ตอนที่ 80 เจอข้าครั้งหน้าเรียกว่าพี่ใหญ่!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินก็ครุ่นคิดพลางลูบคางของตัวเองพร้อมกับกระพริบตา ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “หัวหน้าตระกูล ข้าอยากขออนุญาตอ่าน 'คัมภีร์โบราณแห่งวิถีการซ่อนเร้น' อีกครั้ง ข้าอยากก้าวไปอีกขั้นในเส้นทางนี้!”
บนแท่นทองคำ หัวหน้าตระกูลหน่านกงลืมตาขึ้น มองชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เรื่องนี้ ข้าสามารถอนุมัติได้...แต่เจ้าไปเชิญบรรพบุรุษมาพร้อมกับเจ้าเถิด!”
“ท่านผู้เฒ่าที่มีชีวิตมาอย่างยาวนานย่อมสามารถถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวิถีการซ่อนเร้นให้เจ้าได้มากยิ่งขึ้น!”
“เร่งมือเข้าเถิด ฟ้าดินกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าสัมผัสได้ว่า หลังจากสุสานจักรพรรดิ์เสวียนหวงหายไป ความกดดันของฟ้าดินก็ลดน้อยลง!”
“นี่หมายความว่า ยุคทองของโลกกำลังจะมาถึง!”
“บางที อาจจะไม่ต้องรอถึงเจ็ดหมื่นปี บางที ตระกูลหน่านกงของเราอาจจะมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิ์ปรากฏขึ้น!”
...
หลังจากออกจากยอดเขาตี้เสินฮั่วหยุนเฟยเดินนำอยู่ข้างหน้า โดยมีเย่ปู้ฝานและคนอื่นๆ เดินตามหลังมา
เจียต้าเป่าผู้มีใบหน้ากลมป้อมเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงที่ไม่อาจปกปิดได้ ตลอดทางเขามองซ้ายมองขวา ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือสำนักที่ภายนอกดูเหมือนจะมีเพียงยอดฝีมือระดับมหาเต๋าประจำการอยู่
ยอดเขาของสำนักเกาซานมีมากมาย โดยเจ็ดยอดเขาใหญ่ที่สุด มหัศจรรย์ไปด้วยทะเลเมฆาล่องลอยเป็นทัศนียภาพงดงาม มีศิษย์ขับกระบี่บินผ่านไปมา และยังมีศิษย์หญิงขี่นกกระเรียนไปยังสถานที่ต่างๆ ภาพที่เห็นช่างเป็นบรรยากาศของสำนักศักดิ์สิทธิ์โดยแท้!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของสำนักเกาซาน เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณในที่นี้มีความเข้มข้นสูงกว่าที่อื่นอย่างมาก!
ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณนี้บริสุทธิ์ไร้มลทิน เป็นปราณที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุดโดยไม่เจือปนสิ่งใด
ฮั่วหยุนเฟยไม่หันหลังกลับ แต่กล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ ว่า “ต้าเป่า แม้เจ้าจะยังไม่ได้เข้ามาเป็นศิษย์ของข้าอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเจ้าเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่งของสำนักเกาซานแล้ว”
“ข้าไม่จำกัดเจ้าในอาชีพเก่าของเจ้า แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อนว่า ห้ามนำพลังงานที่เป็นมลทินเข้ามาในสำนักเด็ดขาด!”
“ที่นี่คือสถานที่สำหรับการฝึกฝนของทุกคน พลังงานเช่นนั้นจะทำให้เส้นทางแห่งชะตากรรมและบุญบาปเปื้อนมลทิน ซึ่งอาจจะนำพาความยุ่งยากมาให้สำนักเกาซานในภายหลัง”
เจียต้าเป่าพยักหน้า “ศิษย์เข้าใจแล้ว”
แม้ว่าเพิ่งจะได้รับรู้จากเหล่าผู้อาวุโสแห่งยอดเขาตี้เสินว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือผู้นำยอดเขาเต๋าหยวนผู้เพิ่งมีอายุเพียงหนึ่งร้อยปี แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอับอายที่ได้มาเป็นศิษย์ของฮั่วหยุนเฟย ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
หนึ่งร้อยปี แต่เป็นถึงระดับกึ่งจักรพรรดิ! นี่คืออะไร? นี่มันเกินกว่าคำว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์เสียอีก!
ครั้งหนึ่งในสมัยโบราณมีอัจฉริยะผู้หนึ่งที่เก่งกาจเหลือเกิน แต่กว่าจะบรรลุถึงระดับกึ่งจักรพรรดิก็ใช้เวลาถึงสามร้อยปี ซึ่งยังคงด้อยกว่าฮั่วหยุนเฟยมาก!
การได้เป็นศิษย์ของฮั่วหยุนเฟย เจียต้าเป่ารู้สึกภูมิใจอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือ อัจฉริยะเช่นนี้มักจะมีโชคชะตาที่ดีเยี่ยม หากตามเขาไป โอกาสที่จะได้รับวาสนาก็มากขึ้นตามไปด้วย!
นี่แหละคือโชคชะตาของตัวเอก! ใช่แล้ว หลังจากที่เจียต้าเป่ารู้ว่าฮั่วหยุนเฟยอายุหนึ่งร้อยปีแล้วบรรลุระดับกึ่งจักรพรรดิ เขาก็มั่นใจในใจว่าฮั่วหยุนเฟยคือตัวเอกของยุคนี้!
เมื่อการกดดันแห่งจักรพรรดิ์ยุติลงในอีกเจ็ดหมื่นปีข้างหน้า ใครจะรู้ว่าบางทีฮั่วหยุนเฟยอาจจะกลับมาสู่โลกอีกครั้ง ก้าวขึ้นสู่สวรรค์ คว้าตำแหน่งจักรพรรดิ์ในมือ และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิ์!
และเมื่อนั้น เขาเองก็จะเป็นศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิ์ ซึ่งเป็นเกียรติอันสูงส่งเพียงใด!
แค่คิดก็ชื่นใจแล้ว!
“สมกับเป็นพวกเขาจริงๆ คนมากขึ้นเรื่อยๆ”
เมื่อฮั่วหยุนเฟยและคนอื่นๆ มาถึงยอดเขาเต๋าหยวน จากระยะไกล พวกเขาก็มองเห็นเงาต่างๆ ที่ดูเหมือนแอบซ่อนตัวอยู่ในป่าเซียนรอบๆ ยอดเขาเต๋าหยวน
บางคนกำลังแอบเข้าไปในถ้ำฝึกฝนบนยอดเขาเต๋าหยวน ในขณะที่บางคนเพิ่งมาถึงและกำลังเลือกสถานที่สร้างถ้ำฝึกฝน
เขายังเห็นศิษย์คนโตของเทียนจีเจินเหริน คือหลี่ตู้ซิ่วอีกด้วย ชายผู้นี้ไม่รู้ว่าโดนกระตุ้นอะไรมา หน้าตาอมทุกข์ หงุดหงิด กำลังหมกมุ่นหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างถ้ำฝึกฝน
เย่ปู้ฝานหัวเราะเบาๆ “ในสำนักนี้ หากไม่พยายาม แม้เจ้าจะมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าพวกเขา ข้าก็กลัวว่าวันหนึ่งเจ้าจะโดนเขาตีจนมึน!”
“ข้าก็เห็นด้วย ความกดดันมันมากจริงๆ” หวงเซวียนพยักหน้าเห็นด้วย เมื่ออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง แม้ศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์จะขยันขันแข็ง แต่เทียบกับศิษย์สำนักเกาซานเหล่านี้แล้ว มันยังเทียบไม่ได้เลย
แม้แต่เขาเองก็รู้สึกกดดันอย่างไม่รู้ตัว เกรงว่าจะตามหลังคนอื่น
เมื่อกลับมาถึงยอดเขาเต๋าหยวน ฮั่วหยุนเฟยจัดให้เจียต้าเป่าพักอยู่ในที่พักของยอดเขา จากนั้นเขาก็กลับไปยังถ้ำฝึกฝนของตนเอง เปิดการป้องกันแล้วเข้าสู่โลกเทพแห่งกาลเวลา
ทันทีที่เขานึกคิด รูปลักษณ์ของเตาหลอมโบราณขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มีขาสามขาและหูสองข้าง ตัวเตามีลวดลายของภาพการฝึกฝนโบราณ และยังมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวฉีกฟ้าและคำรามเพียงแค่ปรากฏขึ้น ความกดดันแห่งพลังจักรพรรดิ์ก็แผ่กระจายไปทั่วโลกเทพแห่งกาลเวลา กฎแห่งจักรพรรดิ์โบยบินอยู่รอบๆ มันลอยอยู่ตรงนั้น ราวกับเป็นศูนย์กลางของโลกเทพแห่งกาลเวลาแห่งนี้!
“ต้าเต๋าหลิงจือเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งมากมายในประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ดึงดูดมหาเคราะห์จักรพรรดิ์ถึงสองครั้ง แม้ว่าตัวเองจะสิ้นชีพ แต่เครื่องอาวุธประจำกายของเขากลับถูกพัฒนาเป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ์!”
“แต่…” ฮั่วหยุนเฟยพบความแตกต่าง ที่ต่างจากระฆังแห่งโกลาหล!
เพียงแค่เขานึกคิด ระฆังแห่งความโกลาหลก็ลอยออกมาจากตันเถียน เพียงแค่ปรากฏขึ้น ความวุ่นวายก็เริ่มกดดันพลังของเตาหลอมจักรพรรดิ์ทันที!
