ตอนที่ 8 จักรพรรดิมังกรถึงคราวตกอับ
ตอนที่ 8 จักรพรรดิมังกรถึงคราวตกอับ
นับว่าเป็นราตรีอันหนาวเหน็บไปถึงกระดูก ลานบ้านของฉู่หลานถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า แม้จะอยู่ในอาณาบริเวณของคฤหาสน์พ่อค้ารายใหญ่ที่แสนหรูหรา ยามค่ำคืนมักประดับประดาโคมไฟหลากสีสันไม่เคยดับ ทว่าลานบ้านของฉู่หลานตั้งอยู่ห่างไกลที่สุดและเป็นส่วนเดียวที่ซอมซ่อที่สุดของคฤหาสน์ตระกูลฉู่
มีโลงศพคลุมด้วยผ้าขาวโลงหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องโถงขนาดเล็ก
มีคนสองคนสวมชุดผ้าดิบไว้ทุกข์กำลังนั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าโลงศพนั้น
ทั้งสองคือพ่อและแม่ของฉู่หลานที่กำลังหลั่งน้ำตาด้วยความแตกสลาย พวกเขาไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนผมขาวจะต้องมานั่งส่งคนผมดำและถึงแม้ว่าฉู่หลานจะเป็นลูกชายที่ไม่สามารถสร้างผลงานน่าภาคภูมิใจให้ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่เสมอ
ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ที่อยู่รวมกันถึงห้าครอบครัวหลัก สมาชิกในตระกูลรวมบ่าวรับใช้มีนับพันคน บ้านของฉู่หลานโดดเดี่ยวที่สุดแต่อบอุ่นมากที่สุดเช่นกัน
ท่านปู่ซึ่งเป็นเถ้าแก่ห้าของตระกูลช่างห่างเหินหมางเมิน ท่านย่าที่เป็นสาวใช้ผู้มีวาสนาได้ปีนขึ้นเตียงเจ้านายได้เสียชีวิตไปนานมากแล้ว ท่านพ่อของฉู่หลานคือลูกชายคนที่สามของเถ้าแก่ห้า ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเขาเป็นคนเดียวที่มีแม่เป็นสาวใช้ ยิ่งเขาเลือกแต่งงานกับท่านแม่ของฉู่หลานที่เป็นเพียงลูกสาวร้านขายผ้าไหมเล็กๆ ในเมืองหลวง เขายิ่งถูกลดความสำคัญลงไปอีก ทรัพยากรด้านการบำเพ็ญไม่เคยถูกเจียดมาให้เลย
บัดนี้สองสามีภรรยาจึงยังอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดขั้นมัธยมเท่านั้นและทั้งสองไม่มีทรัพยากรในการสนับสนุนให้ฉู่หลานลูกชายเพียงคนเดียวได้เจริญก้าวหน้าในการบำเพ็ญด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รักฉู่หลานมากกว่าสิ่งใด
ลูกชายที่ต่อให้ถูกด้อยค่าแค่ไหนไม่เคยบ่น ลูกชายที่พร้อมหาบน้ำแบกฟืนแทนท่านพ่อด้วยความเต็มใจ ลูกชายที่นั่งซักเสื้อผ้าแทนท่านแม่และเข้าครัวทำงานของผู้หญิงโดยไม่อาย
ลูกชายคนนั้นไม่อยู่แล้ว
ส่วนฆาตกรก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลานชายคนโปรดของหัวหน้าตระกูลนั่นเอง สำหรับเหตุผลที่เขาฆ่าฉู่หลานน่ะหรือ?
