ตอนที่แล้วตอนที่ 74 แพะรับบาป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 76 สุนัขกัดกัน

ตอนที่ 75 เพื่อนร่วมทาง


ภายในวิหารสุริยันจันทร์ทราเจ้าสำนักสุริยันจันทราเดินไปเดินมา สีหน้าตึงเครียด แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะนี้เขาเพิ่งได้รับข่าวว่า เหล่าบรรพชนหลัวหนิงร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งในสำนัก จนปล้นผู้ที่ออกมาจากสุสานจักรพรรดิ์ไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมบัติจากสุสานหรือของมีค่าที่พกติดตัวมา ทั้งหมดถูกยึดไปจนเกลี้ยง

คนทั่วไปไม่เป็นไร สำนักสุริยันจันทราไม่ถือสา แต่ถึงกับแม้แต่นิกายใหญ่จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่รอด แม้แต่ชนเผ่าโบราณยังถูกปล้น “นี่มันฝีมือใครกันแน่?”

เจ้าสำนักสุริยันจันทราระดมพลังระดับสูงของสำนัก จนเต็มไปทั่วทั้งวิหาร เขาหรี่ตาลงพลางครุ่นคิด “บรรพชนหลัวหนิงตายไปแล้ว คนอื่นไม่รู้ แต่ยังมีคนที่ใช้ชื่อของบรรพชนหลัวหนิงออกมาปล้นชิง”

เจ้าสำนักพึมพำกับตัวเอง “นั่นหมายความว่าคนผู้นั้นกับชายลึกลับในชุดดำเป็นพวกเดียวกัน! ช่างเป็นกลุ่มคนที่หมายตาสำนักสุริยันจันทราจริง ๆ กำลังหาทางทุกวิถีทางมาทำลายเรา!”

“ช่างน่าขยะแขยง! นี่มันฝีมือใครกันแน่!” เจ้าสำนักสุริยันจันทรายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ในใจเขาค่อยๆ ไล่เรียงศัตรูที่เคยขัดแย้งหรือทำลายไปในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สำนักลี่ฮั่ว? สำนักเจิ้งหยาง? สำนักเซียนหลัวสุ่ย? สำนักเทียนตี้เจิ้งอี้? …หรือสำนักเกาซาน? …แต่ไม่ใช่สิ สำนักเหล่านี้แม้จะมีบางส่วนที่ซ่อนพลังไว้ แต่ดูจากพลังของคนในชุดดำและพรรคพวกแล้ว พลังนั้นไม่น่าจะด้อยกว่านิกายศักดิ์สิทธิ์เลย!

หรือว่า… เจ้าสำนักสุริยันจันทราสายตาแววเข้ม จับจ้องไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง นิกายแห่งความเท็จนี้หรือ? แม้ว่าสำนักสุริยันจันทราจะถูกมองว่าเป็นคนร้าย ที่จะทำเรื่องชั่วร้ายในเงามืด หลายคนรู้ว่าสำนักสุริยันจันทราไม่ดี แต่ในสายตาเขา แดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงต่างหากที่เลวร้ายที่สุด!

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ สำนักสุริยันจันทรามักจะถูกกล่าวหาว่าทำลายสำนักอื่น ถูกคนอื่นตราหน้าว่าเป็นศัตรู แต่ความจริงแล้ว สำนักเหล่านั้นไม่ได้ถูกทำลายโดยสำนักสุริยันจันทราเลย! เป็นฝีมือของใครบางคนที่ทำลายแล้วโยนความผิดมาที่สำนักสุริยันจันทราต่างหาก เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่ครั้งเดียว หลายครั้งเข้าจนสำนักสุริยันจันทราทนไม่ไหว

ครั้งสองครั้งไม่ว่าอะไร แต่หลังจากหลายครั้งเข้าก็เกินไปแล้ว! คิดว่าเราไม่ใช่คนหรือไร? ในที่สุดเมื่อสืบสวนพบว่าทุกครั้งที่สำนักใหญ่ถูกทำลาย หลังฉากมักมีร่องรอยของแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงแฝงอยู่! ภายนอก แดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงดูสวยงาม ทำเรื่องดี ๆ เพื่อคนทั่วไป แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความมืดมนและโหดร้าย พวกเขาก่อหายนะในบางพื้นที่เอง แล้วแสร้งออกมาช่วยเหลือ จนได้รับคำชมเชยจากชาวโลก

