ตอนที่ 21 : เครื่องราง
.
"ในระยะสั้น ภารกิจของนายในสองวันนี้ คือการค้นหาภายในถนนสายนี้ว่ามีภัยพิบัติภัยใต้ซากปรักหักพังหรือมีสิ่งผิดปกติอื่นๆ มั้ย..."
.
"สิ่งผิดปกติ?"
"พลังของภัยพิบัติจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ มันส่งผลแบบไหน ภัยพิบัติแต่ครั้งจะแตกต่างกันไป...บางทีภัยพิบัติแค่ยืนอยู่ที่นั่น ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ จะบิดเบือน บางทีก็ทำให้เกิดไฟไหม้ และมีแปลกยิ่งกว่านั้นคือมันสามารถควบคุมมนุษย์ได้....พวกเขาเรียกเอฟเฟกต์นี้ว่า 'เขตแดนภัยพิบัติ' "
"ยิ่งระดับภัยพิบัติสูงเท่าไหร่ การทำลายล้างของเขตแดนภัยพิบัติก็จะสูงตามไปด้วย โดยทั่วไปเราจะแบ่งระดับออกเป็นหนึ่งถึงเก้า แต่ละระดับจะมีนามแฝงเพื่อแสดงถึงพลังทำลายล้าง
ตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติระดับเก้า... เรามักจะเรียกมันว่า 'การทำลายล้างโลก'
“ทำลายล้างโลก...” เฉินหลิงตกตะลึง “ดังนั้นภัยพิบัติระดับที่เก้า มันสามารถทำลายโลกได้จริงเหรอครับ?”
“ถึงแม้จะฟังดูเกินจริง แต่ก็เกือบจะเหมือนกับการทำลายล้างโลกจริงๆ นั่นแหละ… ว่ากันว่าภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลก มันมีพลังทำลายล้างอาณาจักรมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์” เฉียนฝานดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วลดเสียงลง
"นายรู้มั้ย?"
"อะไรครับ?"
"ความจริงแล้วเมื่อคืนก่อน สิ่งที่หนีออกจากเขตสามของพวกนาย...คือภัยพิบัติระดับ 'ทำลายล้างโลก'"
"!!!”
ใบหน้าของเฉินหลิงเปลี่ยนเป็นซีดทันทีทันใด
“ฮ่าฮ่า คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย?”
"เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฉินหลิง เฉียนฝานก็ยิ้มและตบไหล่ “ฉันได้ยินมาว่าตัวชี้วัดภัยพิบัติในเขตสามของพวกนายระเบิด จริงๆ โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงระดับ 'ทำลายล้างโลก' เท่านั้น สถานการณ์แบบนี้ถึงจะเกิดขึ้น...แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้”
"มันเกือบร้อยปีแล้วที่ระดับ “ทำลายล้างโลก” ปรากฏตัว ถ้าหากเป็นระดับ “ทำลายล้างโลก” จริงๆ ทั้งเขตสามคงถูกทำลายไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ เราจะยังปลอดภัย?"
"ดังนั้น คาดว่าอาจเป็นเพราะความสามารถของภัยพิบัติ ที่ทำให้ตัวชี้วัดพัง"
"ผู้พิทักษ์หานเหมิงของพวกนาย ไม่ใช่ว่าต่อสู้กับมันเมื่อคืนนี้เหรอ? เขายืนยันว่าเป็นภัยพิบัติระดับห้า ไม่ใช่ระดับทำลายล้างอะไรนั่น...ดังนั้น นายวางใจได้"
เฉียนฝานยืนมือเท้าเอว ใบหน้ายิ้มกว้าง
แต่เฉินหลิงกลับหัวเราะไม่ออก
ในฐานะ "ผู้ร้าย" ที่ทุบตีหานเหมิงอย่างรุนแรง เป็นภัยพิบัติระดับห้าที่เฉียนฝานพูดถึง ในใจเขารู้ดีที่สุดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หานเหมิงได้พบกับ "ระดับห้า" แต่ไม่ใช่ "ระดับห้า" จริงๆ... มันเป็นเพราะในเวลานั้น [ความคาดหวังของผู้ชม] ติดอยู่ที่ 14%-15% ผู้ชมที่แย่งชิงเวที มีพลังต่อสู้ของภัยพิบัติระดับห้า
เฉินหลิงจำได้อย่างชัดเจน จำนวนผู้ชมทั้งหมดในขณะนั้น น้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของผู้ชมทั้งหมด...
แล้วถ้ากลุ่ม 'ผู้ชม' หลบหนีออกมาทั้งหมด จะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินหลิงก็มีเหงื่อเย็นบนหลัง
เขาคิดว่าภัยพิบัติใน "หอประชุม" อันตรายมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะอันตรายขนาดนี้...นั่นคือภัยพิบัติที่สามารถ "ทำลายล้างโลก" ได้!
เป็นระเบิดเวลาที่สามารถทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์!
“เอาล่ะ รีบไปทำงานเถอะ” เฉียนฝานพูดอย่างพึงพอใจ
"...ได้ครับ"
เมื่อเฉียนฝานจากไป เฉินหลิงจึงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังบนถนนผุพัง
เขาหายใจเข้าลึกๆ ระงับความกลัวในใจชั่วคราว ก้มศีรษะลง เริ่มค้นหาท่ามกลางกรวดหินดินทราย...ไม่ว่า "ผู้ชม" จะอยู่ในระดับใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติตามกฎของโรงละคร ตราบใดที่เฉินหลิงรักษา "ความคาดหวังของผู้ชม" ไว้ให้สูงกว่า 20% ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
[ค่าความคาดหวังของผู้ชม -1]
.
[ค่าความคาดหวังปัจจุบัน: 32%]
.
ตัวอักษรสองบรรทัดปรากฎขึ้นบนกรวดทรายแล้วหายไปในชั่วพริบตา
ตั้งแต่ปลอมตัวเข้ามาอยู่ในกองบัญชาการ ความคาดหวังของผู้ชมก็เพิ่มขึ้น 10% ในคราวเดียว
เฉินหลิงได้ทำการค้นหาในซากปรักหักพัง ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมง เขายังหาไม่พบแม้แต่เส้นผมสักเส้น หรือเขตแดนภัยพิบัติอะไรนั่นก็ไม่มีร่องรอยเลย
พูดตามตรง เฉินหลิงก็อยากรู้เหมือนกันว่า "ผู้ชม" ในตัวเขาที่ออกมาแล้วกลายเป็นภัยพิบัติ แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่
“เฉินหลิง!”
เสียงหนึ่งดังจากไม่ไกล เฉินหลิงที่กำลังค้นหาเบาะแสอย่างระมัดระวัง เงยหน้าขึ้นและพบว่าอู๋โหยวตงเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของเขากำลังเดินมาหา
“ฉันได้ยินพวกเขาบอกว่านายมาถึงตั้งแต่เช้าแล้วเหรอ?” อู๋โหยวตงเหงื่อโซก ถ้าเดาไม่ผิด เขาต้องเดินจากเขตสามมาที่นี่ด้วยขาตนเองแน่นอน
“ทำไมนายถึงเร็วขนาดนี้? ไม่ได้กลับบ้านเหรอ?”
"ไม่ได้กลับ มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ"
“มันเกี่ยวกับน้องชายนายหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินหลิงก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นายว่าอะไรนะ!”
“เอ่อ ตอนที่ฉันผ่านหน้าบ้านนายเมื่อกี้ ฉันเห็น...ผู้บัญชาการหานเหมิงอยู่ที่นั่น เขาบอกว่ามาหาน้องชายนาย” อู๋โหยวตงเช็ดเหงื่อของเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "สภาพบ้านนายแย่กว่าฉันเสียอีก บ้านนายมีแต่รู"
เฉินหลิงเมินเฉยต่อการล้อเล่นของอู๋โหยวตง เขาถามอีกครั้ง
"หานเหมิงได้ถามอะไรน้องชายฉันหรือเปล่า?"
"ไม่นะ มีชายตัวสูง สวมแว่นตาสีเงินยืนอยู่ในห้อง เขาคุยกับผู้บัญชาการหานเหมิง ฉันได้ยินเขาพูดไม่ชัดเท่าไหร่ เขาพูดสองสามคำแล้วผู้บัญชาการหานเหมิงก็จากไป...ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าบ้านด้วยซ้ำ"
"ชายร่างสูงสวมแว่นตาสีเงิน?" เฉินหลิงตกตะลึงเป็นเวลานาน จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจ...
เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ !
ก่อนหน้านี้ เขาส่งจดหมายถึง 'หมอ' ที่เมืองออโรร่า โดยหวังว่าหมอจะรักษาเขาได้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จนลืมไปเสียสนิท...
ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะเป็น 'หมอ' ที่นัดไว้ เขามาหาคนไข้ด้วยตนเอง
แต่ว่า เขตสามถูกปิดไม่ใช่เหรอ แล้วเขาเข้ามาได้ยังไง?
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของเฉินหลิง เขาต้องรีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เพื่อดูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
"ฉันขอบอกนายไว้ก่อนนะ ภารกิจของฉันวันนี้คือหาที่อาศัยให้ผู้รอดชีวิตในถนนปิงฉวน ยังมีอะไรให้ทำอีกมาก" อู๋โหยวตงเหลือบมองเวลา ก่อนบอกลาเฉินหลิงแล้วรีบจากไป
ในเมื่อหานเหมิงไม่ได้เข้าบ้าน จึงน่าจะไม่มีโอกาสซักถามเฉินเยี่ยน บ้านยังปลอดภัย....เฉินหลิงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่เดินอย่างรวดเร็วไปหาเฉียนฝานกับคนอื่นๆ
'หมอ' คนนั้นเป็นคนที่เฉินหลิงไม่รู้จักโดยสิ้นเชิง เขาไม่กล้าปล่อยให้เฉินเยี่ยนอยู่กับอีกฝ่ายตามลำพังนานเกินไป
เขาต้องกลับบ้าน ต้องกลับเดี๋ยวนี้เลย!
.
แกร๊กๆ-
.
เฉินหลิงก้าวไปข้างหน้า เหยียบลงบนอิฐในซากปรักหักพัง เขาก้มลงมองไปพื้นด้านล่าง มีสีแดงจางๆ อยู่ใต้เศษซาก
เฉินหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และก้มลงเพื่อปัดเศษซากออก โครงร่างสีแดงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น...รูม่านตาของเขาหดตัวลงอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นภาพชัดๆ ของของสิ่งนั้น
มันคือเครื่องรางพังๆ
ที่มุมของเครื่องรางมีคำเล็กๆ สองคำเขียนไว้ว่า...
เฉินเยี่ยน
.
.