเยี่ยนไม่มีทางรู้ และยากที่จะถาม เธอทำได้เพียงลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกสับสนและรีบร้อน เพราะจี้เฟิงรออยู่ที่นั่นนานแล้ว
เมื่อเห็นย่างก้าวที่รีบร้อนของลูกสาว หรงเผิงที่กำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ
และอดคิดในใจไม่ได้ว่า “สาวน้อยโง่เขลา ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ แม้แต่ตอนที่คบกับไอ้สัตว์นรกอย่างอู๋จื้อเหอยังไม่เห็นจะตื่นเต้นและเขินอายขนาดนี้เลย แล้วแบบนี้จะมาบอกว่าไม่มีอะไรได้ยังไง... ไม่สิ จะบอกว่าอู๋จื้อเหอเป็นสัตว์นรกไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นลูกสาวฉันก็จะ... ไม่ๆ ไม่ได้ แบบนั้นมันไม่ถูกต้อง!”
หรงเผิงจิ้มบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “ถ้าสาวน้อยได้แต่งงานกับจี้เฟิงขึ้นมาจริงๆ มันคงเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนจะได้มีความสุข”
แม้เขาจะคิดเช่นนี้ แต่หรงเผิงก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย เขากลัวว่าจี้เฟิงจะกลายเป็นอู๋จื้อเหอคนที่สอง เขารู้สึกว่าเขายังคงต้องจับตามองต่อไป และที่สำคัญกว่านั้นคือทัศนคติของจี้เฟิงที่มีต่อซูเยี่ยนคืออะไร?
.......
“ไป๋จู มณฑลกวางตุ้งนี่แย่กว่าเจียงโจวซะอีกนะ!” ใต้อาคารสำนักงานใหญ่ของหรงเผิงกรุ๊ป จี้เฟิงกำลังยืนพิงสิงโตหินอยู่ที่ประตูแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจ” แมงมุมขาวถามกลับ
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ก็ดูสิเจียงโจวที่เจริญรุ่งเรืองทำให้ผู้คนมาอยู่อาศัยมากมาย การจราจรก็เลยมักจะติดขัดบ่อยๆ เดินทางไปไหนมาไหนก็ใช้เวลานาน แต่ที่กวางตุ้งนี่แย่ยิ่งกว่าอีก เพราะไม่ใช่แค่รถบนท้องถนนที่ติด แม้แต่ลิฟต์ในตึกสูงก็ยังติดเลย!”
แมงมุมขาวอดขำไม่ได้ เธอรู้แล้วว่าจี้เฟิงกำลังพูดถึงหรงซูเยี่ยนที่ป่านนี้ก็ยังไม่ลงมา
เธอมิ้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ “บางทีที่คุณหรงล่าช้า อาจติดธุระสำคัญบางอย่าง”
“ฮ่าๆๆ! พวกเรากำลังโดนปล่อยให้เคว้งอยู่ที่นี่ล่ะ!” จี้เฟิงหัวเราะ
แมงมุมขาวหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในฐานะบอดี้การ์ด เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรพูดออกไปง่ายๆ
“คุณจี้!”
ในขณะนั้นเอง มีเสียงไพเราะของหญิงสาวดังขึ้น หรงซูเยี่ยนรีบวิ่งลงมาจากบันไดใหญ่ “ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนานนะคะ!”
“ไม่นานหรอก แค่ครึ่งชั่วโมงเอง” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หรงซูเยี่ยนรีบขอโทษทันที “ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะคุณจี้ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
“แค่ล้อเล่นน่ะ!” จี้เฟิงหัวเราะ
หรงซูเยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดว่า “คุณจี้ นี่คือ...”
