เลี้ยงหมูด้วยยอดดอกต้นถั่วม่วง
ดวงอาทิตย์ยังขึ้นไม่ถึงกลางศีรษะ ซ่งซานเฉินก็ใช้ฟางข้าวหนาๆ ปกคลุมเห็ดบนภูเขาจนเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว จึงพอใจมาก จากนั้นก็ลงจากภูเขาไปด้วยความสบายใจ
เมื่อกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือไปดูลูกหมูตรงภูเขาหลังบ้านก่อน หูก็ได้ยินเสียงร้องอู๊ดอู๊ดของพวกมันมาแต่ไกล ในใจจึงคิดไปแล้วว่าถาดอาหารน่าจะยังว่างเปล่าแน่ๆ เขาจึงเทอาหารให้พวกมันไป หมูสีขาวสามตัว สีดำอีกสองตัว กำลังเอาหัวชนกันและยื่นปากจุ่มลงไปในรางอาหาร กินจนหัวไม่ยอมเงย
ในบรรดาจำนวนหมูทั้งหมด หมูสีดำตัวหนึ่งที่กำลังกินอย่างตั้งอกตั้งใจ ลำตัวของมันกำลังขวางรางอาหารไว้เกือบครึ่งราง ทำให้หมูสีขาวที่ตัวเล็กกว่าตัวอื่นเบียดเข้าไปไม่ได้
มันร้องฮึมฮึมด้วยความหงุดหงิด…
ซ่งซานเฉินรีบหยิบไม้มาหนึ่งอันเคาะเข้ากับที่กั้นคอกและขู่ เพื่อทำให้พวกมันแยกย้ายกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ควรของตัวเอง จากนั้นจึงหันสลับกลับมามองดูในรางอาหาร ก็มีรำข้าวและมันเทศอยู่ นอกจากนี้ยังมีกลีบดอกสีม่วงอ่อนๆ หนาๆ อยู่ชั้นหนึ่ง ซึ่งหมูแย่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อย
นี่คือยอดดอกต้นถั่วม่วง…หมูมันชอบกินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ใบหน้าของซ่งซานเฉินแสดงรอยยิ้มของชาวนาผู้ตรากตรำอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “ดูหมูพวกนี้สิ กินดีกว่าคนอีก”
พอหันไปดูฟางแห้งในคอกหมูอีกครั้ง ฟางข้าวหนาๆ ยังคงปูอยู่ในคอก ดูแห้งและอบอุ่นดี อีกทั้งใบไม้ในป่าก็ยังไม่ผลิบานเต็มที่ ทำให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาเป็นบริเวณกว้าง อบอุ่นสบาย ข้างๆ มีร่องมูลหมูอยู่บ้างแล้ว มองแล้วเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีในการเลี้ยงหมูพอสมควร เขาจึงเดินกลับไปที่ลานหน้าบ้านด้วยความพึงพอใจ
ขณะนี้อู่หลานเพิ่งจะทำอาหารเสร็จ ซ่งซานเฉินได้กลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล เดินไปก็ลูบท้องตัวเองไปพลาง
“วันนี้มีอะไรกินน้า…”
เฉียวเฉียวพูดแทรกขึ้นอย่างครึกครื้นทันที “กินอาหารหมู!”
ซ่งถานตีหัวที่เต็มไปด้วยขนของเขา “ไอ้ต๊อง” แล้วก็พูดกับซ่งซานเฉินด้วยรอยยิ้มที่อดไม่ได้
"พ่อ อย่าฟังเฉียวเฉียวเลย เที่ยงนี้หนูเพิ่งไปเด็ดดอกถั่วม่วงมา แม่บอกให้ลองเอามาผัดกับหมู พ่อลองชิมดู ว่าอร่อยไหม"
ที่บ้านไม่ได้กินยอดดอกต้นถั่วม่วงมานานหลายปีแล้ว อู่หลานคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบกระเทียมสับมาผัดกับน้ำมันหมูจนหอม และใส่หมูสามชั้นที่คลุกเคล้ากับยอดดอกต้นถั่วม่วงตามลงไป ตอนนี้ไฟลุกพรึ่บพรับ ไฟสีม่วงอ่อนๆ ของกลีบดอกและโคนยอดพร้อมด้วยหมูสามชั้นสีแดงสดๆ กลิ่นหอมจากผักและกลิ่นเนื้อสัตว์ผสมผสานกัน หอมจนน่ากิน
เฉียวเฉียวลืมความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่หมูเพ็กกี้ไปเลย ตอนนี้เขากำลังใช้ตะเกียบคีบอาหาร
"ฉันกินคำนึง เพ็กกี้กินคำนึง ฉันกินคำนึง จอร์จกินคำนึง กินอีกคำ พี่สาวกินคำนึง..."
ดูเขาซื่อบื้อ แต่ก็ใช้ตะเกียบได้คล่องแคล่วเชียวนะ ไม่นาน เขาก็ตักอาหารใส่ชามของตัวเองจนเต็มขอบ ราวกับได้เรียนรู้ "วิธีแบ่งเค้กวันเกิดตัวเอง" อย่างลึกซึ้ง ครอบครัวจะพูดอะไรได้เมื่อเจอเด็กซื่อบื้อแบบนี้
เมื่อซ่งซานเฉินลองชิมคำแรก เคี้ยวสองสามครั้ง กลืนลงไป รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมเต็มปากและรสหวานของกลีบดอกที่แฝงอยู่ ผสมกับหมูสามชั้นรสเค็มเล็กน้อย...
สุดยอด!
ดวงตาของเขาเป็นประกาย "หื้ม..ทำไมถึงรู้สึกว่าอร่อยกว่าผักป่าอีกนะ ตอนเด็กๆ กินทุกวัน ทำไมถึงไม่เห็นรู้สึกว่ามันอร่อยเลย รู้แต่ว่ามีกลิ่นหญ้า"
อู่หลานก็ชิมคำหนึ่ง ตอนนี้มั่นใจมาก กับราคาหนึ่งกิโลสามสิบหยวนในอนาคตว่ายังไงก็ขายออก
"ตอนเด็กๆ ใครจะยอมใช้น้ำมันหมูและหมูมาผัดกับผักให้คุณกินล่ะ แค่ต้มในน้ำก็ถือว่าสุกสามารถกินได้แล้ว"
นั่นก็จริง ทั้งสองคิดเองเออเองถึงสาเหตุที่ทำให้อาหารจานนี้เอร็ดอร่อย ซ่งถานเลยไม่ต้องหาเหตุข้ออ้างใดๆ มาอธิบายเพิ่มเลย หลังจากนั้น ซ่งซานเฉินจู่ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"ถานถาน เราปลูกเยอะขนาดนี้ หนูว่าเราจะเอารังผึ้งมาวางสักสองสามรังดีไหม พวกยอดดอกต้นถั่วม่วงนี่เป็นแหล่งให้น้ำหวานชั้นดีเลยนะ น้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งพวกนี้น่ะ หวานเจี๊ยบเลย"
“ตอนนี้ลูกค้าคนไหนคิดจะหาซื้อรังผึ้งก็คงหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ แล้วด้วย แถวนี้ไม่มีใครเขาขายกันแล้ว”
ซ่งถานไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ !
มีอะไรต้องทำเยอะแยะมากมาย เธอจึงไม่มีเวลาคิดรอบคอบเท่าไหร่ ตอนนี้จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เอาสิ! พ่อรู้จักคนเยอะแยะนี่นา เอาหลายๆ รังเลยนะคะ ถั่วม่วงในไร่ของเรางอกงามดีมาก ตอนที่ออกดอก ผึ้งพวกนี้คงอุดมสมบูรณ์กันยกโขยง”
น้ำผึ้งจากพืชวิเศษ แค่ตักมาหนึ่งช้อนชาแล้วชงน้ำ กลิ่นรสชาติคงช่าง...
ห้ามคิด ห้ามคิด!
ซ่งถานแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
“ดีแล้วพ่อ ลุงหลี่ในหมู่บ้านก็เคยบอกว่าจะปล่อยวัวของเขามากินหญ้าในไร่ถั่วม่วงเราเหมือนกัน ตอนที่ปลูกข้าว เขาจะไถนาให้เราฟรีๆ เพื่อตอบแทนด้วย”
“ถึงตอนนั้นหนูจะกันที่ไว้สักสองแปลงด้านล่างให้เขาปล่อยวัว ส่วนถั่วม่วงอ่อนแปลงอื่นๆ หนูจะเอาไว้ขาย ไม่อยากให้วัวเข้ามากิน”
ยังไงก็เป็นวัว กินไปกินมาอาจจะถ่ายมูล ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ซ่งซานเฉินหัวเราะ “เขามีวัวแค่ตัวเดียว จะต้องใช้ที่ถึงสองแปลงเลยเหรอ แปลงเดียวก็พอแล้ว”
“แต่ดอกอ่อนจากต้นถั่วม่วงนี่ดีจริงๆ พ่อเห็นหมูกินวันนี้ก็ดูมันจะชอบเหมือนกัน อีกไม่กี่วันเราน่าจะเลี้ยงจนเชื่องแล้วมั้ง ถึงตอนนั้นก็ลองหาเวลาฝึกให้พวกมันเดินไปในไร่เองดู”
แต่หมูห้าตัว ดูฝึกลำบากใช่เล่น คล้ายซนจะตายไป...
ซ่งซานเฉินเริ่มคิดหาวิธีแล้ว
ซ่งถานหัวเราะ “ยากอะไรล่ะพ่อ ตอนนี้ตัวมันยังเล็กนิดเดียวเอง บ่ายนี้หนูไปซื้อสายจูงสุนัขแบบที่เขาใช้สะพายสุนัขตัวใหญ่ๆ มาให้ก็ได้ พ่อว่างๆ ก็จูงออกไปเดินเล่นได้เลย ไม่ต้องรอมันเชื่องหรอก”
“ยังไงหมูพวกนี้ก็เลี้ยงไว้กินที่บ้าน เราเน้นให้มันอร่อย ไม่ต้องฝึกให้มันออกกำลังกายมากจนถึงขั้นไขมันลดก็ได้”
เฉียวเฉียวตื่นเต้น “ผมก็จะเอา! เฉียวเฉียวจะพาหมูไปเดินเล่น!”
ไม่ได้หรอก…เพราะหมูเป็นสัตว์ที่ฉลาด หากเลี้ยงนานๆ ก็จะยิ่งผูกพัน นึกถึงวันที่ฆ่ามันเพื่อเอาเนื้อมาปรุงอาหาร เฉียวเฉียวคงร้องไห้ตายแน่
ซ่งซานเฉินคิดแล้วคิดอีก ก็ยังปฏิเสธ “ลืมไปเถอะวิธีนั้น ให้จูงพามันออกไปเดินบ่อยๆ พ่อก็จะพาลสงสารมันด้วย ปล่อยให้มันอยู่ด้านหลังภูเขาเดินเล่นเอาเองเถอะดีแล้ว พ่อทำอาหารให้มันกินเยอะหน่อยก็คงพอให้มันมีแรงเดินได้เยอะๆ”
ซ่งถานนึกถึงประสบการณ์การเลี้ยงหมูในความทรงจำของเธอ อืม เป็นแบบนั้นจริงๆ
งั้นเลี้ยงเพื่อกินอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องไปสร้างความผูกพันธ์แบบนั้นหรอก คนกับหมูอยู่ด้วยกันนานๆ เข้า ถึงเวลาจะกินคงฆ่าไม่ลง
พวกผู้ใหญ่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว เฉียวเฉียวที่กำลังยื่นหูฟังอยู่นาน สุดท้ายก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป ไม่ได้สนใจเรื่องพาหมูไปเดินเล่นอีก
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเรื่องที่เขาจำได้ "เฉียวเฉียวบอกต้าไป๋ว่าให้มันช่วยดูแลหมูให้ เฉียวเฉียวจะให้มันกินคุกกี้"
โอ้โห!
ซ่งถานตกใจ เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ "นายไปคุยกับต้าไป๋ตอนไหน"
ต้าไป๋นั่นมันไม่ใช่ไอ้ตัวที่ชอบหมอบอยู่หน้าบ้านคุณปู่ทุกวันเหรอ มันคือเจ้าห่านขาวตัวใหญ่ยักษ์นิสัยดุร้ายตัวนั้นไง เฉียวเฉียวพ่นลมออกทางจมูก "ผมสัญญากับมันนานแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีคุกกี้ให้มันเลย"
ซ่งถานไม่รู้ว่าห่านขาวจะดูแลหมูได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าไอ้ตัวนี้เผลอส่งเสียงร้อง ‘แคว้กแคว้ก’ ขึ้นมาเมื่อไหร่ มันคงดังลั่นไปทั้งหมู่บ้านจนทุกคนสะดุ้งเฮือก
น่าจะใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยได้ดี…
แต่เธอต้องบอกให้เฉียวเฉียวย้ำกับมันว่าอย่าส่งเสียงร้องมั่วซั่ว ไม่งั้นบ้านแถบด้านหลังที่อยู่ติดกับบ้านเราคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นช่วงบ่ายเฉียวเฉียวพาห่านไปที่แปลงล่างสุดให้พี่สาวหน่อย แล้วก็เลี้ยงมันด้วยอาหารดีๆ สักมื้อ"
ให้อาหารหมูก็ยังให้แบบเดียวกันกับที่ให้อาหารวัว ดังนั้นให้อาหารห่าน... ก็คงไม่ต่างกันกับให้อาหารเป็ดไก่ล่ะมั้ง
พี่น้องคู่นี้ต่างก็จัดการกันเอง ซ่งซานเฉินรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที
"งั้นพ่อต้องรีบทำเล้าห่านให้เสร็จก่อน แล้วก็พวกเป็ดไก่ที่หนูจะเลี้ยงด้วย ตอนนี้ก็ใกล้จวนเจียนจะเสร็จหมดแล้ว แต่เล้าไก่ยังเหลือซ่อมแซมอีกนิด"