ครั้งหนึ่ง บรรพชนสำนักสุริยันจันทราไปเผชิญหน้ากับพวกเขา แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงกลับไม่ยอมรับ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำให้บรรพชนที่ไปเจรจาโกรธจนเกือบจะอาละวาดในแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง หลังจากนั้น สำนักสุริยันจันทราและแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง สองพยัคฆ์แห่งทิศตะวันออกก็เริ่มมีความขัดแย้งกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาขึ้นครองตำแหน่ง และหัวหน้าใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงก็ขึ้นดำรงตำแหน่ง ความขัดแย้งเช่นนี้ก็เริ่มน้อยลง สองหัวหน้าดูเหมือนจะมีข้อตกลงบางอย่าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อตกลงนี้เป็นแค่เรื่องโกหก! พวกนั้นแค่ซุ่มวางแผนเพื่อทำลายเขา!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้สำนักสุริยันจันทราสูญเสียมากมาย แม้แต่ระดับนักบุญยังต้องสละชีวิตไปหนึ่งคน ระดับกึ่งนักบุญก็เสียไปหนึ่งคน และระดับมหาเต๋าของสำนักก็สูญเสียผู้อาวุโสสูงสุดไปเช่นกัน! “ช่างน่าโมโหจริง ๆ… เป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่? หัวหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง!”

เจ้าสำนักสุริยันจันทรารู้สึกอึดอัดอย่างมาก สายตาเต็มไปด้วยความแค้น อยากจะกระชากเสื้อของแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงออกดูให้รู้แล้วรู้รอด ว่าใช่ฝีมือพวกเขาหรือไม่!

ทันใดนั้น เสียงเร่งรีบดังขึ้น “ท่านเจ้าสำนัก คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหยา, วังเทพคุนหลุน, แดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง, สำนักหมื่นขุนเขา, ตระกูลจินหลวน, ตระกูลโบราณตงฟาง... มาขอพบขอรับ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักสุริยันจันทราก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว เรื่องหนึ่งยังไม่ทันคลี่คลาย อีกเรื่องก็เกิดขึ้นอีก แม้ว่าเขาจะเป็นระดับกึ่งนักบุญ แต่ช่วงนี้ก็รู้สึกเหนื่อยใจมากขึ้นทุกที เขาจึงกล่าวว่า “รีบไปเชิญบรรพชนหลัวหยางมา!”

....

ยอดเขา ร่างของเซวียนอี้ปรากฏออกจากความว่างเปล่า เขาสวมชุดสีเขียว ท่าทางสงบเสงี่ยม ดูสบายๆ มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แม้ว่าหน้าตาของเขาจะดูเยาว์วัย แต่ริมฝีปากก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอันเป็นเอกลักษณ์

เซวียนเหอเห็นเซวียนอี้ ก็ดีใจและเอ่ยว่า "ท่านอาจารย์ปู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"

เซวียนอี้ยิ้มมุมปากและกล่าวว่า "สมบัติของวังเทพคุนหลุนยังปล้นไม่หมด ด้วยพลังของเจ้าหลัวหนิงนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะปล้นสมบัติจากวังเทพคุนหลุนที่ใช้จักรพรรดิอาวุธปกป้องอยู่ได้"

“ข้าคว้าสมบัติไปสองชิ้น ก่อนจะแกล้งทำเป็นบาดเจ็บหนักแล้วหนีมา”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซวียนเหอกับเจ้าสำนักจางหยุนเทียนก็หัวเราะอย่างเบิกบาน ไม่เสียทีที่เป็นบรรพบุรุษ เจ้าเล่ห์ร้ายกาจจริงๆ การแสดงก็ยอดเยี่ยมจนไม่มีช่องโหว่เลยสักนิด!

“แล้วพวกเจ้าล่ะ ได้อะไรมาบ้าง?” เซวียนอี้ถาม

"ฮ่า ฮ่า!" เจ้าสำนักจางหยุนเทียนและเซวียนเหอหันไปสบตากัน แล้วเผยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว!”

“นี่คือ… ผุ้นำคนปัจจุบันของยอดเขาเต๋าหยวนสินะ?” เซวียนอี้หันไปมองที่ฮั่วหยุนเฟย ซึ่งอยู่ด้านหลังสองคนนั้น ดวงตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย และประกายแสงวาววับผ่านเข้ามาในดวงตา

ฮั่วหยุนเฟยคำนับด้วยท่าทางเคารพของศิษย์รุ่นหลังแล้วกล่าวว่า "ขอคารวะท่านบรรพชน ข้าเป็นผู้นำรุ่นที่หนึ่งร้อยของยอดเขาเต๋าหยวน ฮั่วหยุนเฟย"

“อืม ปู่ของเจ้าเคยเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟังอยู่”เซวียนอี้ยิ้มพลางกล่าว เดินเข้ามาใกล้ฮั่วหยุนเฟย เขาเดินวนรอบๆ ตัวฮั่วหยุนเฟยสามรอบแล้วพยักหน้า “สมกับที่เป็นคนจากยอดเขาเต๋าหยวน… มือคู่นี้ ดูเหมือนจะนุ่มนวล แต่เวลาใช้ตีใคร คงเจ็บน่าดู!”

