ตอนที่ 77 อาจารย์อา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
จักรพรรดิเสวียนหวงออกเดินทาง สรรพสิ่งเปิดทาง มีผู้คนเงยหน้ามองเงาร่างที่ยิ่งใหญ่ตระหง่านนั้น และจำได้ว่าเป็นใคร ความเคารพในใจของพวกเขาเกิดขึ้นทันที จนเผลอคุกเข่าลงกับพื้น เงาร่างของเสวียนหวงเดินผ่านดินแดนใต้ มุ่งเข้าสู่ดินแดนจงโจว และเข้าสู่ดินแดนเหนือ จนกระทั่งมาถึงเขาหลิงในดินแดนตะวันตก เขาหยุดพักอยู่ครู่หนึ่ง ดินแดนตะวันตกเป็นที่ยอมรับกันว่ามีเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือภูเขาหลิง ทุกคนในดินแดนนี้มีความเชื่อเดียวกัน นั่นก็คือศรัทธาในพระพุทธเจ้า
เมื่อเงาร่างของเสวียนหวงหยุดลง บรรดาเครื่องหอมในวิหารต่างๆ ทั่วดินแดนตะวันตกก็เริ่มเผาไหม้เร็วขึ้น รวมพลังศรัทธาเอาไว้ สุดท้าย เงาร่างหนึ่งซึ่งเหมือนกับเงาร่างของเสวียนหวงก็ปรากฏขึ้นตรงกันข้าม เงานั้นมีลักษณะสง่างามน่าเคารพนับถือ นั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศ รัศมีแห่งพุทธะส่องสว่างไปทั่ว มีเหล่าพระและเทพนับพันนับหมื่นนั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศ เปล่งเสียงสวดมนต์บทพระธรรม
"พวกเราทั้งคู่แพ้แล้ว..." เงาที่ปรากฏขึ้นมองไปยังที่แห่งหนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า "แต่ท่านทำไมถึงต้องทำเช่นนี้?"
เงาร่างของเสวียนหวงตอบขึ้นว่า "ข้าคือจักรพรรดิ์ จึงไม่เกรงกลัวศัตรูใดๆ ในโลกนี้!"
"เฮ้อ..." เงาที่แผ่รัศมีแห่งพุทธะส่ายหน้าและถอนหายใจ ก่อนจะสลายตัวกลายเป็นแสงสว่าง และหายไปในอากาศ เงาร่างของเสวียนหวงเดินขึ้นไปบนฟ้า มุ่งเข้าสู่จักรวาล เขาเดินผ่านดินแดนแห่งดวงดาวหลายแห่ง ผู้คนมากมายเห็นเขา และไม่นานก็ลืมเขาไป ในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครจำเขาได้
สุดท้าย เสวียนหวงเดินมาถึงที่หนึ่งและหยุดอยู่ ดวงดาวรอบๆ ตัวเริ่มแตกสลาย ชั้นฟ้าสามสิบสามชั้นเหนือศีรษะของเขาเริ่มเกิดรอยร้าว พลังแห่งเสวียนหวงเริ่มจางหายไป เขากำลังจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
"ข้าเคยปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งหมด...แต่กำลังของข้าไม่เพียงพอ...รู้สึกผิดอย่างมากต่อสรรพสิ่ง..." เงาร่างของเสวียนหวงเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ เขามองไปยังที่แห่งหนึ่งในกลุ่มดาวเหนือและสบตากับชายหนุ่มคนหนึ่ง "เจ้าเป็นเจ้า จงทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ!"
"อนาคตช่างน่ากลัวนัก เจ้าไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัน"
หลังจากกล่าวคำเหล่านี้ เงาร่างของเสวียนหวงก็สลายตัวกลายเป็นแสงดาวและลอยขึ้นไปยังยอดของจักรวาล ในช่วงเวลาที่เลือนราง มีคำพูดสุดท้ายดังขึ้น "ในอนาคตอันไกลโพ้น เงาร่างนั้นจะเป็นใคร?"
"และในที่ที่ไกลออกไปจนเลือนลาง ไม่ชัดเจน สองคนนี้เหมือนจะเป็นคนเดียวกัน...แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกัน..."
หลังจากจักรพรรดิเสวียนหวงหายไป สุสานจักรพรรดิก็ระเบิดออกมาในแสงสว่างจ้า คลื่นกระแทกจากการทำลายล้างทำลายพื้นที่รอบๆ กว่าล้านลี้จนกลายเป็นฝุ่น...