เหอะ เหตุผลง่ายๆ เช่นคำว่า ‘ฉู่หลานขัดหูขัดตา’ ไงล่ะ
เสียงร่ำไห้ของหลินซื่อผู้เป็นมารดาเริ่มแผ่วเบาแหบแห้งเพราะร้องไห้มาตั้งแต่บ่าย น้ำตาเหือดแห้งจนเกรงว่าหากยังไม่หยุดร้อง ดวงตาของนางจะหลั่งเลือดออกมาแทน ใบหน้าที่งดงามแม้ผ่านกาลเวลานับสี่สิบปีกำลังซีดเซียว กระนั้นไม่อาจลดทอนความสง่างามของนางได้เลย
แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูจากร้านขายผ้าไหมเล็กๆ ในเมืองหลวง แต่นางมีเกียรติกว่าคนในคฤหาสน์ที่ไร้ศีลธรรมหลังนี้มาก
“ฟูเหริน ข้าขอโทษ ข้าผิดต่อเจ้าสองแม่ลูกจริงๆ” ฉู่หมิงถิงโอบไหล่หลินซื่อผู้เป็นภรรยาไว้ด้วยความรู้สึกผิดสุดแสน เขาแต่งนางเข้ามาเพื่อให้เผชิญความยากลำบากและการสูญเสียบุตรชายเช่นนี้เองหรือ
“ฟูจวิน ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะท่านไม่ใช่คนผิด!” หลินซื่อที่ร้องไห้จนแทบหมดแรงกลับมีน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพูดเช่นนี้ สามีของนางเป็นคู่ชีวิตที่ล้ำค่า ลูกชายของนางก็เป็นเด็กกตัญญู เพียงแต่พวกเขาเกิดมาในคฤหาสน์บ้าๆ หลังนี้เท่านั้น
“แล้วน้องสะใภ้หลินคิดว่าใครผิด?”
ทันใดนั้นมีเสียงที่ขัดแย้งกันดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่สร้างความเย็นยะเยือกท่ามกลางบรรยากาศของพิธีไว้อาลัยได้ดีนักและแน่นอนว่ามันทำให้หัวใจของฉู่หมิงถิงสองสามีภรรยาเย็นชากว่าเดิมเช่นกัน
“คงไม่ได้หมายถึงข้ากระมัง?” ฉู่หมิงเทียนบุตรชายคนโตของหัวหน้าตระกูลฉู่และเป็นว่าที่หัวหน้าตระกูลคนถัดไปกำลังเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาในห้องโถงขนาดเล็ก ร่างกายของเขาสูงตระหง่าน หน้าตาภูมิฐานแต่เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเฒ่าแห่งโลกการค้าที่ชัดเจน ทั้งที่อยู่ภายในบ้านของญาติผู้น้องแท้ๆ เขากลับแผ่พลังในขอบเขตเมธีออกมาคล้ายต้องการกดข่มคนในบ้านหลังนี้ให้จมดิน
“ท่านพ่อ อาสะใภ้หลินไม่ได้หมายถึงท่านหรอก คงจะหมายถึงข้ามากกว่า” อีกเสียงหนึ่งดังตามหลังฉู่หมิงเทียนเข้ามาติดๆ นั่นคือเสียงของฉู่อี้เชินลูกชายคนรองของฉู่หมิงเทียน
ฆาตกรที่สังหารฉู่หลานด้วยเหตุผลว่าขัดหูขัดตาเกินไป
ฉู่อี้เชินเป็นชายหนุ่มอายุ 25 ปีที่บรรลุขอบเขตสระวิญญาณขั้นสมบูรณ์เพราะครอบครัวมีทรัพยากรสนับสนุนไม่จำกัด รูปร่างหน้าตาหล่อเหลางามสง่า ยิ่งเมื่อเขามีฐานะร่ำรวยและอยู่ในขอบเขตสระวิญญาณก็ยิ่งทำให้เขาเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใครมากขึ้น
โดยเฉพาะกับฉู่หลานญาติผู้น้องที่ด้อยค่าแต่ชอบทะนงตนต่อหน้าเขา ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่มดปลวกแต่ยังกล้าต่อต้านเขา เช่นนั้นตายๆ ไปก็ถูกแล้ว
“แล้วการฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่ผิดตั้งแต่เมื่อไร!” หลินซื่อตวาดกลับไปทันทีที่เห็นสีหน้าท่าทางไร้ความสำนึกของฉู่อี้เชิน เมื่อก่อนนางเป็นสะใภ้ที่สงบปากสงบคำเสมอ ทว่าบัดนี้หากทำได้นางก็อยากบีบคอฆาตกรให้ตายตามบุตรชายไปเสีย
“ตั้งแต่ข้าฉู่อี้เชินเกิดมาไงล่ะ” ฉู่อี้เชินกระตุกยิ้มเหยียดหยาม แค่ฆ่าลูกชายสวะของเจ้าทิ้งคนเดียว เหตุใดต้องโวยวายและทำให้บรรยากาศของคฤหาสน์ฉู่ย่ำแย่ด้วย
“สารเลว หลานเอ๋อร์เป็นญาติผู้น้องของเจ้านะ เจ้ายังฆ่าเขาได้ลงคอ” หลินซื่อเหมือนคนที่ขาดสติไปโดยสมบูรณ์ นางกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ พลังบำเพ็ญในขอบเขตก่อกำเนิดแผ่ออกมาด้วยความคุกคาม แต่โชคร้ายที่ศัตรูทั้งสองเป็นทั้งสระวิญญาณและเมธีที่เหนือกว่านางนัก พลังของนางจึงไม่อาจทำให้พวกเขาหวั่นเกรงได้เลย “เจ้าฆ่าหลานเอ๋อร์ของข้าทำไม!”
“ก็มันชอบทำตัวขวางหูขวางตา” ฉู่อี้เชินกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ เขาโยนปิ่นหยกหนึ่งอันลงไปที่พื้นเบื้องหน้าของหลินซื่อแล้วเอ่ยต่อ “ฉู่หลานเก็บสะสมหินวิญญาณจนสามารถซื้อปิ่นต่ำๆ นี้กลับมาฝากอาสะใภ้หลิน แต่ข้าบังเอิญเจอมันระหว่างทาง ข้าจึงขอไว้เป็นของขวัญให้สาวใช้อุ่นเตียง แต่มันบังอาจปฏิเสธข้า เหอะเหอะ นี่ยังไม่สมควรตายอีกหรือ”
เหตุผลแค่นี้?
ถูกต้อง เหตุผลของการฆ่าผู้ที่อ่อนแอกว่าในโลกของการบำเพ็ญก็เป็นเช่นนี้เอง
“สารเลว!” คราวนี้เป็นฉู่หมิงถิงที่ตวาดใส่หลานชายของหัวหน้าตระกูลเป็นครั้งแรก หากมีเงินมีความแข็งแกร่งแล้วต้องให้กำเนิดเดรัจฉานออกมาเช่นนี้ เขาขอไม่มีเสียยังดีกว่า
“หมิงถิง เจ้าไม่ควรเสียมารยาทต่อลูกชายของข้า” ฉู่หมิงเทียนมีสีหน้ามืดครึ้มทันทีที่ลูกชายของสาวใช้กล้าชี้หน้าด่าลูกชายของเขา
“ท่านพ่ออย่าโกรธเลยขอรับ” ฉู่อี้เชินไม่โกรธเพราะเขารู้ว่ามีบิดาคอยปกป้องคุ้มครอง อีกทั้งเขายังมีพลังบำเพ็ญสูงกว่าสองสามีภรรยา เขาจึงเดินเชิดหน้าผ่านหลินซื่อและฉู่หมิงถิงไปยังโลงศพที่วางอยู่กลางห้อง “ไม่เพียงแต่ฆ่ามันนะ แม้แต่ศพของมันก็จะลากออกมากระทืบซ้ำให้อาสะใภ้หลินกับอาหมิงถิงได้ดู”
สิ้นเสียงประกาศกร้าวของฉู่อี้เชิน เพียงพริบตาเดียวร่างของเขาก็พุ่งตรงไปที่ข้างโลงศพโดยที่ฉู่หมิงถิงสองสามีภรรยาอยากพุ่งเข้าไปขวางก็ทำไม่ได้เพราะถูกพลังในขอบเขตเมธีของฉู่หมิงเทียนกดไว้จนก้าวขาไม่ออก
“หยุดนะ!” หลินซื่อร้องห้าม
ฉู่อี้เชินมีหรือจะฟัง เขายกเท้าขึ้นเตะโลงศพเพียงครั้งเดียว พลังบำเพ็ญในขอบเขตสระวิญญาณก็ทำให้โลงศพที่ตั้งโดดเดี่ยวหล่นลงกระแทกพื้นแรงๆ จนฝาโลงกระเด็นออก
“ศพหายไปไหน?!” ดวงตาของฉู่อี้เชินเบิกกว้างทันทีที่เห็นเพียงโลงศพว่างเปล่า เขาจำได้ดีว่าไม่ได้ทำลายศพของฉู่หลานเพราะตั้งใจจะบุกมาเหยียดหยามศพเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ฉู่หมิงถิงสองสามีภรรยากำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมใดใส่เขา “พวกท่านเอาศพไปไว้ที่ใด?”
หัวใจของฉู่หมิงถิงและภรรยาบีบรัด
เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร?
สองสามีภรรยาช่วยกันทำความสะอาดศพของหลานเอ๋อร์ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่และนำศพบรรจุใส่โลงนี้เองกับมือ ทั้งสองก็อยากถามว่าศพของลูกชายหายไปไหน
“หรือว่าฉู่หลานยังไม่ตาย?” ฉู่หมิงเทียนหรี่ตาพลางยกมือลูบเครา ปกติแล้วญาติผู้น้องที่เกิดจากสาวใช้คนนี้ไม่ค่อยเจ้าเล่ห์ ดังนั้นการแอบย้ายศพเพื่อปั่นหัวคนในตระกูลไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าฉู่หลานยังไม่ตายแล้วพวกเขาจัดพิธีไว้อาลัยขึ้นมาทำไม
“ยะ ยังไม่ตายหรือ...” หลินซื่อพึมพำด้วยความหวัง นางไม่เคยเชื่อคำพูดของฉู่หมิงเทียน แต่จังหวะนี้เพียงได้ยินคำว่าหลานเอ๋อร์อาจจะยังไม่ตาย หัวใจของคนเป็นแม่จึงมีความเพ้อฝันขึ้นมาได้เสมอ
“เป็นไปไม่ได้หรอกท่านพ่อ” ฉู่อี้เชินเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อในการวิเคราะห์ที่เหลวไหลเช่นนี้ “เพราะข้า...”
“เพราะเจ้าฆ่าพี่ฉู่เองกับมือสินะ” ทันใดนั้นมีเสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังขัดคำพูดของฉู่อี้เชินขึ้นมา
เมื่อทุกสายตาหันไปจ้องมองที่หน้าประตูจึงพบเข้ากับร่างงดงามในอาภรณ์สีแดงประณีตกำลังเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาในบ้านของ ‘คนแปลกหน้า’ ด้วยรอยยิ้มที่เหนือกว่า ความงามแสนเย่อหยิ่งทำให้หัวใจของฉู่อี้เชินหาทางไปต่อไม่ถูกอยู่นานสองนาน ส่วนผู้ใหญ่ในตระกูลฉู่ทั้งสามได้แต่มองด้วยความหวาดระแวงเพราะมั่นใจว่าไม่รู้จักหนุ่มน้อยหน้าตางดงามคนนี้จริงๆ
ชิงเยี่ยนคือเจ้าของเสียงนั้นเอง เขาเดินนำหน้าหลี่ไจ้ด้วยความมั่นใจสุดโต่งเพราะรู้ว่าหลี่ไจ้ไม่มีทางปล่อยให้คุณชายจวนจอมทัพซ้ายถูกรังแกเด็ดขาด ส่วนฉู่หลานเดินตามหลี่ไจ้โดยมีองครักษ์พยัคฆ์ดำเดินปิดท้ายอีกที ทว่าสีหน้าท่าทางของจักรพรรดิมังกรนั้นไม่สดใสเหมือนจอมมารชิงเยี่ยนเลย
ดูจากสภาพครอบครัวและเหตุการณ์ที่น้ำเน่ายิ่งกว่าบทละครงิ้วเมื่อครู่นี้แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เลย
จักรพรรดิมังกรถึงคราวตกอับ!
“เถ้าแก่หมิงเทียน แย่แล้วขอรับ!” พ่อบ้านตระกูลฉู่วิ่งตามหลังกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาพร้อมร้องเรียกฉู่หมิงเทียนด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“พ่อบ้านฉู่ เจ้าปล่อยให้คนแปลกหน้าบุกรุกคฤหาสน์ฉู่ได้อย่างไร!” ฉู่หมิงเทียนตวาดใส่พ่อบ้านด้วยความโกรธ บริเวณรอบประตูคฤหาสน์ฉู่มียามระดับเมธีเฝ้าอยู่มากมายแต่กลับปล่อยให้คนกลุ่มนี้บุกเข้ามาเหยียบจมูกกันถึงในส่วนลึกที่สุดของคฤหาสน์ได้
“ตะ แต่เถ้าแก่หมิงเทียน นี่ นี่คือหลี่กงกงคนสนิทของฝ่าบาทเชียวนะขอรับ”
“หะ หา? หลี่ หลี่กง...กง...”