“อ้อ! นี่ไป๋จู บอดี้การ์ดของผมเอง” จี้เฟิงแนะนำหญิงสาวทั้งสอง “ไป๋จู นี่คือหรงซูเยี่ยน เพื่อนของฉัน”
หรงซูเยี่ยนทักทายแมงมุมขาวอย่างกระตือรือร้นแล้วพูดว่า “เชิญค่ะคุณจี้ พ่อของฉันรอคุณอยู่ชั้นบน”
“รออยู่เหรอ?” จี้เฟิงเลิกคิ้วแล้วยิ้มเบาๆ
“คือ... ทางนี้ค่ะคุณจี้ โปรดตามฉันมา” หัวใจของหรงซูเยี่ยนเต้นรัว เธอกลัวจี้เฟิงจะรู้เรื่องที่พ่อของเธอจะฆ่าตัวตายเป็นเรื่องโกหก เธอรู้ดีว่าจี้เฟิงฉลาดมาก แม้อายุของเขาจะน้อย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะหลอกลวงได้ง่ายๆ
ภายใต้การนำทางของหรงซูเยี่ยน พวกเขาสามคนขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานของประธานบริษัท และเป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงได้พบกับหรงเผิง ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในวงการธุรกิจ
เมื่อได้เห็นหรงเผิง จี้เฟิงก็รีบสังเกตบุรุษผู้มีชื่อเสียงทางธุรกิจซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลอย่างมากในแวดวงธุรกิจทางตอนใต้ของกวางตุ้ง และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างชื่นชม
‘ชายคนนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ’
จี้เฟิงยื่นมือออกไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหรง ผมได้ยินชื่อเสียงและรู้สึกชื่นชมคุณมาโดยตลอด วันนี้ได้มาพบตัวจริงแล้ว ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ”
หรงเผิงรีบเดินออกมาจากหลังโต๊ะทำงานยื่นมือมาจับกับจี้เฟิงพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “คุณจี้พูดชมเกินไปแล้ว”
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ และส่ายหัว “ไม่เกินไปหรอกครับคุณหรง ผมพูดจริงๆ คุณหรงดูมีออร่าน่าเกรงขามมาก สมกับเป็นผู้นำธุรกิจเอกชนทางใต้อย่างแท้จริง!”
“ฮ่าๆๆ~!”
หรงเผิงหัวเราะเสียงดัง “คุณจี้ชมเกินไปแล้ว... เอาล่ะๆ เชิญนั่งลงก่อนเถอะครับ!”
เมื่อนั่งลง หรงซูเยี่ยนก็รีบไปชงชาให้จี้เฟิงและคนอื่นๆ
หรงเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ผมได้ยินซูเยี่ยนพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอกันเสียที ตอนนี้ได้มาเจอตัวจริงแล้ว คุณจี้ดูดีมาก สมกับวัยรุ่นยุคใหม่ผู้มีอนาคตไกลจริงๆ!”
จี้เฟิงยิ้มแล้วโบกมือเบาๆ “คุณหรง ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องชมกันไปชมกันมาแบบนี้หรอกมั้งครับ?”
“อ่า... ฮ่าๆๆ~! ไม่เลวๆ คุณจี้เป็นคนตรงไปตรงมาทีเดียว!” หรงเผิงตกใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและหัวเราะ
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อย จากนั้นหรงซูเยี่ยนก็นำชามาเสิร์ฟ
จี้เฟิงดื่มชาอย่างสบายๆ แต่ภายในใจกำลังครุ่นคิดและสงสัย เพราะเมื่อเขาได้พิจารณาจากสีหน้าและบทสนทนาของหรงเผิงแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่คิดจะฆ่าตัวตายเลย โดยเฉพาะการถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายยิ่งเป็นไปไม่ได้!
ในขณะเดียวกัน หรงเผิงก็แอบมองและประเมินจี้เฟิงอยู่ในใจ การให้คะแนนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แค่เห็นจี้เฟิงนั่งอยู่เฉยๆก็รู้สึกได้ถึงออร่าของผู้นำ ถ้าไม่รู้ว่าจี้เฟิงอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ หรงเผิงคงคิดว่าเขากำลังคุยกับผู้นำบางคนอยู่แน่ๆ
‘ไม่แปลกใจเลยที่จะเป็นลูกชายจากตระกูลใหญ่’ หรงเผิงพูดในใจพลางพยักหน้าอย่างช้าๆ แค่เรื่องของอากัปกิริยาก็เทียบกับคนรุ่นเดียวกันไม่ได้แล้ว
หรงเผิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอู๋จื้อเหอ แน่นอนว่าอู๋จื้อเหอเองก็ดูดีมีความสง่างาม แต่เมื่อเทียบเขากับจี้เฟิงแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจี้เฟิงมีออร่าของผู้นำมากกว่า
ท่าทางของอู๋จื้อเหอที่แสดงออกมาค่อนข้างว่างเปล่า พูดตรงๆคือเขาไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แค่พยายามทำตัวให้ดูดี ก็เลยดูขาดความมั่นใจ
แต่จี้เฟิงไม่เหมือนกัน ท่าทางและการแสดงออกของเขามันออกมาจากภายใน ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ไม่ต้องทำอะไรให้มากเรื่อง แค่นั่งเฉยๆก็ดูมีออร่าความเป็นผู้นำแล้ว
ลำพังแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวอู๋จื้อเหอก็เทียบไม่ติดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น สายตาของจี้เฟิงที่เพียงแค่เหลือบมองมาเบาๆมันช่างแหลมคม ทำให้แม้แต่หรงเผิงที่พบเจอผู้คนมามากมายยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเลย
นี่ไม่ใช่แค่ชายหนุ่มที่มีความมั่นใจ แต่ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งอีกด้วย แม้แต่อู๋จื้อหยางที่ดูสงบนิ่งและเย็นชาก็ยังสู้จี้เฟิงไม่ได้....
ยิ่งหรงเผิงมองจี้เฟิงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกชอบใจมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่หรงเผิงกำลังพิจารณาจี้เฟิงอยู่นั้น จี้เฟิงก็กำลังพิจารณาหรงเผิงอยู่เช่นกัน
ในความเป็นจริง เมื่อจี้เฟิงได้เห็นหรงเผิงครั้งแรก ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
เดิมทีจี้เฟิงคิดว่าหรงเผิงน่าจะเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างท้วม มีพุงและอายุเยอะ เพราะโดยทั่วไปบรรดาบิ๊กบอสมักจะมีรูปร่างแบบนั้น
แต่พอได้เจอหรงเผิงตัวจริง จี้เฟิงกลับพบว่าความคิดเดิมที่มีอยู่นั้นไม่ถูกต้อง เพราะหรงเผิงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้
หรงเผิงมีอายุประมาณห้าสิบปี แต่เขาไม่ได้อ้วนท้วนตามวัยเลย
อันที่จริง หรงเผิงก็มีพุงนิดหน่อย อาจเรียกได้ว่ารูปร่างอวบเล็กน้อย แต่พอเขาลุกขึ้นยืน รูปร่างที่สูงใหญ่ช่วยให้เขาดูไม่อ้วน กลับดูแข็งแรงสมบูรณ์
ถ้าจะใช้ภาษาบ้านๆตามความเข้าใจของจี้เฟิงมาอธิบาย ก็คงต้องบอกว่า หรงเผิงผู้นี้ “ดูดีมีชาติตระกูล” หรือเป็นคนที่ “ดูดีมีวาสนา”
ซึ่งมันหมายความว่านี่คือผู้ชายที่ดูดี มีความน่าเกรงขาม หล่อเหลาสมวัยดูมีออร่ามาก!
แม้ว่าตอนนี้หรงเผิงจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่เขาก็ดูมีสง่าราศีมากๆ จี้เฟิงคิดว่าถ้าเป็นตอนที่หรงเผิงยังหนุ่มๆ เขาจะต้องเป็นผู้ชายหล่อเบอร์ต้นๆอย่างแน่นอน!
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือหรงเผิงเป็นคนที่ผมบางค่อนข้างล้านนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรเลย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า ‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะให้กำเนิดลูกสาวที่สวยงามอย่างหรงซูเยี่ยนได้ เป็นเพราะพันธุกรรมของพ่อที่ดีเยี่ยมมากนี่เอง!’
หลังจากพูดคุยทักทายกันตอนแรก ทั้งคู่ก็เงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรอีก ดูเหมือนจะกำลังพิจารณาอีกฝ่าย แต่ที่จริงแล้ว ทั้งคู่ก็รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มพูดก่อน
.....จบบทที่ 1078~