ตอนที่ 82 ตายด้วยความเร็วแสง
เย่ปู้ฝาน หวงเซวียน และเจียต้าเป่า มองหน้ากันด้วยความหวั่นวิตก พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกลืนน้ำลายลงคอไปตอนไหน แม้ว่า ฮั่วหยุนเฟย จะเพียงแค่นั่งจิบชาโดยไม่แสดงพลังอะไรออกมา แต่แค่คำพูดเดียวของเขาก็ทำให้ทั้งสามรู้สึกถึงแรงกดดัน เหมือนกับมีภูเขาใหญ่กดทับอยู่บนบ่า หนักหน่วงยิ่งนัก
เย่ปู้ฝานและหวงเซวียนสบตากันพร้อมกับยิ้ม แล้วชี้ไปที่เจียต้าเป่าพร้อมกับพูดว่า
"ศิษย์น้องยังไม่ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์อย่างเป็นทางการ เช่นนั้น ให้ท่านอาจารย์ทดสอบเขาหน่อยดีไหม?"
ฮั่วหยุนเฟยมองไปที่เจียต้าเป่าแล้วถามว่า
"เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
"ข้าคิดว่าไม่ดีแน่ๆ" เจียตั๋วเป่าไม่คาดคิดว่าทั้งสองจะขายเขาทิ้งแบบนี้ เขาพูดต่อว่า
"ข้ายังไม่สามารถสู้กับสองศิษย์พี่ได้ แล้วในระดับเดียวกันข้าจะกล้าไปต่อสู้กับอาจารย์ได้อย่างไร?"
ฮั่วหยุนเฟยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
"หากเจ้าสามารถรับมือกับข้าได้หนึ่งครั้ง ข้าจะมอบวิชาของมหานักบุญให้เจ้าเล่มหนึ่ง"
เจียต้าเป่าขึงขังขึ้นทันที ลุกขึ้นและกล่าวว่า
"ที่จริง ก็ไม่ใช่ว่าจะลองไม่ได้ ข้ากำลังต้องการทดสอบวิชาที่เพิ่งค้นคว้ามาพอดี"
วิชาหรืออะไรนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือการได้ประลองกับอาจารย์สักครั้ง
หลังจากนั้นเพียงอึดใจเดียว
ฮั่วหยุนเฟยมองดูเจียต้าเป่าที่นอนอยู่บนพื้น เขาจิบชาช้าๆ และถอนหายใจว่า
"เจ้าต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ร่างกายของเจ้านั้นอ่อนแอเกินไป"
เย่ปู้ฝานและหวงเซวียนอดไม่ได้ที่จะขยับมุมปากเล็กน้อย พวกเขายังไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองคน แต่เจียต้าเป่ากลับนอนอยู่บนพื้นไปเสียแล้ว นี่แหละที่เรียกว่าตายด้วยความเร็วแสง
หันไปมองฮั่วหยุนเฟย พลังรอบตัวเขาก็ยังคงอยู่ที่ขั้นตันเถียนระดับเจ็ด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเจียต้าเป่า
หวงเซวียนเหลือบมองเย่ปูฝาน ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า พลังการต่อสู้ของเขาระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีเหลืองอ่อน มีสายฟ้าสีเหลืองพาดผ่าน เขากระตุ้นพลัง ร่างอมตะแห่งเสวียนหวง ของตนเอง ยกมือขึ้นสร้างท้องฟ้าจำลองขนาดเล็กที่ปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมา
ฮั่วหยุนเฟยไม่แสดงท่าทีใดๆ เพียงกล่าวว่า
"เจ้าควรจะผสานพลังจักรพรรดิก่อน แล้วค่อยมาประลองกับข้าอีกครั้ง ตอนนั้น เจ้าอาจจะมีโอกาสชนะข้ามากขึ้น"
หวงเซวียนส่ายศีรษะและกล่าวว่า
"อาจารย์ ท่านรู้อยู่แล้วว่าเรามีชะตากรรมเช่นใด จักรพรรดินั้นไม่เคยพ่ายแพ้ในระดับเดียวกัน ข้าจะถอยหลังไม่ได้"
เย่ปู้ฝานลากตัวเจียต้าเป่าที่สลบอยู่ไปยังมุมหนึ่งของสนามห่างจากที่ต่อสู้
เมื่อเห็นว่าหวงเซวียนระเบิดพลังออกมาอย่างไม่กลัวเกรง พลังของเย่ปู้ฝานก็ถูกกระตุ้นขึ้นเช่นกัน พลังปราณสีทองพุ่งขึ้นอย่างมหาศาล เลือดลมเดือดพล่านเหมือนกับมหาสมุทร
หวงเซวียนจริงจังถึงเพียงนี้ ในฐานะอาจารย์ ฮั่วหยุนเฟยจึงไม่อาจปิดบังพลังใดๆ ได้อีก เขาต้องจริงจังบ้างแล้ว
หวงเซวียนกล่าวว่า
"อาจารย์ หากท่านถือว่าข้าเป็นศิษย์จริงๆ ก็อย่าได้ออมมือ"
ฮั่วหยุนเฟยตอบกลับว่า
"เข้าใจแล้ว"
ทันทีที่พูดจบ พลังรอบตัวฮั่วหยุนเฟยที่ซ่อนอยู่ก็ระเบิดออกมา พลังมหาศาลของระดับเก้าขั้นหยวนตันแผ่กระจายออกมา หนักแน่นราวกับภูเขา แม้ว่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่พลังที่ฮั่วหยุนเฟยแสดงออกมาก็ทำให้หวงเซวียนถึงกับตกตะลึง
ในระดับเดียวกัน หวงเซวียนไม่เคยพบใครที่ทำให้เขารู้สึกกดดันเช่นนี้ แม้แต่คืนที่เขาสำเร็จการเป็นจักรพรรดิ์ เขาได้เชิญผู้แข็งแกร่งจากทั่วจักรวาลมาประลองกัน ไม่มีผู้ใดที่ทำให้เขารู้สึกกดดันในระดับเดียวกันได้เท่าฮั่วหยุนเฟย
"วิถีแห่งจักรพรรดิ์ที่ไร้ผู้เทียมทาน!"
หวงเซวียนเริ่มต้นการโจมตีด้วยเทคนิคสุดยอดของเขา เขารู้ว่าเทคนิคธรรมดานั้นไม่อาจใช้จัดการกับฮั่วหยุนเฟยได้
"หมัดสุริยัน!"
ฮั่วหยุนเฟยกระตุ้นพลังหมัดจักรพรรดิ์ หมัดของเขาส่องแสงสีแดงเจิดจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์ ลูกบอลพลังที่อยู่เบื้องหลังเขาปรากฏเป็นภาพมายาเหมือนดวงตะวันที่กำลังขึ้นเหนือฟ้า กดดันอย่างรุนแรง ราวกับเป็นเทพเจ้าที่กำลังปล่อยหมัด
*ปัง!*
เพียงหมัดเดียว พลังทั้งหมดที่หวงเซวียนรวบรวมก็แตกสลายหมดสิ้น วิถีแห่งจักรพรรดิ์ที่ยังไม่ทันก่อรูปก็พังทลาย ท้องฟ้าจำลองเบื้องบนของเขาหายไปในทันที เขาถูกพุ่งออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ บินออกไปไกลจนกระทั่งชนกับต้นพุทราทองแล้วจึงหยุดลง
*พรวด!*
หวงเซวียนกระอักเลือดสดออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขามองมือตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา แค่หมัดเดียว? เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงมีช่องว่างระหว่างพวกเขามากถึงเพียงนี้ และที่สำคัญ เขายังสัมผัสได้ว่าในช่วงสุดท้าย ฮั่วหยุนเฟยได้ผ่อนกำลังไว้ ไม่เช่นนั้น หมัดนั้นอาจจะทำให้เขาถูกทำลายไปทั้งตัว
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองต้นพุทราทองที่มีใบเขียวขจี หวงเซวียนไม่รู้เลยว่าจะรู้สึกเช่นไรต่อฮั่วหยุนเฟย
"วิถีแห่งจักรพรรดิ์ที่ไร้ผู้เทียมทานของเจ้า เป็นเช่นนี้หรือ?" ฮั่วหยุนเฟยเดินมาพร้อมกับมือที่ไขว้หลังและกล่าวอย่างเยือกเย็น "วิถีแห่งไร้พ่ายไม่ได้หมายถึงการไม่พ่ายแพ้"
"แต่หมายถึงหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เจ้าสามารถพ่ายแพ้ได้ แต่หัวใจนั้น ต้องเชื่อเสมอว่า เจ้าสามารถเอาชนะและก้าวข้ามผู้ที่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้ได้"
เย่ปูฝานรีบวิ่งเข้ามาประคองหวงเซวียนขึ้นมา เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกพ่ายแพ้ของหวงเซวียน ชายผู้ที่เคยเป็นจักรพรรดิ์กลับชาติมาเกิด พร้อมกับพรสวรรค์ที่สูงส่ง แต่กลับพ่ายแพ้เพียงหมัดเดียวจากอาจารย์ของตน ความพ่ายแพ้นี้ช่างยากที่จะยอมรับ หากหวงเซวียนไม่สามารถก้าวข้ามมันไปได้ เขาอาจจะไม่มีวันกลายเป็นจักรพรรดิ์ได้อีกเลย
เมื่อหวงเซวียนได้ยินคำพูดของฮั่วหยุนเฟย เปลวไฟในหัวใจของเขาก็ค่อยๆ ลุกโชนขึ้น เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมฮั่วหยุนเฟยถึงได้ใช้กำลังมากขนาดนี้ นั่นก็เพื่อให้เขาเรียนรู้บทเรียนสำคัญนี้
"หากหัวใจมีวิถีแห่งไร้พ่าย วิถีแห่งเต๋าจะสำเร็จด้วยตัวมันเอง"
"ในชาติก่อน เจ้าย่อมต้องเข้าใจความหมายนี้อยู่แล้ว" ฮั่วหยุนเฟยกล่าวต่อ "เย่ปู้ฝาน เจ้าก็เช่นกัน"
"ถ้าเจ้าอยากเป็นผู้ที่ทำลายข้อจำกัดของร่างกายโบราณและก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิ์ ทางของเจ้าจะยากยิ่งกว่าหวงเซวียนเสียอีก"
เย่ปู้ฝานพยักหน้า พลังเลือดสีทองของเขาเดือดพล่าน เขากล่าวว่า
"อาจารย์ ศิษย์ขอท้าประลอง!"