สองอาวุธจักรพรรดิ์ราวกับกำลังแข่งขันกัน กฎแห่งจักรพรรดิ์โบยบินไปมา ความกดดันของพลังจักรพรรดิ์สะท้านไปทั่ว ในอากาศไม่มีใครยอมใคร ฮั่วหยุนเฟยไม่เข้าไปควบคุม เพียงเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เพื่อทดสอบสมมติฐานในใจของตนเอง
เป็นเช่นนั้นจริง! ระฆังแห่งความโกลาหลถูกยั่วโทสะโดยการท้าทายของเตาหลอมจักรพรรดิ์ โกลาหลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กดดันเตาหลอมจักรพรรดิ์อย่างรุนแรงในทันที!
ความกดดันของจักรพรรดิ์ถูกดึงกลับเข้าไปในเตา และกฎแห่งจักรพรรดิ์ของมันถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ! เมื่อเผชิญหน้ากับระฆังแห่งแห่งความโกลาหล มันกลับดูเหมือนเป็นอาวุธธรรมดาไปทันที!
“เพราะต้าเต๋าหลิงจือไม่ใช่จักรพรรดิ์แท้ๆ?” ฮั่วหยุนเฟยส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะทั้งสองเป็นอาวุธจักรพรรดิ์ในระดับสูงสุด ไม่ควรมีความแตกต่างมากถึงขนาดนี้
【ระฆังแห่งความโกลาหลเป็นอาวุธที่มหาจักรพรรดิ์แห่งความโกลาหลสร้างขึ้นก่อนจะเป็นระฆังเซียนภายในมีทองคำแห่งความโกลาหลถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นอาวุธจักรพรรดิ์ในระดับสูงสุด แต่ระฆังแห่งความโกลาหลถือเป็นจุดสูงสุดของอาวุธจักรพรรดิ์】
ระบบให้คำตอบ ฮั่วหยุนเฟยพยักหน้าเข้าใจ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเห็นเตาหลอมจักรพรรดิ์ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เมื่อเทียบกับระฆังแห่งความโกลหล ความแตกต่างนั้นมากกว่าที่คิด! ราวกับว่าความแตกต่างระหว่างจักรพรรดิ์และยอดฝีมือที่ไม่อยู่ในระดับเดียวกัน!
“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย ไม่เสียชื่อที่เป็นระฆังแห่งความโกลาหล”
ฮั่วหยุนเฟยมองไปที่เตาหลอมจักรพรรดิ์แล้วกล่าวว่า “เตาหลอมจักรพรรดิ์ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
คำพูดของเขาทำให้ทั้งสองรู้สึกได้ทันที อาวุธจักรพรรดิ์มีวิญญาณของตัวเอง มันเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา และเหมือนโกรธจนงอน มันก็พุ่งเข้าสู่ตันเถียนของฮั่วหยุนเฟยและหายไป
“เอ่อ...นี่มันยังจะงอนอีกเหรอ? ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะ” ฮั่วหยุนเฟยหัวเราะเบาๆ ส่ายหัว แล้วมองไปที่ระฆังแห่งความโกลาหลที่สั่นสะเทือนและโชว์พลังด้วยการเคลื่อนไหวอย่างเย่อหยิ่ง
ในความคลุมเครือ ฮั่วหยุนเฟยเหมือนจะได้ยินเสียงพูดเบาๆ ว่า “เจ้าครั้งหน้า...เจอข้าเรียกว่าพี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นเจอเมื่อไหร่ ข้าจะตีเจ้าทุกครั้ง!”
ฮั่วหยุนเฟยถึงกับอึ้งไป เพราะระฆังแห่งความโกลาหลนี้ เป็นอาวุธจักรพรรดิ์ที่มหาจักรพรรดิ์แห่งความโกลาหลสร้างขึ้น ผู้ที่เชื่อกันว่าได้เข้าสู่แดนเซียนแล้ว นิสัยก็ยังคงเหมือนเด็กอยู่
【คำเตือนอย่างเป็นมิตรบุคลิกของอาวุธจักรพรรดิ์มักจะคล้ายคลึงกับเจ้าของ ซึ่งในที่นี้หมายถึงมหาจักรพรรดิ์แห่งความโกลาหล】
【คนผู้นั้น...เป็นคนที่ชอบแกล้งคนเล่น แค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะมีโอกาสได้เจอเขาหรือไม่】
ฮั่วหยุนเฟยกล่าวว่า “ข้าต้องการมีชีวิตนิรันดร์ ข้าต้องเข้าสู่แดนเซียนให้ได้ หากมหาจักรพรรดิ์แห่งความโกลาหลยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็คงมีโอกาสได้พบเขา”
ดูเหมือนว่าระฆังแห่งความโกลาหลจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
ฮั่วหยุนเฟยกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่ คงไม่คิดที่จะทรยศเมื่อเจอมหาจักรพรรดิ์แห่งความโกลาหลหรอกนะ?”
【อาจจะ...ไม่หรอกมั้ง?】
ฮั่วหยุนเฟย: “...?”