แม่หมูของเฉียวเฉียว
เห็นได้ชัดว่าป้าใหญ่ไม่ได้สนใจคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อฟังคำพูดของอู่หลานจนจบประโยค ใครบ้างจะไม่เคยกินเกี๊ยว? มันจะมีอะไรดีนักหนา แต่เธอก็ไม่ได้โต้แย้งให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก ทำเพียงมองไปที่เกี๊ยวซึ่งห่อเสร็จแล้ว รู้สึกกังวลเล็กน้อย
"มันเยอะเกินไป ตู้เย็นคงจะใส่ไม่หมด"
ซ่งซานเฉินมองดู "เกือบจะไม่พอน่ะสิ! คืนนี้เรามีคนตั้งเยอะขนาดนี้ จะกินกันไม่ได้ถึงสามร้อยชิ้นเลยเหรอ"
ป้าใหญ่เกือบจะลูกตาทะลักออกจากเบ้า หืม…สามร้อยชิ้น? ปกติกินเกี๊ยว กินจนแน่นท้องก็แค่ยี่สิบหรือสามสิบชิ้นเท่านั้น ตอนนี้มีทั้งหมดแปดคน กล้าคุยโม้ขนาดนี้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าเรื่องที่ถานถานขายผักจะไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่แล้ว
แต่ปู่กลับเป็นคนรักเกี๊ยวตัวยง ตอนนี้กลับแสดงความคิดเห็นว่าตนเองเห็นด้วยอย่างมาก "งั้นต้มหม้อหนึ่งรองท้องก่อนเลย"
ดังนั้นผู้ชายจึงไปที่รถเพื่อช่วยกันขนฟาง ขณะที่อู่หลานนั่งอยู่หน้าเตาค่อยๆ ก่อไฟ และพูดจาไร้สาระตามไปด้วย
"ต้มอีกสองสามชิ้น... อีกสองสามชิ้น นี่! อย่าเพิ่งรีบใส่ตู้เย็น กินก่อน! "
เมื่อทุกคนเน้นย้ำเช่นนี้แล้ว หากไม่ต้มเพิ่มอีกสักหน่อยคงจะดูเหมือนตั้งใจไม่ให้คนอื่นกินจนอิ่ม ป้าใหญ่ได้แต่บ่นอยู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมต้มเกี๊ยวจนเต็มหม้อ
เตาไฟขนาดใหญ่ตามชนบททั่วไป แต่หม้อนี้บรรจุเกี๊ยวไปถึงร้อยกว่าชิ้น!
ฟางแห้งไม่หนักมาก เพียงแค่ขนจากกองฟางไปที่รถก็เสร็จสิ้นแล้ว ไม่นานพวกผู้ชายจึงขนจนเต็มท้ายรถด้วยความรวดเร็ว
"ดีมาก กินกันเยอะๆ นะทุกคน" ลุงใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะล้างมือไปด้วย ก็ถอนหายใจด้วยความสงสัย "ผักกาดพวกนี้หอมดีจริงๆ "
แล้วเขาก็กัดคำแรก…
ในเวลาเดียวกัน ห้องอาหารทั้งห้องก็เงียบลง
ก็คือ...ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี?
ลุงใหญ่คิดอยู่นานกว่าจะกลืนก้อนไส้เกี๊ยวในปากลงไปได้ เขาจึงเพิ่งจะหวนคิดถึงตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็กในยุคสมัยที่ได้กินเนื้อสัตว์เพียงปีละครั้ง…
เพียงแต่เกี๊ยวนี้รสชาติมันยิ่งกว่านั้นเสียอีก จนเขาเอ่ยปากชมไม่ถูก โดยรวมสรุปแล้วคืออร่อยมาก!
เมื่อเห็นสามีกินไปหนึ่งคำ ป้าใหญ่ก็ลองกินตามเข้าไปอีกคำหนึ่งบ้าง ตอนนี้กลับยิ่งรู้สึกเสียใจ ถ้ารู้ว่าเกี๊ยวจะอร่อยขนาดนี้ เมื่อกี้ไม่น่าพูดยกให้พ่อกับแม่ไปทั้งหมดเลย
ผักกาดขาวที่อยู่รอบๆ บริเวณแถวนี้ ไม่มีทางหารสชาติได้แบบนี้แน่นอน! ไม่แปลกใจเลยที่ราคาถึงกิโลละสามสิบหยวน คุ้มค่าจริงๆ !
ส่วนคุณยายกับคุณตาที่อายุมากแล้ว พอยิ่งกินก็ยิ่งชมไม่ขาดปาก คุณตาซึ่งนั่งรถเข็นอยู่ถึงกับกินหมดชามเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แล้วก็ยื่นชามมาอีกรอบ "ตักเพิ่มให้หน่อย"
คราวนี้เป็นอู่หลานที่ต้องไปต้มหม้อที่สอง แต่เนื่องจากเพราะพวกท่านแก่แล้ว เธอจึงตักเพิ่มให้มากกว่าปกติห้าหกชิ้น เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าเดิม
"พ่อ แม่ อย่าเพิ่งรีบกิน ค่อยๆ กิน พรุ่งนี้ยังมีอีก วันนี้อย่ากินจนจุก"
คุณตากินอย่างเอร็ดอร่อย อารมณ์ดีมาก ถึงกับพูดกับซ่งถานว่า "ถานถานของเรานี่เกิดมาเพื่อทำไร่จริงๆ " คำพูดนี้ได้รับการเห็นด้วยจากทุกคน
ส่วนอู่หลานก็รู้สึกสดชื่นแจ่มใส ยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ "เป็นไงล่ะ ผักที่ถานถานปลูก อร่อยใช่ไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่านอกจากเธอจะเรียนเก่ง ผักก็ยังปลูกเก่งไม่แพ้กัน! "
ซ่งถาน : คนเก่งไม่ควรพูดโอ้อวดในเวลาที่ไม่เหมาะสม เธอจึงนิ่งเงียบมีความสุขอยู่ในใจ
ทุกคนอิ่มหนำสำราญ
คนสี่คนขับรถกลับบ้านท่ามกลางแสงจันทร์ในยามค่ำคืน รถยนต์คันหนึ่งแล่นไปตามถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยว กระจกรถเปิดอยู่เล็กน้อย ลมเย็นพัดโชยมาที่ใบหน้าของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถดับความร้อนแรงในใจของอู่หลานได้
เธอคิดถึงสีหน้าเสียดายผักป่าและออดอ้อนอยากกินอีกของป้าใหญ่ และนึกถึงความพอใจกับความสบายใจที่ปรากฏบนใบหน้าของตายายซ่งถานเป็นเวลานาน ตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจว่าทำไมลูกสาวของตนเองถึงต้องเอาแต่อยากกินผักสดใหม่ที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรง!
เพราะความสุขบางอย่างไม่สามารถวัดได้ด้วยเงิน หลังจากคืนนั้น อู่หลานจึงมีแรงใจฮึกเหิมขึ้นอย่างมาก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แสงอรุณเพิ่งสาดส่องถึง เธอก็เร่งให้ซ่งซานเฉินรีบปูฟางในลานบ้านเพื่อตากแดดอีกครั้ง ตัวเธอก็รีบผสมน้ำยาฆ่าเชื้ออีกสองถัง แล้วฉีดพ่นไปที่คอกหมูอยู่หลายรอบจนแน่ใจ ถึงกระทั่งยอมตรวจสอบบ่อมูลสัตว์ด้วยตัวเอง เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอจึงโทรศัพท์ติดต่อกับคนเพื่อให้รีบส่งลูกหมูมา
เมื่อเฉียวเฉียวรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาพบว่าเพ็กกี้ที่เฝ้ารอคอยมานานได้มลายหายไปพร้อมค่ำคืนเมื่อวานแล้ว คอกหมูที่แสงแดดสาดส่องอย่างอบอุ่นกลับมีลูกหมูสีแปลกๆ นอนอยู่ห้าตัว สามตัวสีขาว สองตัวสีดำ ไม่เห็นมีแม่หมูตัวสีชมพูที่เขาวาดฝันไว้
แต่ถึงอย่างนั้น ลูกหมูน้อยทั้งห้าตัวก็น่ารักมาก จมูกใหญ่เปียกชื้นกลมกลึง สะอาดสะอ้าน ตัวเล็กท้วมต้วมเตี้ยม ส่งเสียงร้อง "อู๊ดอู๊ดอ๊ด" ด้วยเสียงอันอ่อนโยน หากสังเกตอย่างละเอียดแล้ว เขาพบว่าผิวหนังของหมูขาวสองตัวนั้นยังมีสีชมพูอ่อนๆ ซ่อนอยู่บ้างบางๆ แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีส่วนใดที่เหมือนกับเพ็กกี้ของเฉียวเฉียวเลย
เขาจึงอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังว่า "เพ็กกี้ของเฉียวเฉียว จอร์จของเฉียวเฉียว แม่หมูของเฉียวเฉียว... หายไปหมดแล้ว... หายไปหมดแล้ว..."
หมูในคอกต่างก็ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง ร้องฮึมฮึมสองครั้ง ก่อนจะเงยจมูกกลมๆ สีชมพูขึ้นมาดูเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงตาสีดำกลมโตเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ผ่านไปหลายวันเฉียวเฉียวฝันสลายราวกับตกหน้าผาอันสูงชัน ครั้งหนึ่งที่เขาโหยหวน ซ่งถานถึงกับต้องงัดไม้ตายออกมา
"โอ๋ๆ เด็กดีของพี่สาว อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ ไม่มีเพ็กกี้กับจอร์จ แต่เราไปดูอย่างอื่นแทนดีไหม เดี๋ยวพี่สาวจะซื้อตุ๊กตาในตัวเมืองให้"
"ตอนนี้เราไม่ต้องดูแล้ว เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนก็ได้ เฉียวเฉียวเคยดูอุลตร้าแมนไหม ดิก้า! ตั้งแต่วันนี้เราจะดูอันนี้กันเถอะ"
ของเล่นอุลตร้าแมนหาง่ายกว่ามาก
เธอถอนหายใจโล่งอก
เฉียวเฉียวร้องไห้สะอึกสะอื้นหายใจไม่ทั่วท้อง ขณะที่อู่หลานกลับหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว กลายเป็นราดน้ำมันลงบนกองไฟ
"มาสิเฉียวเฉียว ไหนหนูบอกอยากนอนกับแม่หมูของหนูไม่ใช่เหรอ ลองเลือกมาสิ ดูซิว่าตัวไหนคือแม่หมูของเฉียวเฉียวน้า…"
เขาจึงร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม
ลูกหมูตัวเล็กมาก และเพิ่งย้ายไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แม้ว่าพวกมันจะดูเหมือนไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เลย หรือแม้กระทั่งดูชอบอยู่อาศัยที่นี่มากจนแปลกเกินไปก็ตาม
แต่เพื่อความระมัดระวัง อู่หลานรีบต้มอาหารร้อนๆ เสิร์ฟให้พวกมันมากิน ฟักทองเอย มันเทศเอย เมล็ดข้าวโพด รำข้าวโพด ข้าวที่เหลือ หางผักกาดที่คัดออกแล้ว ผสมรวมกันในหม้อใหญ่ที่หอมฉุย
แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกอยากอาหารแทนแล้ว
ซ่งถานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "แม่ หนูจะไปดูว่ายอดดอกต้นถั่วม่วงในไร่เป็นยังไงบ้าง แล้วจะเก็บมาให้หมูกินเยอะๆ " ผักกาดหอมยังสามารถรับประทานได้ปีละหนึ่งหรือสองครั้ง แต่ดอกถั่วม่วงชนิดนี้มันคงไม่มีโอกาสหากินได้ง่ายๆ
อู่หลานพยักหน้า "ไปเถอะ เก็บมาเยอะๆ และบ่ายนี้รีบจัดการให้เรียบร้อย พรุ่งนี้หนูไม่ใช่ว่าตั้งใจจะไปขายผักเหรอ"
ซ่งถานส่ายหัว "ไม่ต้องรีบหรอก หนูบอกลูกค้าในกลุ่มแล้วว่ายังไงพรุ่งนี้เช้าก็จะไปขาย"
ยอดดอกต้นถั่วม่วงเก็บง่ายกว่าผักกาดหอมก็จริง แต่ก็กรอบและอ่อนเกินไป ดังนั้นเพื่อให้คงความสดใหม่ จึงควรเก็บในตอนเช้าแล้วนำไปขายที่ตลาดสดริมน้ำโดยตรงทันทีเลย
ในปัจจุบัน อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว ผักกาดหอมก็มีมากขึ้น ไร่นี้เคยใช้ถั่วม่วงประเภทนี้เพื่อใส่ปุ๋ยและเลี้ยงสัตว์มาโดยตลอด เพียงแต่ว่าในอดีตยังสามารถขายได้ราคา 10 หยวนต่อกิโลกรัมเท่านั้น ทำให้อู่หลานเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจนัก แต่เธอก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ ในเมื่อเมื่อวานนี้เธอเพิ่งยกย่องลูกสาวเรื่องความสามารถในการทำฟาร์มให้คนอื่นฟังอยู่หยกๆ บางทีเธอควรต้องลองเชื่อใจลูกสาวคนนี้ดูบ้าง
อาจจะมีอะไรแตกต่างไปจากสิ่งที่แอบกังวลก็ได้…
ซ่งถานพาเฉียวเฉียวที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาไปด้วย พวกเขาพากันถือตะกร้าเข้าไปยังในไร่ ใบไม้สีเขียวอ่อนและลำต้นอ่อนนุ่มปรากฏในดวงตาพวกเขาทั้งสองจนแน่นขนัด เธอไม่กล้าเหยียบย่ำลงไป จึงใช้มือค่อยๆ จับกิ่งแล้วเด็ดยอดดอกออกเบาๆ ก็ได้พวงสีเขียวขจีอมม่วงมาอยู่ในมือ
ขณะเดียวกันเฉียวเฉียวก็พบอะไรที่น่าเล่นใหม่ๆ แล้ว เขารู้สึกว่าการถอนหญ้าเด็ดดอกไม้แบบนี้น่าจะสนุกมาก จึงลืมแม่หมูเพ็กกี้ไปในทันที ก่อนจะหัวเราะคิกคักแล้วเริ่มทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่า