"มาเลย!"
...
ที่ริมทะเลสาบวิญญาณ เจียต้าเป่าฟื้นขึ้นมาและเมื่อเขาลุกขึ้น ก็เห็นอุกกาบาตพุ่งตรงมาหาเขาจากระยะไกล ไม่ มันเป็นคน!
ปัง!
"ใครกัน!?" เจียต้าเป่าร้องออกมาเต็มเสียง เมื่อร่างกายของเขาถูกลากไปไกลเป็นร้อยเมตร คนที่ชนกับเขานั้นร่างกายแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า เขาดึงตัวคนที่ชนออกจากตัวและเมื่อมองชัดๆ ก็พบว่าเป็นเย่ปูฝาน
"ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงบินมาแบบนี้ได้?"
เย่ปู้ฝานที่หมดสติไปแล้ว นอนหลับอย่างสงบ ไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้เลย
ใต้ต้นพุทราทอง หวงเซวียนขยับมุมปากอย่างขมขื่น พลังในระดับเดียวกันของอาจารย์ช่างเกินกว่าจะเชื่อได้จริงๆ แม้ว่าในระดับเดียวกัน เย่ปู้ฝานจะมีพลังที่เหนือกว่าเขา แต่ก็ยังถูกอาจารย์ชกจนลอยออกไป
เย่ปู้ฝานพยายามจะใช้วิชาหมัดสุริยันปะทะ แต่ไม่ทันไรเขาก็ถูกส่งลอยออกไปโดยตรง พุ่งไปชนเข้ากับเจียตั๋วเป่าที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา
"อาจารย์ พูดตามตรง ท่านใช้พลังไปกี่ส่วน?" หวงเซวียนถาม
ฮั่วหยุนเฟยคิดสักครู่ก่อนตอบว่า
"เก้าส่วนกระมัง พวกเจ้าล้วนเป็นยอดอัจฉริยะระดับสูง ข้าต้องจริงจังเวลาประลองกับพวกเจ้า"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงเซวียนแม้จะยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ถ้าหากเป็นเก้าส่วนจริงๆ ความต่างก็ไม่ได้มากเกินไปนัก ยังสามารถพยายามก้าวข้ามได้!
เจียต้าเป่าอุ้มเย่ปู้ฝานที่หมดสติขึ้นมาแล้วเดินเข้ามา เขายกเย่ปู้ฝานขึ้นเพื่อให้ดู
"พวกท่านประลองกันเสร็จแล้วหรือ?"
"ข้าหลับไปนานหรือไม่?"
หวงเซวียนไอเล็กน้อยด้วยความเขินอายแล้วกล่าวว่า
"ก็นานพอสมควร ราวๆ หกชั่วยามได้"
เจียต้าเป่าตกใจ เย่ปู้ฝานกับหวงเซวียนสามารถสู้กับฮั่วหยุนเฟยได้นานถึงเพียงนี้ก่อนจะพ่ายแพ้ ไม่เสียทีที่เป็นยอดอัจฉริยะ!
ทันใดนั้น ฮั่วหยุนเฟยก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังคุ้นเคยบางอย่างที่เข้ามาในสำนักเกาซาน
"ท่านพ่อกลับมาแล้วงั้นหรือ?"
ที่ประตูของสำนักเกาซาน ชายสวมชุดคลุมสีดำลงมาจากท้องฟ้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยยันต์สีเหลืองสดใสที่มีลวดลายพิเศษวาดไว้ นี่เป็นยันต์ที่ใช้เพื่อปกปิดตัวตนเมื่อเร็วๆ นี้เขาก่อเรื่องมากมาย จึงต้องติดยันต์เหล่านี้ไว้เพื่อความสบายใจ
ผู้อาวุโสสือที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเก็บหนังสือเล่มเล็กของตนและขมวดคิ้วมองไปที่ชายในชุดคลุมดำ
"ผู้อาวุโสสือ ท่านยังสบายดีหรือ ข้าดีใจที่ท่านยังชอบอ่านหนังสือแบบนี้อยู่"
ชายชุดคลุมดำถอดหมวกที่คลุมศีรษะออก และถอดหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่สวมอยู่ เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้เคยและมีรอยยิ้มประดับอยู่