เซวียนอี้ยกมือของฮั่วหยุนเฟยขึ้นมาสัมผัสแล้วบีบเบาๆ เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เคยถูกเตะเมื่อครั้งก่อน จนอยากจะเตะฮั่วหยุนเฟยสักครั้ง

ข้าอาจจะสู้ผู้อาวุโสของเจ้าไม่ได้ แต่กับเจ้า ข้าไม่น่าจะแพ้!

“แค่กๆ” เซวียนอี้อดกลั้นความคิดในใจ เพราะในฐานะผู้ใหญ่ ย่อมไม่ควรทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้น

เมื่อเห็นเซวียนอี้ปล่อยมือ ฮั่วหยุนเฟยก็แอบถอนหายใจโล่งอกในใจ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าบรรพชนท่านนี้เกือบจะลงมือกับเขาแล้ว ทำไมกัน? เพราะปู่ของเขาหรือ?

ฮั่วหยุนเฟยเคยเจอปู่แค่ครั้งเดียวตอนที่เกิด ปู่ออกจากสุสานบรรพชนเพื่อมาพบเขาผู้เป็นหลานชายคนโต ชื่อของเขาก็เป็นปู่ตั้งให้ว่า "หยุนเฟย" หมายถึงการเหินขึ้นฟ้าด้วยปีกมังกร

ฮั่วหยุนเฟยมองไปยังทิศทางไกลๆ สัมผัสได้ถึงเส้นใยของพลังสวรรค์ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา

พรึบ! เซวียนอี้ชี้นิ้วออกไป เส้นใยพลังสวรรค์ขาดสะบั้นและหายไป เขายิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เป็นเขาจริงๆ”

เจ้าสำนักจางหยุนเทียนและเซวียนเหอไม่ทันสังเกตเห็นเส้นใยพลังสวรรค์เมื่อครู่ นั่นแสดงว่าผู้ที่ลงมือมีระดับสูงกว่าพวกเขามาก

เซวียนเหอถามว่า “ท่านอาจารย์ปู่หมายถึงใครหรือ?”

เซวียนอี้ตอบว่า “ระหว่างทางกลับ ข้าพบกับคนที่คล้ายกับพวกเรา”

ฮั่วหยุนเฟยและคนอื่นๆ มองเซวียนอี้ คนที่คล้ายพวกเรา? หมายความว่าอย่างไร?

ฮั่วหยุนเฟยแววตาเป็นประกาย แล้วถามว่า “ท่านบรรพชน หมายถึงวิถีแห่งการซ่อนเร้นหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าสำนักจางหยุนเทียนและคนอื่นๆ ก็แสดงท่าทีสนใจออกมา ในโลกนี้มีคนฝึกวิถีแห่งการซ่อนเร้นอยู่ไม่น้อย แต่ที่มารวมตัวกันกลับมีไม่มากนัก คนผู้นี้สามารถดึงดูดความสนใจของเซวียนอี้ได้ คงเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา

เซวียนอี้ไม่อ้อมค้อมและกล่าวว่า “ระหว่างทางกลับ ข้ารู้สึกถึงพลังของสมบัติจากผู้ที่มีระดับกึ่งนักบุญคนหนึ่ง จึงคิดจะคว้ามันมา”

“ไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะเป็นนักบุญที่ซ่อนระดับหลายขั้น”

“และเขามีวิธีมากมาย ทั้งยังฝึกวิถีแห่งชะตากรรมและการหลบหนีด้วยสมบัติ จนแม้แต่ข้าเองก็ต้องใช้พลังไม่น้อยกว่าจะจับตัวเขาได้”

“หากข้าไม่เชี่ยวชาญในวิถีแห่งชะตากรรมและการหลบหนีมากกว่าเขา อาจจะปล่อยเขาหนีไปได้จริงๆ”

เมื่อได้ยินคำบรรยายของเซวียนอี้ ฮั่วหยุนเฟยและคนอื่นๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่เพียงแต่ซ่อนระดับหลายขั้น แต่ทั้งร่างเต็มไปด้วยวิธีหลบหนีเอาตัวรอด นี่ไม่ใช่พื้นฐานของวิถีแห่งการซ่อนเร้นหรอกหรือ?

ฮั่วหยุนเฟยยิ้มที่มุมปาก สบตากับเจ้าสำนักจางหยุนเทียนและกล่าวว่า “เพื่อนร่วมทาง!”

เซวียนเหอกล่าวว่า “ถ้ามีโอกาส ข้าก็อยากจะทำความรู้จักเขาสักครั้ง”