ฮั่วหยุนเฟยพาเย่ปู้ฝานและอีกสามคนพร้อมกับเซวียนอี้กลับมาที่สำนักเกาซาน ขณะยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่เศร้าสร้อยดังขึ้นมาจากระยะไกล "ศิษย์น้อง เจ้าตายอย่างน่าอนาถจริงๆ!" เจ้าของเสียงแสดงความจริงใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดในใจของเขามีเพียงเสียงเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้
ฮั่วหยุนเฟยขมวดคิ้ว นั่นคือเสียงของเทียนจีเจินเหริน "ใครตายแล้ว?"
เมื่อพวกเขามาถึงประตูของสำนักเกาซานจากระยะไกล พวกเขาก็เห็นว่าประตูมีผ้าขาวแขวนไว้และเต็มไปด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ทุกคนในสำนักตั้งแต่ศิษย์จนถึงผู้เฒ่าต่างก็สวมชุดไว้ทุกข์เซวียนอี้ยืนกอดอกอยู่ข้างหลัง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง และพึมพำว่า "ใครกันที่มรณภาพไป?"
เมื่อพวกเขามาถึงประตูสำนัก อาวุโสสือก็รีบออกมาต้อนรับ เขาเองก็สวมชุดไว้ทุกข์และมีน้ำตาไหลเล็กน้อย ฮั่วหยุนเฟยถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
อาวุโสสือส่ายหน้าด้วยความเศร้าและกล่าวว่า "เมื่อวานนี้ ตี้เสินเจินเหรินขณะที่กำลังฝึกวิชาพลัง ได้บังเอิญเผลอฝึกผิดจนทำให้ปีศาจจิตใจแทรกแซงเข้ามา จิตวิญญาณจึงแตกสลายและเสียชีวิตในทันที!"
"อะไรนะ?" ฮั่วหยุนเฟยถามว่า "ไม่ได้เรียกให้บรรพบุรุษเซวียนเฉิงมาช่วยหรือ? แม้แต่เขาก็ช่วยไม่ได้?"
อาวุโสสือส่ายหัวและกล่าวว่า "ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาการของตี้เสินเจินเหรินแย่ลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งบรรพบุรุษเซวียนเฉิงเมาถึง เขาก็..."
เซวียนอี้เข้าใจสถานการณ์ทันที นี่คือเรื่องของคนรุ่นหลัง เขาจึงไม่ถามอะไรมาก ร่างของเขาค่อยๆ สลายไป แล้วมุ่งหน้าไปยังรอบๆ สำนักเกาซาน เพื่อตรวจสอบว่ามีการเชื่อมโยงกับอันตรายจากภายนอกหรือไม่ ถ้าไม่มี เขาก็สามารถกลับไปยังสุสานบรรพชนและนอนพักได้อีกครั้ง ช่วงเวลาที่ออกมานี้ก็นับว่ามีความสุขดี ได้ประลองมือจนสนุกไปหลายครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงเวลานี้ที่เขาได้ใช้วิชาฝีมือบ่อยครั้ง ทำให้ดูเหมือนว่าจะเข้าใจเคล็ดลับบางอย่าง พลังของเขาจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก
"บางทีข้าอาจจะไปหาคนนั้นเพื่อประลองได้...แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าจะไม่ใช้พลังวิเศษ..." เซวียนอี้คิดอยู่ในใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฮั่วหยุนเฟยก็เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าเป็นความจริงหรือการแกล้งตาย? มองดูการจัดเตรียมพิธีที่เกินจริงและเสียงร้องไห้ที่ไม่เคยหยุด มันดูเหมือนจริงมาก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จิตใจของฮั่วหยุนเฟยเริ่มหนักอึ้งขึ้น หากมันเป็นความจริง...สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสำนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อยอดเขาตี้เสิน
ฮั่วหยุนเฟยจึงไม่พูดอะไรต่อ พาเย่ปู้ฝานและอีกสามคนรีบไปยังยอดเขาตี้เสินอย่างรวดเร็ว
แต่ที่แปลกก็คือ หลังจากทั้งสี่คนจากไป อาวุโสสือที่เดิมทีร้องไห้อยู่ก็เช็ดน้ำตาแล้วหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาอ่านอย่างสนุกสนาน พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้โยกข้างๆ ไม่หยุดที่จะหัวเราะเบาๆ
ไม่มีวี่แววของความเศร้าในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเข้าไปในสำนักเกาซาน ศิษย์ทุกคนแสดงท่าทีเศร้าโศก สวมชุดไว้ทุกข์ และถือธูปไว้ในมือ พวกเขาต่อแถวอยู่ใต้ยอดเขาตี้เสิน เพื่อรอคอยที่จะถวายธูปให้ผู้เฒ่าตี้เสินเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาตี้เสิน ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นล้วนเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในสำนัก เห็นเพียงภาพวาดขาวดำของผู้เฒ่าตี้เสินที่แขวนอยู่ด้านหน้า ในขณะที่เจ้าสำนักจางหยุนเทียนและบรรพบุรุษเซวียนเฉิงกำลังถวายธูปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ทั้งสองแสดงออกถึงความทุกข์และความโกรธเล็กน้อยบนใบหน้า
จางหยุนเทียนกล่าวด้วยความสุภาพ "ไม่นึกเลยว่าศิษย์น้องตี้เสินจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เฮ้อ..." เมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะไม่ได้พบกับศิษย์น้องผู้เงียบขรึมนั้นอีกจางหยุนเทียนรู้สึกหงุดหงิดใจ ผู้คนที่คุ้นเคยต่างหายไปเรื่อยๆ
เซวียนเฉิงปลอบใจว่า "ตี้เสินทำได้ดีมาก ไม่เสียชื่อเลยว่าเป็นเจ้าของยอดเขานี้ เจ้าไม่ต้องเศร้าเกินไป ทุกสิ่งมีการกำหนดไว้แล้ว"
"ชะตากรรมมีการจัดเตรียมไว้แล้ว!"
ข้างๆ กันนั้นโก่วหยวนเจินเหริน เทียนจีเจินเหริน และเซี่ยเซวียนเจินเหริน เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งจริงจังขึ้นไปอีก จริงๆ แล้วทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว
"เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย ก็ต้องตาย" เทียนจีเจินเหรินเช็ดน้ำตาที่มุมตาของเขา
และกล่าวด้วยเสียงสะอื้น "ไม่นึกเลยว่าวันก่อนที่พบกันจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายกับศิษย์น้อง เฮ้อ..."
"ศิษย์น้อง...เจ้าตายอย่างน่าอนาถจริงๆ..."
เมื่อวานนี้ก่อนที่ตี้เสินเจินเหรินจะตกอยู่ในภาวะวิปลาสจากการฝึก เทียนจีเจินเหรินยังได้ไปพบเขา ทั้งสองได้พูดคุยกันเงียบๆ และหลังจากที่เทียนจีเจินเหรินจากไปไม่นาน ตี้เสินเจินเหรินก็เกิดตกอยู่ในภาวะวิปลาส และเสียชีวิตในถ้ำฝึกของเขา
โก่วหยวนเจินเหรินตบไหล่เทียนจีเจินเหริน และกระซิบถามว่า "เจ้าคุยกับศิษย์น้องตี้เสินเรื่องอะไรหรือ?"
"ทำไมศิษย์น้องถึงได้ตายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าทำอะไรหรือเปล่า?"
เทียนจีเจินเหรินเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า "อย่าคิดเรื่องสมคบคิดแบบนั้นสิ!"
"ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ? ข้าจะไปทำร้ายศิษย์น้องตี้เสินได้ยังไง?"
ข้างๆ เซี่ยเซวียนเจินเหรนิเหลือบมองทั้งสองคนและแค่นเสียงเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
"แล้วเจ้าคุยเรื่องอะไรกันแน่?" โก่วหยวนเจินเหรินถามอย่างอยากรู้ ขณะใส่ธูปลงในกระถางธูป
"ก็แค่ถามปัญหาเรื่องการฝึกนิดหน่อย เขาไม่ใช่ถึงขั้นมหาเต๋าแล้วหรอกหรือ? ข้าไปขอให้เขาช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝึก จะไม่ได้หรือ?"
"พวกเจ้านี่นะ แต่ละคนก็เก่งกันหมด เหลือข้าเพียงคนเดียวที่ยังอยู่แค่ระดับเทียนเหรินชั้นที่แปด"
"อ้อ...ใช่ ยังมีศิษย์น้องสาวของข้าด้วย แต่เธอยังเด็ก ไม่ต้องนับรวม" เทียนจีเจินเหรินกล่าว
เซี่ยเซวียนเจินเหรินเหลือบมองเทียนจีเจินเหริน แต่ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับเผยยิ้มเล็กๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ขณะนั้น โก่วหยวนเจินเหรินเห็นว่าฮั่วหยุนเฟยกลับมาแล้ว เหลือบมองสามคนที่อยู่ข้างหลัง โดยเฉพาะชายร่างอ้วนกลมๆ นั่น ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามางั้นหรือ? แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขากล่าวว่า "หยุนเฟย มาสิ มาส่งอาจารย์อาของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย"
"ต่อไปนี้คงจะหายากที่จะได้พบกับคนเงียบๆ คนนี้อีกแล้ว เฮ้อ..."
ฮั่วหยุนเฟยพยักหน้า รับธูปจากอาวุโสที่ยื่นมาให้ จากนั้นเดินไปยังหน้าภาพของตี้เสินเจินเหริน และโค้งคำนับด้วยความเคารพ
"อาจารย์อา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ!"