ตอนที่แล้วตอนที่ 37 ไฟเริ่มลุกโชนในลั่วหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 จูล่งและเตียนอุยปะทะลิโป้

ตอนที่ 38 ลิยูจนปัญญา(ตอนฟรี)


**จัดตอนฟรีให้นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ใครชอบผลงานแอด ฝากติดตามด้วยน้า ตอนนี้โคตรมันเลย แอดอ่านไปขนลุกไป 5555**

ชานเมืองลั่วหยาง ริมฝั่งแม่น้ำเจี้ยนสุ่ย ภายใต้การปกปิดยามค่ำคืน กองทัพกำลังพาฮ่องเต้รีบหนีไปฉางอัน

พอเห็นไฟไหม้เมืองลั่วหยางด้านหลัง ขุนนางที่อยู่ใกล้ชิดฮ่องเต้ก็หลั่งน้ำตา

เมืองหลวงเก่าแก่ที่มีอายุกว่าสองร้อยปี!

ถูกตั๋งโต๊ะเผา!

ขบวนยาวเหยียดหลายร้อยลี้  ตลอดทางมีแต่เสียงร้องไห้ของชาวบ้าน  เสียงคร่ำครวญของขุนนาง  เสียงทหารสบถ  เสียงต่างๆดังระงม

ทั้งเมืองลั่วหยางตอนนี้เหมือนนรกบนดิน

“เผาเลย  เผาให้หมด  เผาให้ราบเป็นหน้ากลอง!” ตั๋งโต๊ะนั่งอยู่บนรถม้า มองไฟที่กำลังลุกไหม้เมืองลั่วหยางและหัวเราะชอบใจ

ไอพวกกบฎ ถึงเข้าไปในเมืองลั่วหยาง ก็ได้แต่ซาก!

ลิยูนั่งอยู่บนรถม้าอีกคัน หลับตาพักผ่อน  พอได้ยินเสียงหัวเราะของตั๋งโต๊ะ  เขาก็ยิ้ม

ครั้งนี้ เขาก็ชนะอีกแล้ว!

ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอ๋องแห่งกวนตง หรือนักปราชญ์  ต่างก็ตกเป็นเหยื่อในแผนการของเขา

เหล่าอ๋องมีทหารมากมายแล้วไง?

ตอนนี้ เขากำลังพาตั๋งโต๊ะถอยทัพไปฉางอันอย่างปลอดภัย

อีกแค่สามถึงห้าปี  เขาก็จะช่วยตั๋งโต๊ะแก้แค้น!

สถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ!

ทั้งสองคนกำลังคิดแผนการใหญ่  ขบวนของพวกเขาก็ข้ามเขาหม่างไปแล้ว

แต่ในตอนนี้  กลับมีข่าวร้ายมาถึง

"หลบไป หลบไป! "ทหารคนหนึ่งขี่ม้าวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ตะโกนไล่คนที่ขวางทาง  สร้างความตกใจให้กับคนในขบวน

"ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”  ลิยูโผล่หัวออกไปตะโกนถามอย่างโกรธๆ

ข้างรถม้า มีขุนพลคนหนึ่งชื่อว่าต่งเยว่  เป็นหลานชายของตั๋งโต๊ะ  ปัจจุบันเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพกลาง

พอได้ยินเสียงตะคอกของลิยู เขาก็รีบก้มหัว “บางทีอาจจะเป็นรายงานจากทัพหลัง ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอกขอรับ!”

ลิยูขมวดคิ้ว ตอนนี้ พวกเขากำลังถอยทัพไปสองทาง

ถ้าหากทำตามแผนของเขา ศัตรูไม่น่าจะไล่ตามมาทัน

ยิ่งไปกว่านั้น  ลั่วหยางก็กำลังไฟไหม้  กองกำลังพันธมิตรมันคงยุ่งอยู่กับการดับไฟ  คงไม่มีเวลามาสู้รบ

“เหวินโหยว มีอะไรหรือ?” ตั๋งโต๊ะถาม

ลิยูกำลังคิด ตั๋งโต๊ะก็พูด“หรือว่าทัพหลังเกิดเรื่อง? ”

พอได้ยินคำถามของตั๋งโต๊ะ ลิยูก็ต้องตอบ"ดูเหมือนจะเป็นรายงานการรบจากที่ไหนสักแห่ง แต่ข้าว่ากองทัพเรากำลังถอยทัพ  และศัตรูไม่น่าจะไล่ตามมาทัน แต่ข้าไม่รู้ว่ารายงานนี้มาจากไหน!"

“อืม?” ตั๋งโต๊ะขมวดคิ้ว

ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ  พวกเขาอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงก้าวเดียว นี่ต้องเป็นรายงานรบแบบไหน!

ทั้งสองคนกำลังงุนงง และทันใดนั้น  ลิฉุยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหา

"ท่านอัครมหาเสนาบดี เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว!  "

ตั๋งโต๊ะกับลิยูหน้าเปลี่ยนสี

เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้ลิฉุยกลัวขนาดนี้?

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ตั๋งโต๊ะตะโกนถาม

“ท่านอัครมหาเสนาบดี เกิดเรื่องไม่ดีแล้วขอรับ เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน มีทหารศัตรูนับหมื่นนายปรากฏตัวทางเหนือของด่านเซี่ยวผิงจิ่น”

"ตอนนี้ ด่านเซี่ยวผิงจิ่นแตกแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าทหารศัตรูพวกนั้นหายไปไหน! "

"อะไรนะ? ด่านเซี่ยวผิงจิ่นแตกแล้ว?"  ตั๋งโต๊ะกับลิยูตกใจหน้าซีด

รอบๆ ลั่วหยางมีแปดด่าน เรียกรวมกันว่าแปดด่านของลั่วหยาง

ทางเหนือของเขาหม่างมีด่านเหมิงจิ่นกับด่านเซี่ยวผิงจิ่น

ส่วนที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ ห่างจากด่านเซี่ยวผิงจิ่นทางตะวันตกของลั่วหยางไม่ถึงห้าสิบลี้!

ภายในครึ่งชั่วยาม ทหารศัตรูนับหมื่นนายก็อาจจะไล่ตามมาทัน!

"นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? ศัตรูมาจากไหน? " ตั๋งโต๊ะถามลิยูอย่างตกใจ

แต่ตอนนี้ ลิยูเองก็งงไม่แพ้กัน เขาเบิกตาโพล่งและพึมพำ

"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! "

"ทางเหนือมีแค่กองทัพของซุนเกี๋ยน และมันก็อยู่ที่เหอตง!"

"ต่อให้มันข้ามแม่น้ำมา ทำไมหวังฝางที่อยู่ที่ด่านเหมิงจิ่นถึงไม่ส่งข่าวมา?  "

"ศัตรูมันมาจากไหนกัน?"

"ช่วงนี้  มีข่าวจากด่านเหมิงจิ่นบ้างไหม?" ตั๋งโต๊ะเริ่มร้อนรน

“ในเมื่อศัตรูข้ามแม่น้ำมา ทำไมหวังฝางถึงไม่ส่งข่าวมา? ”

“ท่านอัครมหาเสนาบดี  ไม่มีข่าวจากทางนั้นเลยขอรับ!” ลิฉุยตอบ

“แม่ทัพหวังฝางซุ่มอยู่แถวด่านเหมิงจิ่นทุกวันแต่กลับไม่มีวี่แววของศัตรู  ”

ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ลิยูที่งง แต่ตั๋งโต๊ะก็งงเหมือนกัน!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ทหารนับหมื่นนายของซุนเกี๋ยนไม่น่าจะข้ามแม่น้ำมาได้โดยไม่ผ่านท่าเรือเหมิงจิ่น!

หรือว่าศัตรูมันบินมา?

ทุกคนตกใจ แต่ต่งเยว่เป็นคนที่ได้สติสุด เขรีบพูดกับตั๋งโต๊ะ

"ท่านอัครมหาเสนาบดี ตอนนี้ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อศัตรูยึดด่านเซี่ยวผิงจิ่นได้แล้ว พวกมันต้องตามมาทันแน่ พวกเราควรจะรีบหนี!  "

"ใช่ ใช่ ใช่!" ตอนตั๋งโต๊ะได้ยิน เขาก็ไม่มีความสุขเหมือนเดิมอีก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ลิฉุย นำทัพเร่งความเร็ว บอกกองทัพหลังให้ระวังตัวด้วย! ”

ลิฉุยรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากจึงรีบรับคำสั่งและจากไป

เช่นนั้น ขบวนของตั๋งโต๊ะจึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

แต่ตอนนี้  ทุกคนเร่งความเร็ว  ไม่มีใครใจเย็นเหมือนเมื่อก่อน

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เร่งความเร็วก็ไม่ทำให้ตั๋งโต๊ะสบายใจขึ้น

เขามักจะเปิดม่านมองไปข้างหลัง กลัวว่าจะโดนศัตรูโจมตี

ส่วนลิยู ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้ม ไม่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อน เขาเอาแต่ก้มหน้าคิด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมา“ท่านอัครมหาเสนาบดี ข้ารู้แล้ว! ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”

“ศัตรูมันมาแบบนี้นี่เอง!”

“พวกมันแสร้งทำเป็นซ่อมแซมถนนกระดานอย่างเปิดเผย แต่ลอบข้ามด่านเฉินชาง!”

พอเห็นท่าทีของลิยู หัวใจของตั๋งโต๊ะที่เพิ่งสงบลงก็ตื่นตระหนกอีกครั้ง"เหวินโหยว  เจ้าเป็นอะไร?  "

“ซ่อมแซมถนนกระดาน แต่ลอบข้ามด่านเฉินชาง? หมายความว่ายังไง? ” ตั๋งโต๊ะตกใจ

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านยังจำได้ไหม ตอนที่พวกเรากำลังคุยกันเรื่องซุนเกี๋ยน แม่ทัพเตียวเคยพูดว่าถ้าหากศัตรูแสร้งโจมตีเหอตง แล้วลอบข้ามแม่น้ำเหลือง พวกเราควรทำอย่างไร?” ลิยูรีบพูด

“วันนั้น  ข้าตอบว่าถ้าหากศัตรูจะข้ามมาทางใต้ ต้องผ่านด่านเหมิงจิ่น ดังนั้นไม่ต้องกังวล”

“ตอนนี้คิดดูแล้ว ความคิดนี้ผิดพลาดอย่างมหันต์! ”

“ผิดยังไง?”ตั๋งโต๊ะขมวดคิ้ว

“ที่ผิดก็คือพวกเราคิดว่าศัตรูจะข้ามแม่น้ำมาพร้อมกัน การข้ามเหมิงจิ่นสำคัญเพราะศัตรูต้องข้ามแม่น้ำมาด้วยจำนวนมากผ่านเหมิงจิ่น!”

“แต่ถ้าศัตรูไม่ข้ามแม่น้ำมาพร้อมกันล่ะ? งั้นพวกมันก็สามารถข้ามจากตรงไหนก็ได้!”

“ศัตรูมันต้องรู้ว่าพวกเราจะซุ่มโจมตีที่ด่านเหมิงจิ่น  พวกมันถึงใช้วิธีข้ามทีละกลุ่ม! ”

“บนผิวเผิน พวกมันแสร้งทำเป็นโจมตีเหอตง แต่จริงๆ แล้ว พวกมันค่อยๆข้ามแม่น้ำมาทางใต้!”

“ยิ่งไปกว่านั้น  การข้ามแม่น้ำมาทีละกลุ่มต้องใช้เวลา ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่แรก เป้าหมายของซุนเกี๋ยนไม่ใช่เหอตง  แต่เป็นลั่วหยาง!”

"เป้าหมายของมันคือลั่วหยาง? "

ตั๋งโต๊ะตาเบิกโพลง  ตกตะลึง

ที่แท้ตั้งแต่แรกพวกเขาเข้าใจแผนการของศัตรูผิด!  นี่คือความผิดพลาดร้ายแรงของการทำสงคราม!

“แต่ในเมื่อเป้าหมายของศัตรูคือลั่วหยาง ทำไมมันไม่โจมตีเร็วกว่านี้?ทำไมถึงรอจนถึงตอนนี้!”

“นี่แหละที่ข้ากังวล ถ้ามันอยากจะโจมตี ทำไมต้องรอ?” ลิยูยิ้มอย่างขมขื่น

“แต่ลองคิดดูสิ ทำไมศัตรูถึงเผอิญมาตอนเรากำลังย้ายเมืองหลวง?”

“เหตุผลว่าทำไมซุนเกี๋ยนถึงเคลื่อนไหวช้าก็เพราะเขากำลังรอให้ทัพเราย้ายเมืองหลวง!”

“พูดอีกอย่างก็คือตั้งแต่แรก ศัตรูมันรู้แล้วว่าพวกเราจะย้ายเมืองหลวง!”

“พวกมันเตรียมพร้อมไว้แล้ว รอให้พวกเราติดกับ! ”

พูดจบ ลิยูก็รู้สึกหนาวสันหลัง เขานึกถึงคำตัดสินของตัวเองก่อนออกเดินทาง

ในกองทัพของซุนเกี๋ยนมียอดคน!

ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอีกฝ่ายอยู่ไกลถึงเหอตง คงทำอะไรเขาไม่ได้

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าทุกการเคลื่อนไหวของเขาก็อยู่ในการคาดการณ์ของคนคนนั้น!

ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากเวลาที่ซุนเกี๋ยนยกทัพขึ้นเหนือ ก็ชัดเจนว่าหลังจากยึดด่านโสหุยได้ มันก็คิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว

นี่ใช่สิ่งที่สมองคนจะคิดได้หรือ?

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ช่วงนี้  กองทัพของซุนเกี๋ยนเตรียมอะไรไว้บ้าง?”

“พวกมันวางแผนอะไรกันแน่?”ตั๋งโต๊ะถาม

ลิยูฟังแล้วก็ยิ้มขมขื่น

ความรู้สึกพ่ายแพ้แล่นเข้ามาในใจของเขา

เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศัตรูเตรียมกับดักอะไรไว้!

ครื่นนนนน!

ทันใดนั้น  ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน  ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากข้างนอกรถม้า

ฟ้าร้อง?

ตั๋งโต๊ะกำลังสงสัย  แต่ช่วงเวลานั้นเอง สีหน้าของลิยูเปลี่ยนไป เขารีบลุกขึ้นยืน พูดด้วยความสิ้นหวัง

“แย่แล้ว แย่แล้ว ขบวนทัพของเราโดนตัดขาดแล้ว!”

พูดจบ น้ำปริมาณมหาศาลก็ไหลลงมาจากภูเขา  ตัดขบวนทัพของตั๋งโต๊ะ!

**โคตรมัน 555555**

5 3 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด