ตอนที่แล้วตอนที่ 299 เศรษฐีหมื่นล้านอย่างฉัน ช่างจนเสียจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 301 สมบัติล้ำค่าที่ไม่มีอะไรเทียบได้

ตอนที่ 300 จุดสูงสุดที่สองแสนล้าน


ทันทีที่เพื่อนๆ เกิดความสงสัยในใจ เย่เฉิน ก็หยิบเอาแบล็คการ์ดใบที่สองออกมาในเวลาเดียวกัน

บ้าเอ้ย นี่มันแบล็คการ์ดใบที่สองจริงๆ ด้วย!

แค่ เหล่าเย่ คนเดียวมีแบล็คการ์ดถึงสองใบ มันสุดยอดเกินไปแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจก็คือ หลังจากที่ เย่เฉิน หยิบแบล็คการ์ดใบที่สองออกมาแล้ว เขายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น

อย่าบอกนะว่า เหล่าเย่ มีแบล็คการ์ดใบที่สามอีก?

ความคิดนี้เริ่มผุดขึ้นในหัวของพวกเขา

และแน่นอน ภายใต้สายตาที่กำลังตกตะลึงของทุกคน เย่เฉิน ก็หยิบแบล็คการ์ดออกมาอีกสองใบพร้อมกัน

ตอนนี้บนโต๊ะมีแบล็คการ์ดทั้งหมดที่แตกต่างกันสี่ใบแล้ว

โอ้พระเจ้า!!!

ขณะที่พวกเขากำลังตะลึงอยู่ เย่เฉิน ก็หยิบแบล็คการ์ดออกมาเพิ่มอีกหลายใบ

ในที่สุดเมื่อพวกเขามองไปที่ เย่เฉิน ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนร่างกายชาไปหมด

นี่มันแบล็คการ์ดจริงๆ ใช่ไหม? หรือมันเป็นแค่การ์ดสีดำธรรมดา?

“หมดแล้ว มีแค่ไม่กี่ใบนี้แหละ”

เย่เฉิน พูดด้วยเสียงราบเรียบ

แค่ไม่กี่ใบ?

นายแน่ใจเหรอว่านี่คือ แค่ไม่กี่ใบ?

นี่มันเหมือนกองหนึ่งเลยนะ!!!

เมื่อมองแวบแรกก็ต้องมีอย่างน้อยแปดถึงเก้าใบ

“เหล่าเย่ นี่ทั้งหมดเป็นแบล็คการ์ดใช่ไหม?”

“ใช่ บางใบก็ธรรมดา แต่บางใบก็พิเศษหน่อย”

เย่เฉิน อธิบาย

นอกเหนือจากแบล็คการ์ดที่ได้รับจากเกมแล้ว เย่เฉิน ยังมีแบล็คการ์ดจากธนาคารใหญ่ๆ อีกหลายใบ

โดยเฉพาะแบล็คการ์ดของธนาคารแห่งแรกของประเทศน้ำมัน ซึ่งเป็นใบที่ทรงพลังที่สุด และมันไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่า เย่เฉิน จะทิ้งมันไว้ในรถ

มองดูกองแบล็คการ์ดกองเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า เพื่อนร่วมชั้นของ เย่เฉิน ต่างอึ้งจนพูดไม่ออก

พวกเขาแทบไม่เชื่อว่านี่คือ เรื่องจริง.. และมันไม่ใช่ภาพลวงตา

อย่าว่าแต่แบล็คการ์ดหลายใบเลย แค่บัตรธนาคารธรรมดาๆ หลายใบ พวกเขาก็ไม่มีแล้ว

ในละครทีวี และภาพยนตร์ เศรษฐีที่มีแบล็คการ์ดแค่ใบเดียวก็ถือว่าเจ๋งมากแล้ว

เย่เฉิน มีแบล็คการ์ดมากมายขนาดนี้ เขาต้องเก่งมากขนาดไหนเนี่ย?!

“นี่คือแบล็คการ์ดจริงๆ สุดยอดไปเลย”

“ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

“ฉันก็เหมือนกัน ต้องขอบคุณ พี่ใหญ่ เย่ ที่ทำให้ฉันได้เห็นของจริงในวันนี้”

ทุกคนมองดูแบล็คการ์ดของ เย่เฉิน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้องของมีค่าเหล่านี้เลย เพราะพวกเขากลัวว่าจะทำมันเสียหาย

“เหล่าเย่ ฉันขอสัมภาษณ์นายได้ไหม?”

“สัมภาษณ์อะไรเหรอ?”

“ฉันอยากถามนายหน่อยว่า การมีแบล็คการ์ดมากมายขนาดนี้ นายรู้สึกยังไง?”

“รู้สึกยังไง?”

เย่เฉิน ขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไปว่า :

“ไม่รู้สึกอะไรเลย มันก็เรื่องปกติใช่ไหม?”

เย่เฉิน ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาเคยเห็นเศรษฐีหลายคนที่มีแบล็คการ์ดหลายใบ แค่ไม่ได้มีแบล็คการ์ดพิเศษแบบของธนาคารแห่งแรกของประเทศน้ำมัน

ปกติอย่างนั้นเหรอ?

นายแน่ใจนะว่านี่เป็นเรื่องปกติ?

เพื่อนร่วมชั้นหลายคนไม่รู้จะใช้อะไรมาอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ดี

สรุปได้ว่ามีแค่คำเดียวในหัวของพวกเขาคือ — ว้าว เท่านั้น!

และถ้าจะสรุปเป็นสองคำก็ — ว้าว ว้าว!

ถ้าเป็นสามคำก็คง...

หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็เก็บแบล็คการ์ดเหล่านี้ไป

หลังจากหมดคาบเรียนในช่วงบ่าย เย่เฉิน ขับรถ Lamborghini Sesto Elemento คันหรูตรงไปที่สตูดิโอของ เหยียน อวี้ตาน

เหยียน อวี้ตาน ได้ส่งข้อความมาหา เย่เฉิน เมื่อเช้านี้ เพื่อบอกว่าแบบร่างสำหรับสำหรับการออกแบบเพชรสีน้ำเงินชั้นยอดนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เหยียน อวี้ตาน ต้องการให้ เย่เฉิน มาตรวจดูด้วยตนเอง เพื่อดูว่าแบบร่างมีปัญหาอะไรหรือไม่ หากไม่มีปัญหาอะไร การผลิตก็สามารถเริ่มต้นได้ทันที

เมื่อมาถึงห้องทำงานของ เหยียน อวี้ตาน ลูกศิษย์ของเธอที่เคยอยู่ที่นั่นกลับไม่อยู่แล้ว มีเพียง เหยียน อวี้ตาน คนเดียวในสตูดิโอที่ใหญ่โตแห่งนี้

ดูเหมือนจะเห็นความประหลาดใจของ เย่เฉิน เหยียน อวี้ตาน จึงอธิบายว่า :

“ฉันให้พวกเขากลับไปแล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว เพื่อจะได้ ‘ปิดสตูดิโอ’ แห่งนี้ อีกอย่างอยู่คนเดียวแบบนี้จะเงียบกว่า และฉันจะได้มีสมาธิสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้นได้ด้วยนะคะ”

เพื่อให้การออกแบบเพชรสีน้ำเงินนี้ออกมาโดดเด่นที่สุด เหยียน อวี้ตาน จึงแทบจะ ‘อดหลับอดนอน’ เพื่อทำงานนี้

หลังจากใช้เวลานานมาก ในที่สุดงานเธอก็ทำเสร็จสมบูรณ์

หลังจากดูแบบร่างแล้ว เย่เฉิน พยักหน้า เหยียน อวี้ตาน ได้ทำตามความต้องการเล็กๆ ของเขาทั้งหมด

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ซึ่ง เย่เฉิน ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเครื่องประดับมากนัก แต่เขาเองก็ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเช่นกัน

แต่ผลงานการออกแบบนั้นดูดีมากๆ

“ขอบคุณที่ทุ่มเทให้นะครับ อาจารย์เหยียน”

เย่เฉิน เห็นว่า เหยียน อวี้ตาน ได้ทุ่มเทอย่างมาก เพื่อเพชรสีน้ำเงินเม็ดนี้เขาจึงกล่าวขอบคุณ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เหยียน อวี้ตาน ส่ายศีรษะ แล้วรินน้ำชาให้ เย่เฉิน ถ้วยหนึ่ง

“อาจารย์เหยียน ผมได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มีบริษัทจิวเวลรี่หลายแห่งเชิญคุณไปเป็นหัวหน้านักออกแบบ แต่คุณไม่รับ ทำไมเหรอครับ?”

เย่เฉิน ถาม

และครั้งก่อนที่ได้ยินจากลูกศิษย์ของ เหยียน อวี้ตาน เหมือนว่า เหยียน อวี้ตาน ที่ต้องมาอยู่ที่เจียงโจวนั้นก็ด้วยเหตุผลบางอย่าง

“ฉันไม่ชอบถูกจำกัดนะคะ”

เหยียน อวี้ตาน อธิบาย ส่วนนอกเหนือจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

“อย่างนั้นเอง”

เย่เฉิน พยักหน้า เขาเริ่มมีความคิดที่จะชักชวน เหยียน อวี้ตาน เข้าร่วมบริษัทของเขา

นักออกแบบชั้นนำมีค่ามากมายสำหรับบริษัทหนึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า เหยียน อวี้ตาน เป็นนักออกแบบที่มีฝีมือ มีความรับผิดชอบ และจริงจังกับงานมากแค่ไหน

อย่าลืมว่าในภารกิจท้าทายระยะยาวของ เย่เฉิน เมื่อเขาช่วยให้ ไป๋ ฮันเยียน กลายเป็นนักร้องระดับ ‘ราชินีเพลง’ ได้สำเร็จ เขาจะได้รับหุ้น 51% ของบริษัท Prada เป็นรางวัล

เมื่อ เย่เฉิน ทำสำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท Prada

แม้ว่าภารกิจท้าทายครั้งนี้จะค่อนข้างยาก แต่ เย่เฉิน ก็มีความมั่นใจอย่างมาก

ทั้งตอนนี้ เย่เฉิน ก็ได้เริ่มวางแผนการพัฒนาบริษัท Prada แล้ว

บริษัท Prada มีศักยภาพมากมาย

แม้ว่า Prada จะเป็นแบรนด์สินค้าหรูที่มีชื่อเสียง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความนิยม และอิทธิพลของ Prada กลับลดลงเมื่อเทียบกับแบรนด์หรูอื่นๆ

ถ้าหาก Prada สามารถดึงนักออกแบบชั้นนำเข้ามาได้ และสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น ก็จะช่วยเพิ่มชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้มูลค่าของบริษัท Prada พุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

คุณต้องรู้ก่อนว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดของบริษัท Prada อยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนล้านหยวน

แต่ในช่วงที่บริษัทรุ่งเรืองที่สุด มูลค่าตลอดบริษัท Prada สูงถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านหยวน และเกือบจะสองแสนล้านหยวนด้วยซ้ำ (两千亿)

ถ้า Prada สามารถกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง มูลค่าหุ้น 51% ที่ เย่เฉิน จะได้รับก็อาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลยทีเดียว!

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเร่งรีบได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลาในการวางแผน และดำเนินการอย่างช้าๆ

และหากสามารถดึง เหยียน อวี้ตาน มาร่วมงานเป็นหัวหน้านักออกแบบเครื่องประดับของ Prada ได้ก็คงจะดี

หลังจากพูดคุยกับ เหยียน อวี้ตาน ต่ออีกสักพัก เย่เฉิน ก็กล่าวลา และจากไป

คราวหน้าเมื่อ เย่เฉิน กลับมา เขาก็น่าจะได้เห็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว

แต่นั่นอาจจะต้องรออีกหนึ่ง หรือสองเดือน

เมื่อออกจากสตูดิโอของ เหยียน อวี้ตาน เย่เฉิน ก็เตรียมกลับบ้าน แต่ระหว่างทาง เย่เฉิน ได้รับสายจาก ไป๋ ฮันเยียน

ไป๋ ฮันเยียน บอกกับ เย่เฉิน ว่า อัลบั้มที่สองของเธอเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

เย่เฉิน เคยบอก ไป๋ ฮันเยียน ว่าเขาอยากได้อัลบั้มของเธอสักหนึ่งแผ่น ซึ่งในอัลบั้มนี้มีเพลงหนึ่งที่พวกเขาร้องคู่กัน

ไป๋ ฮันเยียน บอกว่าเธอได้เก็บแผ่นแรกของอัลบั้มไว้ให้ เย่เฉิน โดยเฉพาะแล้ว

ไป๋ ฮันเยียน ถาม เย่เฉิน ว่าให้เธอไปส่งที่บ้านของ เย่เฉิน หรือว่า เย่เฉิน จะมาเพื่อรับมันด้วยตัวเอง

“ผมไปเอาเองดีกว่า”

เย่เฉิน ตอบ

เนื่องจากบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ อยู่ใกล้ๆ เขาแค่เลี้ยวหัวไปใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีเท่านั้น

เมื่อครู่เขายังคิดถึงเรื่องการพัฒนา ไป๋ ฮันเยียน ตอนนี้เขามีโอกาสไปที่บริษัทแล้ว จะได้ไปดูสถานการณ์ของ ไป๋ ฮันเยียน ด้วย

เพื่อที่จะพัฒนา ไป๋ ฮันเยียน ให้กลายเป็นนักร้องระดับราชินีเพลง บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ อาจจะยังไม่เพียงพอ

เย่เฉิน จึงเตรียมให้บริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป ภายใต้ชื่อของเขาเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้แล้ว

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด